Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เรื่องเล่าจากร่างกาย
•
ติดตาม
20 ธ.ค. 2022 เวลา 13:14 • สุขภาพ
เคยมีอาการ เรอเปรี้ยว ท้องอืดแน่นท้องหลังกิน แสบร้อนบริเวณลิ้นปี่ รู้สึกจุกๆ ในลำคอเหมือนมีอะไรติดอยู่ ไอแห้งๆ เสียงแหบเรื้อรัง บ้างไหมครับ ?
อาการเหล่านี้แม้ว่าจะไม่รุนแรงมาก แต่ก็เป็นอาการที่ไม่ควรละเลย
เพราะอาจจะเป็นอาการของโรคกรดไหลย้อนหรือ GERD ซึ่งถ้าไม่ดูแลอาจจะมีผลเสียระยะยาวได้
เรามาดูกันครับว่า กรดที่ไหลย้อนขึ้นมาจากกระเพาะทำอันตรายอะไรกับเราได้บ้าง ?
เมื่อกรดที่ไหลย้อนขึ้นมาจากกระเพาะไปโดนส่วนไหน ส่วนนั้นก็จะโดนกรดกัดกร่อน
หรือแม้แต่ไอระเหยของกรดก็ยังสามารถทำให้เกิดการบาดเจ็บและการอักเสบได้
ตัวอย่างที่พบได้บ่อย เช่น
ถ้ากรดไหลย้อนขึ้นไประคายเคืองเซลล์ที่บุผนังหลอดอาหารนานๆ ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์จนอาจนำไปสู่มะเร็งของหลอดอาหารได้
ถ้ากรดขึ้นไประคายเคืองกล่องเสียง ก็อาจจะทำให้สายเสียงอักเสบ เกิดเสียงแหบเรื้อรังได้
ถ้ากรดหรือไอระเหยของกรดย้อนขึ้นไปสูงจนเข้าไปในทางเดินหายใจ ก็จะทำให้เกิดภาวะหลอดลมอักเสบ หรือเกิดอาการหอบหืดได้ และนานๆ ไป อาจจะถึงขั้นเกิดผังผืดขึ้นภายในปอดได้
ถ้ากรดขึ้นไปถึงในช่องปาก อาจจะเป็นสาเหตุของเคลือบฟันสึก ฟันผุหรือกลิ่นปากที่หาสาเหตุไม่เจอแม้ว่าจะดูแลเหงือกและฟันดีแล้ว
ด้วยเหตุนี้ เราจึงไม่ควรจะละเลยภาวะกรดไหลย้อน
คำถามคือ เราจะดูแลรักษาเบื้องต้นด้วยตนเองได้อย่างไรบ้าง ?
1. ถ้าเดิมเป็นคนอ้วน ให้พยายามลดความอ้วน เพราะความอ้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญ
2. ทดลองเลี่ยงอาหารบางอย่างที่กระตุ้นให้เกิดอาการได้ เช่น อาหารเปรี้ยว เผ็ดจัด อย่าง ส้ม มะนาว เลี่ยงมะเขือเทศ รสมิ้น อาหารมันๆ กระเทียม กาแฟ แอลกอฮอล์ และช็อคโกแลต
3. ทดลองปรับพฤติกรรมต่อไปนี้ ได้แก่ เลี่ยงการนอนเล่นหลังอาหาร ถ้าเป็นไปได้ให้เดินเล่นหลังกิน อย่ากินอาหารค่ำใกล้เวลานอนมากเกินไป อย่างน้อยๆ ก็ 2-3 ชม. ก่อนนอน ทดลองนอนหมอนสูง พยายามเลี่ยงการกินจนอิ่มตื้อ แต่ให้แบ่งเป็นมื้อที่เล็กลงและอาจจะกินบ่อยขึ้น
4. พยายามเลิกสูบบุหรี่
5. อย่าใส่เสื้อผ้าที่รัดพุงแน่นจนเกินไป
นอกเหนือจากวิธีเหล่านี้ ก็ยังมีทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ คือ การกินสิ่งที่เรียกว่า โปรไบโอติก หรือจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเรา แต่ไม่ใช่โปรไบโอติกไหนๆ ก็จะได้ผลเหมือนกันหมด
คำถามคือ เราจะเลือกโปรไบโอติกที่เหมาะสมได้ยังไง ?
