30 ธ.ค. 2022 เวลา 00:00 • สิ่งแวดล้อม
ทำไมต้องมีฉลากเขียว♻️
🔍ฉลากเขียว คืออะไร??
ฉลากที่รับรองให้กับผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มีคุณภาพและมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ทำหน้าที่อย่างเดียวกัน โดยคุณภาพยังอยู่ในระดับมาตรฐานที่กำหนด✅
♻️เมื่อเรื่องของสิ่งแวดล้อมและกระแสการรักษ์โลกยังคงมาแรงอย่างต่อเนื่องและไม่มีทีท่าว่าจะจางหายไป ประกอบกับการเติบโตของกลุ่มผู้บริโภคสายกรีน ทั้งในและต่างประเทศ ถือเป็นสัญญาณส่งเสียงเรียกให้ผู้ประกอบการและผู้ผลิต หันมาใส่ใจในการหาช่องทางหรือเครื่องหมายแสดงตนให้ตอบโจทย์กับความต้องการของตลาด ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ “ฉลากเขียว” นั่นเอง✔️
🔍มาดูกันว่า ใน 5 ประเทศส่งออกที่เป็นตลาดหลักของไทย เขาใช้ฉลากสินค้าสิ่งแวดล้อม (ฉลากเขียว) แบบไหน และครอบคลุมธุรกิจอะไรบ้าง เพื่อเป็นแนวทางในการพาสินค้าไทย export สู่ต่างประเทศได้อย่างราบรื่น🌏
ฉลากสิ่งแวดล้อม หรือ “ฉลากเขียว” เป็นฉลากที่จะแสดงถึงสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า พร้อมเป็นตัวช่วยให้ผู้บริโภคใช้ตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าหรือบริการที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยแต่ละประเทศจะมีฉลากเขียวที่แตกต่างกันออกไป
เริ่มจาก สหรัฐอเมริกา ตลาดสำคัญในการส่งออกของไทย จะมี 2 ฉลากเขียว สำหรับการันตีสินค้าสาย Green
- ฉลาก EPEAT
เป็นฉลากสิ่งแวดล้อมประเภท 1 ใช้ในหมวดหมู่สินค้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ , อุปกรณ์เครือข่าย และ อุปกรณ์โซลาร์เซลล์
โดยสินค้าที่จะได้ฉลาก EPEAT ต้องได้มาตรฐานของ IEEE 1680 ซึ่งมีเกณฑ์มาตรฐานอยู่ 23 ข้อ ฉลาก EPEAT แบ่งออกเป็น 3 ระดับ
  • ถ้าผ่านเกณฑ์มาตรฐาน 23 ข้อ จะได้ระดับ Bronze
  • ผ่านเกณฑ์เพิ่มเติมอีก 14 ข้อจะได้ระดับ Silver
  • และถ้าผ่านเพิ่มเติมอีก 21 ข้อขึ้นไปจะได้ระดับ Gold
- ฉลาก Green Seal
เป็นฉลากสิ่งแวดล้อมประเภท 1 ครอบคลุมสินค้า ยานยนต์, ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด, วัสดุและอุปกรณ์ก่อสร้าง,ของใช้ส่วนตัว , กระดาษ และงานสิ่งพิมพ์ โดยสินค้าจะต้องผ่านมาตรฐานสากล ISO 14020 และ ISO 14024
พร้อมคุณสมบัติสำคัญ 4 ด้าน
  • ไม่ทำลายสุขภาพ
  • ไม่เป็นพิษต่ออากาศ
  • ไม่ส่งผลเสียต่อแหล่งน้ำ
  • และไม่สร้างขยะ
ผู้ผลิตสินค้าไทยที่ต้องการติดฉลาก EPEAT และ Green Seal สามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ www.epeat.net / www.greenseal.org
ดินแดนมังกรตลาดส่งออกใหญ่ของไทย จะการันตีสินค้าสาย Green ด้วย ฉลาก China Environmental Labelling เป็นฉลากสิ่งแวดล้อมประเภท 1
ครอบคลุมสินค้าประเภท ยานยนต์ , เสื้อผ้า , วัสดุและอุปกรณ์ก่อสร้าง, เครื่องใช้ในบ้านและสำนักงาน , ผลิตภัณฑ์กระดาษ , หมึก / สีเคลือบ ไปจนถึงอาหาร ใช้หลักมาตรฐานสากล ISO 14020
ผู้ผลิตสินค้าไทยที่ต้องการติดฉลาก China Environmental Labelling สามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ www.mepcec.com
ญี่ปุ่น ประเทศที่ได้ชื่อว่ารักษากฎกติกาเป็นอันดับ 1 ของโลก การันตีสินค้าสาย Green ด้วยฉลาก Eco Mark ฉลากสิ่งแวดล้อมประเภท 1
ครอบคลุมสินค้าประเภท เสื้อผ้าและสิ่งทอ , อุปกรณ์และเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน , ผลิตภัณฑ์กระดาษ , หมึกพิมพ์ และ อุปกรณ์โซลาร์เซลล์
วัตถุประสงค์หลักของ Eco Mark เพื่อแนะนำทางเลือกผลิตภัณฑ์ให้กับผู้บริโภคได้เลือกสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ขบวนการผลิตจนไปสู่การทำลายที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด ผลิตภัณฑ์ที่ติดฉลาก Eco Mark นั้น สามารถจำหน่ายได้ภายในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น
ผู้ผลิตสินค้าไทยที่ต้องการติดฉลาก Eco Mark สามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ www.ecomark.jp
สหภาพยุโรป รวม 27 ประเทศ การันตีสินค้าสาย Green ด้วย ฉลาก EU Ecolabel ฉลากสิ่งแวดล้อมประเภทที่ 1
ครอบคลุมสินค้า ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด, เสื้อผ้าสิ่งทอ, ผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัว, สวนและการเกษตร สินค้าที่จะผ่านมาตรฐานต้องมีวงจรชีวิต (Life Cycle) ที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม
เริ่มพิจารณาสินค้าตั้งแต่วัตถุดิบ กระบวนการผลิต บรรจุหีบห่อ การใช้งาน ถึงขั้นตอนการกำจัดและนำกลับมาใช้ใหม่ เรียกได้ว่ามีการตรวจสอบตั้งแต่ต้นทางสู่ปลายทาง
ผู้ผลิตสินค้าไทยที่ต้องการติดฉลาก EU Ecolabel สามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ www.ecolabel.eu
ออสเตรเลีย สร้างมาตรฐานการันตีสินค้าสาย Green ด้วย ฉลาก GECA ฉลากสิ่งแวดล้อมประเภทที่ 1
ครอบคลุมสินค้า วัสดุและอุปกรณ์ก่อสร้าง, เสื้อผ้าและสิ่งทอ , อุปกรณ์เครื่องใช้และเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน , ผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัว, ฉนวนกันความร้อน และบริการทำความสะอาด
สินค้าที่จะได้รับฉลาก GECA ต้องผ่านมาตรฐานสากล ISO 14024 และต้องได้รับการตรวจสอบมาตรฐานทุกๆ 3 ปี เพื่อการันตีคุณภาพของสินค้า
ผู้ผลิตสินค้าไทยที่ต้องการติดฉลาก GECA สามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ www.geca.eco
สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป และออสเตรเลีย ถือเป็นตลาดส่งออกหลักของสินค้าไทย และแน่นอนว่า ด้วยเทรนด์รักษ์โลกที่เกิดขึ้น ทำให้ตลาดเหล่านี้ค่อนข้างให้ความสำคัญกับสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ดังนั้น ผู้ประกอบการที่จะส่งออกไปยังประเทศดังกล่าว อาจต้องคำนึงถึงการขอฉลากสิ่งแวดล้อม หรือฉลากเขียว เพื่อเป็นการการันตีให้ผู้บริโภคในประเทศนั้นๆ เห็นว่า
สินค้าของคุณไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อม เรียกได้ว่า แม้จะไม่ได้มาตรฐานบังคับให้ทุกสินค้าต้องมีฉลากเขียว แต่ท่ามกลางกระแสความยั่งยืนที่มาแรงในเวลานี้ การมีฉลากเขียวไว้ น่าเป็นการเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจได้มากยิ่งขึ้น
ที่มา : globalecolabelling.net
#KSME #KBankLive
โฆษณา