30 ธ.ค. 2022 เวลา 11:00 • ไลฟ์สไตล์
ตอนที่ 20: Recap 2022 Moment - ปีนี้ฉันทำอะไรบ้าง แล้วได้อะไรมาบ้างนะ?
ใกล้จะหมดปีแล้ว รู้สึกเร็วมากอย่างบอกไม่ถูกเลยค่ะ 5555 เผลอไปแป้บเดียว ดิฉันก็มาเจอตัวเองนั่ง reflect ประจำปีอีกแล้ว จำได้ว่าปีก่อนเพิ่งจะทำไปเองนะ! อาจเป็นเพราะปีนี้อาจมีอะไรดี ๆ เยอะหรือเปล่าไม่แน่ใจ ทำให้รู้สึกว่าเวลาเดินไปอย่างรวดเร็วมากอย่างน่าตกใจ (ขอให้เป็นแบบนั้นเถอะนะ 5555)
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ดิฉันขออนุญาต ‘รีแคปโมเม้นต์ปี 2022’ เลยละกัน ตั้งใจว่าจะพยายามเขียนแบบ ‘เอาแค่แก่น’ ให้ตัวเอง ไม่พร่ำเพ้อเยอะหากไม่จำเป็น เอาแค่เพื่อให้เป็น reminder ให้ตัวเองว่า เราทำอะไรมาบ้าง แล้วเราได้อะไรจากมัน
มาดูกันว่าจะสั้นได้อย่างที่คิดไว้หรือเปล่า 555555
Stop No.1: การทำงาน (แบบ Full-time) ครั้งแรกในชีวิต - ได้ดั่งใจหวังอย่างไม่น่าเชื่อ แถมก็จบแบบที่แพลนไว้อย่างไม่น่าเชื่อเช่นกัน
เบิกฤกษ์มาด้วยประสบการณ์การทำงานเป็น ‘นักจิตวิทยาให้คำปรึกษา’ อาชีพในฝันของดิฉันที่มีมาตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัย
รู้สึกว่าการทำงานนี้เป็นสิ่งหนึ่งในปีนี้ที่ไม่เสียดายเลย เพราะประสบการณ์นี้ทำให้รู้จริง ๆ ว่านักจิตวิทยาให้คำปรึกษาเขาทำงานกันอย่างไร ซึ่งบรรลุเป้าประสงค์ที่ตัวเองวางไว้เป๊ะ ๆ เลยแถมก็จบได้ตามที่ใจคิดไว้เหมือนกัน หลังจากที่มีความรู้สึกทนทุกข์กับการทำงานแล้วมันยิ่งหนักมากขึ้นในช่วงเดือนหลัง ๆ (เพราะมันเบื่อ เนือย ร่างกายแสนล้า ไร้พลังงานความสนุกหรือความท้าทายในการทำงาน) แต่ก็สามารถทำมาได้จนครบสัญญาก่อนออกจริง ๆ
สิ่งที่ได้เป็นโบนัสเพิ่มเติมจากการทำงานนี้มาก็คือบรรยากาศการทำงานอบอุ่นมาก ๆ ต้องยอมรับเลยว่าเพื่อนร่วมงานที่ทำงานด้วยน่ารักทุก ๆ คน ตั้งแต่เพื่อนที่เข้ามาทำงานรุ่นเดียวกัน รุ่นพี่ที่เคยทำงานตำแหน่งเดียวกันมาก่อน superviser ทุกท่าน หรือแม้กระทั่งพี่ ๆ ที่ทำงานข้ามแผนก ที่ก็ให้การช่วยเหลือเราเป็นอย่างดี (สำหรับเด็กน้อยหน้าใหม่ที่ต้องมารู้จัก ‘การเซ็นสัญญาจ้าง’ ครั้งแรกอะนะ 5555)
จากประสบการณ์นี้ทำให้ฉันได้บทเรียนกับตัวเองว่า
1) ผลลัพธ์การทำงานที่เกิดขึ้น ไม่ได้มาจากตัวเราอย่างเดียว มันมาจากปัจจัยอีกหลายสิ่งมาก ๆ ที่ทำให้ end up แบบนั้น ซึ่งบางอย่างก็เป็นสิ่งที่เหนือการควบคุมของเรา ตราบใดที่เรารู้ว่าเราตั้งใจทำ รู้ว่าเราใช้ความรู้และ ethics ในการทำงานจริง ๆ นั่นคือเราทำหน้าที่ของเราได้ดีมาก ๆ แล้ว จงภูมิใจซะ
2) การได้คุยหรือระบายกับเพื่อนหรือใครสักคน เป็นสิ่งหนึ่งที่เยียวยาใจที่เศร้าหมองของเราได้จริง
3) อย่าคิดไปก่อนว่าสิ่งที่เราทำไม่ช่วยอะไรเลย เพราะสุดท้ายเราไม่มีทางรู้ว่า client ได้อะไรมั้ยจริง ๆ หรือบางที client อาจจะได้อะไรจากสิ่งที่เราไม่รู้สึกว่าช่วยอะไรเลยก็ได้ - การที่คิดแบบนี้เท่ากับว่าเรามีธงไว้ในใจ ซึ่งนั่นแปลว่าเราไม่ได้ฟังและสร้าง goal ไปกับ client จริง ๆ
4) การทำงานสายนี้ (ในไทย) ถ้าให้พูดแบบไม่โลกสวย มองว่ามันค่อนข้างมีอุปสรรคเหมือนกัน มันมี condition หลายอย่างที่สุดท้ายแล้วทำให้มันไม่สามารถโตได้เต็มที่ เราต้องลงทุน ลงแรง เป็นผู้ไขว่คว้าหาที่ยืนเอง ไม่งั้นอยู่ไม่ได้จริง ๆ (ปล. เราอาจจะเป็นคนไม่พอใจกับ statement การทำงานตรงนี้เองด้วยส่วนหนึ่งเลยทำให้คิดแบบนี้)
Stop No.2: Wall of Sharing - ประสบการณ์เล็ก ๆ ที่น่ารักและงานไม่โหดเหี้ยมจนเกินไป
อีกหนึ่ง community การทำงานที่น่ารักและอบอุ่นมาก ๆ เช่นกัน ได้ทำงานกับคนที่มีประสบการณ์หลากหลาย รวมถึงได้ลองทำงานในตำแหน่งที่อยากทำมาก ๆ ตอนฝึกงานด้วย นั่นก็คือ ‘Content Creator’ สานฝันให้ตัวเองสุด ๆ ไปเลย! ก็รู้สึกว่าตนได้อะไรหลายอย่างจากการทำงานที่นี่เหมือนกัน ได้เห็นกระบวนการการทำงานกว่าจะได้มาเป็นหัวข้อหนึ่งเพื่อเขียน และก็ได้ลับสกิลหลายอย่างที่ไม่ได้ใช้มานาน เป็นงานเรื่อย ๆ ชิว ๆ ที่ทำแล้วรูุ้สึกสบายใจดี :)
สิ่งที่ได้จากเรียนรู้จากประสบการณ์นี้ก็คือ ได้เห็นว่างาน Content Creator ก็ไม่ได้ซับซ้อนมากอย่างที่คิด มีความเป็น logic ที่เข้าใจง่ายอยู่เหมือนกัน ไม่แน่ใจว่าส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะมัน run ด้วยอาสาสมัครด้วยมันเลยอาจไม่ได้จริงจังมาก แต่ก็พอเห็นภาพ และอย่างน้อยก็ได้พื้นที่ในการลองทำสิ่งที่เคยทำใน version ที่เริ่มจริงจังขึ้น ก็ตื่นเต้นดีนะ
Stop No.3: สอนเปียโนครั้งแรกในชีวิต - จริง ๆ แล้วฉันก็รักเด็ก (จิ๋ว) นี่หว่า!
แม้ว่าก่อนจะได้เข้ามาสอนต้องต่อสู้กับความกลัวและความกังวลในศักยภาพของตนเองมาค่อนข้างเยอะ แต่สุดท้ายรู้สึกว่าคิดถูกมากที่มาเป็นครูสอนเปียโนกับโรงเรียนสอนดนตรีแห่งนี้ เนื้อหาการสอนค่อนข้าง make sense บรรยากาศการทำงานก็ดีมาก ๆ มีความยืดหยุ่นสูง เพื่อนร่วมงานคุยกันได้และใจดีมาก ๆ ส่วนการทำงานกับเด็กก็…..ไม่ได้แย่อย่างที่คิดเลย แถมสร้าง positive energy และรอยยิ้มให้เราได้ด้วยอย่างไม่น่าเชื่อ
ประสบการณ์นี้ทำให้เรารู้ว่า
1) ฉันรักเด็ก แม้ว่าฉันจะพยายามซึน หรือแอคคูลว่าไม่ชอบเด็ก แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ว่าเด็กมันน่ารักว่ะ!
2) อย่าเพิ่งตัดสินหรือประเมินสถานการณ์ไปก่อน เข้าใจว่าชอบทำเพราะไม่อยากให้ตัวเองเจอประสบการณ์ที่ไม่ดี หรือมีความรู้สึกผิดหวัง แต่ถ้าเราไม่ลอง เราจะไม่มีทางรู้เลยว่าสิ่งนั้นคือประสบการณ์ที่ดีหรือไม่ดี และเราจะไม่มีวันขยายกรอบจำกัดหรือทำความรู้จักตัวเองเพิ่มเติมได้เลย (ซึ่งนั่นก็คือสิ่งที่ตัวเองอยากทำมาโดยตลอดนั่นแหละ)
Stop No.4: จอยคอนเสิร์ตในรอบหลายปี - อย่าเสียดายเงิน เพราะเรา deserve ที่จะได้รับความสุขที่มีค่ามากเท่านี้
ประสบการณ์การดูคอนเสิร์ตสุดมันส์กับเพื่อน ๆ เป็นอะไรที่ไม่เคยคิดภาพในหัวเลย แต่พอสุดท้ายเมื่อได้พาตัวเองไปลองอีกครั้งก็ค้นพบว่ามันอิ่มใจจริง ๆ ยอมรับว่ามีคอนเสิร์ตหนึ่งที่แอบรู้สึกเซ็งนิดหน่อยเพราะไม่รู้สึกสนุกเท่าที่ควร แต่โดยรวมก็มองว่ามันก็ทำให้เรา lost ไปในภวังค์แห่งความสุขได้จริง ๆ
ถ้าอยากดูคอนเสิร์ตของใคร (จริง ๆ) อย่าเสียดายเงิน รีบจองเถอะสาว 55555
Stop No 5: วิทยากรให้ความรู้ครั้งแรก - ชอบงาน educate ว่ะ
แม้ว่าจะเป็นการทำงานที่กังวลมากจนนอนไม่หลับ เพราะมีความไม่มั่นใจลึก ๆ ว่าเราไม่ได้ professional เบอร์นั้น เลยทำให้กังวลว่าสิ่งที่พูดไปจะถูกหลักจิตวิทยาจริง ๆ หรือเปล่า (แม้ว่าเราจะเช็คแล้วเช็คอีก ถามผู้รู้มากมายเต็มไปหมด อ่าน research paper ที่ทำให้นอยด์หลายครั้งเพราะบางทีก็สงสัยตลอดว่าเข้าใจถูกมั้ย) แต่สุดท้ายแล้วเรารู้สึก grateful มากที่ได้แบ่งปันสิ่งที่เรารู้สึกว่าเป็นประโยชน์และถูกหลักตามจิตวิทยาจริง ๆ ให้แก่ผู้ฟัง การพูด solo ยาว 2 ชม. กว่าไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด แม้ว่าจะเจ็บคอก็ตาม
ก็กลับมาสู่หลักเดิม….ผลลัพธ์สุดท้ายเป็นสิ่งที่มาจากหลากหลายปัจจัย ตราบใดที่เรารู้ว่าเราทำมันด้วยศักยภาพและความตั้งใจของเราเต็มที่ นั่นคือเราทำหน้าที่ของเราได้ดีมากแล้ว
Stop No 6: คัมแบควงการบัลเล่ต์ - เติมไฟ เติมพลังใจสุด ๆ!
ช่วงต้นเดือนธันวาที่ผ่านนี้ได้ทำการแสดงบัลเล่ต์กับโรงเรียนบัลเล่ต์ที่เรียนมาตั้งแต่เด็กด้วย! โมเมนต์ on stage ยังคง magical และทรงพลังกับตัวเองอยู่เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
ส่วนที่ชอบที่สุดในประสบการณ์นี้คือตอนช่วงซ้อมการแสดง ได้มีโอกาสได้ทำ class กับนักบัลเล่ต์คนไทยมืออาชีพประสบการณ์ดีกรีระดับ principal dancer จากอเมริกา บอกเลยว่าเอนจอยมาก เหมือนเขาสามารถบิ้วการเต้นของเรา ทำให้เราอยากทำให้มันดีขึ้นกว่าเดิมอีกในรูปแบบที่มองว่ามันเป็น challenge ที่ท้าทาย สนุก และน่าลอง เขาได้ให้แนวคิดเกี่ยวกับการเต้นใหม่ ๆ ที่ช่วยทำให้การเต้นของเราดีขึ้นได้อย่างประหลาดใจ สนุกมาก ๆ!
และยิ่งได้กลับมาอยู่ในบรรยากาศเก่า ๆ ได้เจอเพื่อน คุณครู หรือแม้แต่ได้เจอะเจอรุ่นน้องใหม่ ๆ เต็มไปหมด มันยิ่ง refresh เรา ได้รับ energy น่ารัก ๆ เยอะมากจากที่นี่ และโมเมนต์นี้คงจะเป็น powerful memeory แก่เราไปอีกนานเลยแหละ
Stop No.7: เปิดใจครั้งแรกกับครอบครัว - ความรักจากครอบครัวแม่งเป็นเรื่องจริง!!
ครั้งแรกในชีวิตที่พูดความไม่สบายใจที่ครอบครัวเคยทำให้กับตนเอง (เพราะปกติแคร์ความรู้สึกคนอื่นมาก ๆ และมักมองว่าส่วนหนึ่งที่เราเป็นแบบนี้ก็เพราะตัวเรา จัดการตัวเองเลยน่าจะเวิร์คสุด) ดีใจมากที่สุดท้ายก็กล้าพูดในสิ่งที่ตนเองรู้สึก และสามารถสื่อสารที่ตัวเองอยากพูดได้อย่างกระชับและตรงไปตรงมาที่สุด
(ขอบคุณจิตวิทยามากที่ช่วยตัวเองในส่วนนี้)
จากเหตุการณ์นี้ทำให้เรารู้ว่า
1) ความรักที่เขามีให้เรามันจริง แม้ว่ามันจะผสมปนกับไปกับความคาดหวังและความเป็นห่วงก็ตาม
2) จง Appreciate กับความพยายาม เข้าใจว่าตัวเองเป็นคน deep เวลาเจอทัศนคติอะไรที่ไม่ได้มาจากความเข้าใจอย่างถ่องแท้จริง ๆ เรามักตีความไปว่าเขาไม่เข้าใจ การที่เขาพยายามเข้าใจ มันยังดีกว่าการที่เขาไม่พยายามที่จะเข้าใจ ซึ่งสิ่งนั้นแม่งน่ารักมาก ๆ เลย
3) การสื่อสารแบบพูดความต้องการตรง ๆ ออกไปแบบที่ไม่ห่วงฟอร์มของตัวเอง เป็นวิธีการที่เวิร์คมาก เพราะนอกจากจะทำให้เราเข้าใจในความซับซ้อนของตัวเองแล้ว (ว่าสุดท้ายมึงต้องการแค่นี้แหละ) ผู้รับสารก็สามารถเข้าใจและตอบสนองความต้องการที่เราต้องการได้จริง ๆ แม้ว่าบางทีมันอาจจะไม่ได้ตอบสนองอย่างสวยงามในแบบที่เราวาดฝันไว้ (เพราะเราเป็นคน dramatic) แต่อย่างน้อยเราเห็นว่าเขาเก็ต และเราก็ยอมรับและให้เกียรติที่เขาเลือกจะตอบสนองแบบนั้นเช่นกัน (เพราะเขาอาจจะไม่รู้จริง ๆ ก็ได้)
4) การยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น เป็น end up result ที่สามารถทำให้เราไม่ suffer ได้จริง (แต่เชื่อว่าต้องอาศัยการฝึกฝนบ่อย ๆ ซึ่งเป็น task ที่เราต้อง work on ต่อไป เพราะการทำซ้ำ ๆ ทำให้เกิดความเคยชินและความอัตโนมัติทางความคิดนั่นเอง)
5) เขาเชื่อจริง ๆ ว่าเราโตแล้วและสามารถใช้ชีวิตได้ด้วยการตัดสินใจของตัวเองได้ :)
Stop No.8: กลับมาสู่วังวนของการสมัครงาน - เครียดและกังวลมากกับความเรื่องเยอะของตัวเอง แต่ถ้ามันไม่ meet criteria ของฉัน มันก็ไม่ได้ป่าววะ!
หลังจากที่แผนเดิมในการใช้ชีวิตด้วยการหากินกับเปียโนไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ สุดท้ายก็เลยกลับมาที่การหางานประจำ ซึ่งก็ต้องกลับมาสู่บรรยากาศที่ต้องประชุมและตบตีกับตัวเองอยู่หลายครั้ง ซึ่งทำให้เครียดและกังวลมาก ในช่วง 3 เดือนหลังที่ผ่านมาบอกเลยว่าเจอกับเหตุการณ์ที่ทำให้รูุ้สึกแย่กับตัวเองไปเยอะ ซึ่ง่ส่วนมากมักเป็นความรู้สึกพลาดกับการตัดสินใจของตัวเอง
แต่ประสบการณ์ความเครียดนี้ก็ทำให้เราได้อะไรเยอะเหมือนกัน (เข้าสู่โหมดเตือนตัวเองอย่างจริงจัง)
1) อย่ากลัวการปฏิเสธงาน เพราะถ้าเราต้องฝืนทำในสิ่งที่ sense ของเราบอกว่ามันไม่ใช่จริง ๆ นั่นน่าจะทำให้เรา suffer มากกว่าที่จะปฏิเสธไปตอนนี้ อย่าให้ความสำคัญกับตัวเองเยอะไปเพราะสุดท้ายแล้ว เขาก็แค่หาคนใหม่เท่านั้นเองค่ะ 55555
2) การ list ถึงภาพความต้องการในงานเป็นเรื่องจำเป็นมาก (ต้องเขียนเท่านั้น และอย่าขี้เกียจเขียนเขียนให้ละเอียดที่สุด)
3) ลองสมัครไปก่อน แล้วค่อย negotiate หรือชี้แจงถึงความต้องการในการทำงานของเรา น่าจะเป็นแนวทางที่ทำให้รู้สึกสบายใจมากกว่า เพราะมันไม่ได้ปิดกั้นตัวเอง และไม่ทำให้รู้สึกเสียดายภายหลัง
4) จงมั่นหน้าว่าเรามีดี การที่เราไม่ได้งาน ไม่ได้หมายความว่าเราไม่เก่ง timing มันอาจจะไม่ได้ก็ได้ ก็เป็น their lost ไปละกันที่เขาไม่เลือกเรา เพราะว่าฉันไม่เหมือนใคร น่ารักแบบนี้มีที่ไหน โปรดอย่ามองข้ามไป ถ้าไม่รักแล้วเธอจะเสียใจ!
ว่าไปปป พอกลับมาเลื่อนอ่านดูเราก็ทำอะไรเยอะมากในปีนี้เหมือนกันนะเนี่ย 555555 แม้ว่าเราจะยังรู้สึกเล็ก ๆ อยู่เหมือนเดิมว่ายังไม่ค่อยทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเท่าไหร่เลย เป็นปีที่ได้ลองอะไรใหม่ ๆ เยอะเหมือนเดิมใน version ที่จริงจังขึ้น ได้ค้นพบนิสัยแปลก ๆ อันใหม่ ของตัวเองที่มาจากการที่เราเติบโตขึ้นในประสบการณ์ใหม่ ๆ
สิ่งที่ยังอยาก work on กับตัวเองก็คงเป็นเรื่องการจัดการความกังวลของตัวเองเป็นหลักแหละ รู้สึกว่ามันเริ่มหนักขึ้น หมายถึงเริ่มรู้สึกอ่อนไหวต่อมันได้มากขึ้น เลยคิดว่าต้องอาศัยเวลาในการเยียวยาหน่อย (ล่าสุดลุกลามไปในเรื่องการนอนแล้ว ทรมานสุด ๆ)
คิดว่าจะพยายามปล่อยให้ตัวเองได้พักมากขึ้นให้มากเท่าที่ทำได้ ปล่อยให้ตัวเองได้ ‘ขี้เกียจ (?) ’มากขึ้น (เพราะความขี้เกียจ มันคือสัญญาณของร่างกายที่กำลังบอกว่าเราต้องพัก และเราสามารถดีขึ้นได้จากการพัก) แล้วก็จะพยายามปล่อยให้ได้ทำอะไรตามใจตัวเองบ้าง แม้ว่ามันจะชอบถูกขัดจากการคิดอะไรเยอะแยะไปหมดของตัวเองก็ตาม
(My Inspiration of being lazy - Gudetama)
ใด ๆ ก็ตาม ปีนี้เป็นปีที่สนุกมากค่ะ แม้ว่าจะมีหลายเรื่องชวนให้เครียดจนนอนไม่หลับก็ตาม
We’ll see how next year goes!
โฆษณา