เนื่องจากโปรไบโอติก ถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ดังนั้น ผู้ผลิตจึงไม่ถูกควบคุมคุณภาพเท่ากับการผลิตยารักษาโรคต่างๆ ด้วยเหตุนี้ การเลือกซื้อโปรไบโอติกจึงมีความสำคัญและผู้บริโภคควรจะมีความรู้สักเล็กน้อยว่าควรจะเลือกซื้อของแบรนด์ไหน
หลักการคร่าวๆ ในการเลือกโปรไบโอติกมีดังต่อไปนี้
1. ชนิดของจุลินทรีย์ที่ใช้
โดยชื่อของแบคทีเรียจะมีสองหรืออาจจะสามส่วน เหมือนนามสกุล ตามด้วยชื่อกลาง และชื่อต้น
สิ่งที่เราต้องเสริช์ดูคือ ชื่อของจุลินทรีย์ตัวนั้นว่ามีงานวิจัยรองรับว่าสามารถรักษาอาการที่เราต้องการได้หรือไม่ เพราะในการทำงานวิจัย นักวิจัยจะทำการทดลองกับสายพันธุ์นั้นๆ ว่า ใช้รักษาอาการนั้นได้ผลหรือไม่
2. ปริมาณของจุลินทรีย์ที่ใช้ หลักการก็คล้ายๆ เหมือนกับการกินยา คือ ปริมาณต้องมากเพียงพอ ถ้าน้อยไปก็ไม่ได้ผล โดยทั่วไปถือว่าเชื้อแต่ละชนิดควรจะมากกว่า หนึ่งพันล้าน CFU แต่ไม่ได้แปลว่ามากที่สุดจะดีกว่าเสมอไปต้องดูคุณภาพการผลิตด้วย และเชื้อที่มากไปก็อาจจะก่อให้เกิดอาการข้างเคียงได้
3. เรื่องของคุณภาพเป็นเรื่องที่พิจารณาได้ยาก เพราะอาหารเสริมจะไม่ถูกควบคุมด้วยมาตฐานที่เข้มงวดเหมือนการผลิตยา ดังนั้นคำแนะนำที่นิยมให้ใช้กันคือ เลือกแบรนด์ที่มีชื่อเสียง เชื่อถือได้หรือมีความเชี่ยวชาญทางด้านไบโอเทคโนโลยี
4. วันหมดอายุ
เพราะโปรไบโอติกเป็นสิ่งมีชีวิต ดังนั้นการเก็บรักษาในอุณหภูมิที่เหมาะสมจึงสำคัญ เทคโนโลยีการผลิตที่ต่างกันทำให้โปรโบโอติกบางแบรนด์สามารถเก็บที่อุณหภูมิห้องได้ บางแบรนด์ต้องแช่เย็น นอกเหนือจากนี้วันหมดอายุก็สำคัญ เพราะหลังวันหมดอายุไปแล้ว ปริมาณจุลินทรีย์ที่มีอาจจะต่ำจนไม่เกิดประโยชน์อะไรต่อร่างกายเรา
5. การพิจารณาว่ากินไปแล้วได้ผลหรือไม่ จะบอกได้ค่อนข้างยาก เพราะโปรไบโอติกเป็นเรื่องใหม่ ความรู้ยังมีจำกัด ซึ่งต่างจากยารักษาโรคที่เรามีข้อมูลมากมายว่าใครจะได้ผล ไม่ได้ผลบ้าง โอกาสดีขึ้นกี่เปอร์เซนต์
โปรไบโอติกมีปัจจัยที่ทำให้แต่ละคนตอบสนองต่างกันมาก เช่น แบคทีเรียในลำไส้เราแต่เดิม อาหารที่เรากินเป็นประจำ การนอน ฯลฯ โดยทั่วไปก็จะแนะนำว่าลองใช้สักเดือนนึง (หรือจนกว่าจะหมดแพ็คเกจ) ถ้าได้ผลก็สามารถกินต่อ แต่ถ้าไม่ได้ผลก็หยุด แล้วอาจจะทดลองตัวใหม่หรือแบรนด์ใหม่
ผมเลยอยากจะขอแนะนำให้รู้จักแบรนด์โปรไบโอติกที่เป็นผู้สนับสนุนคอนเทนต์นี้ของเรา bioCRAFT ว่าทำไมจึงน่าสนใจ
แบรนด์ bioCRAFT มีโปรไบโอติกหลายผลิตภัณฑ์ด้วยกัน แต่ตัวที่อยากจะเน้นเป็นพิเศษคือ bioCAP7
เหตุผลคือ
ในแง่สายพันธุ์
bioCAP7 คัดเลือกสายพันธุ์ที่มีข้อมูลสนับสนุนว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงระบบขับถ่าย ระบบภูมิคุ้มกัน และสามารถช่วยบรรเทาอาการกรดไหลย้อนได้
ในแง่ปริมาณ
bioCAP7 มีปริมาณมากกว่า หนึ่งหมื่นล้านตัว (ปริมาณที่แนะนำให้กินต่อวัน)
ในแง่คุณภาพ
bioCRAFT เป็นแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือ เพราะผลิตจากบริษัทที่ชำนาญทางด้านไบโอเทคโนโลยีเป็นพิเศษ จึงมีระบบการจัดเก็บ และขนส่งจุลินทรีย์ที่เหมาะสม
นอกจากนี้ทางบริษัทยังมีการลงทุนสร้างศูนย์วิจัยของบริษัทเอง และมีการทำงานวิจัยเพื่อหาความรู้ใหม่ๆ ทางด้านชีวภาพร่วมกับสวทช. ทำให้มีองค์ความรู้ และความน่าเชื่อถือมากขึ้น
ถ้าสนใจ สามารถสอบถามเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่👇🏻
Facebook: @bioCRAFT.SAS
Shopee:
https://shope.ee/6KTnlTnYgf
สุขภาพ
5 บันทึก
3
1
3
5
3
1
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย