29 ธ.ค. 2022 เวลา 08:57
ฎีกาที่ 175/2564
ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 221/2554 ของศาลชั้นต้น โจทก์ฟ้องโดยระบุสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาสรุปได้ว่า ระหว่างที่โจทก์กับนางสมพร้อง ผู้ตาย อยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาได้มีทรัพย์สินหลายอย่างเป็นสังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ เมื่อผู้ตายถึงแก่ความตายทรัพย์สินดังกล่าวจึงเป็นส่วนของโจทก์ครึ่งหนึ่งและเป็นมรดกของผู้ตายครึ่งหนึ่ง จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายนำทรัพย์สินตามฟ้องไปเกินกว่าสิทธิที่ผู้ตายมีอยู่
จึงขอให้บังคับจำเลยชดใช้ราคาทรัพย์สินตามส่วนของโจทก์ครึ่งหนึ่งอันเป็นกรณีที่โจทก์อ้างเหตุที่โจทก์กับผู้ตายอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา เพื่อมาเรียกร้องเอาทรัพย์สินที่ทำมาหามาได้ร่วมกันครึ่งหนึ่งตามสิทธิของโจทก์และคดีนี้โดยระบุสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาสรุปได้ว่า ระหว่างที่โจทก์กับผู้ตายอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา ได้ซื้อหาทรัพย์สินไว้หลายชนิดเมื่อผู้ตายถึงแก่ความตายโจทก์จึงมีสิทธิในทรัพย์สินนั้นครึ่งหนึ่ง
จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้จัดการมรดกของผู้ตายได้เจรจาตกลงกับโจทก์ในทรัพย์สินส่วนที่เป็นสังหาริมทรัพย์จนได้ข้อยุติแล้ว แต่ในส่วนที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ในคดีนี้จำเลยที่ 2 ไม่ดำเนินการแบ่งให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง จึงขอให้บังคับจำเลยทั้งสองแบ่งที่ดินตามฟ้องให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง อันเป็นกรณีที่โจทก์อ้างเหตุที่โจทก์กับผู้ตายอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา เพื่อมาเรียกร้องเอาทรัพย์สินที่ทำมาหาได้ร่วมกันครึ่งหนึ่งตามสิทธิของโจทก์เช่นเดียวกับในคดีก่อน
โดยที่โจทก์สามารถเรียกร้องทรัพย์สินที่ทำมาหาได้ร่วมกันในคดีก่อนได้ทั้งหมด แต่โจทก็ไม่กระทำ คดีนี้กับคดีก่อนซึ่งศาลพิพากษาถึงที่สุดให้แบ่งทรัพย์สินไปแล้ว จึงเป็นเรื่องโจทก์เรียกร้องสิทธิในทรัพย์สินที่ทำมาหาได้ร่วมกันในระหว่างที่โจทก์กับผู้ตายอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาเช่นเดียวกัน แม้จะไม่ใช่ทรัพย์สินอันเดียวกันทั้งสองคดีแต่รายการทรัพย์สินมีอย่างไรเป็นเพียงรายละเอียดประกอบคดีเพื่อให้ศาลพิพากษาบังดับตามสิทธิของโจทก์เท่านั้น
เมื่อทั้งสองคดีต่างก็เป็นสิทธิของโจทก์อันเดียวกัน ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงเป็นการรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันแล้วในคดีก่อน เป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 แม้โจทก์จะระบุสงวนสิทธิฟ้องเรียกทรัพย์สินอื่นไว้ในคดีก่อน
หรือขณะฟ้องคดีก่อนคดีตั้งจำเลยที่ 2 เป็นผู้จัดการมรดกยังไม่ถึงที่สุดเพราะมีอุทธรณ์ ฎีกา ก็ไม่ทำให้ฟ้องโจทก์คดีนี้ไม่เป็นฟ้องซ้ำดังที่โจทก์ฎีกาแต่อย่างใด กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่นของโจทก์เพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษามานั้นชอบแล้ว (พิพากษายืน (ยกฟ้อง))

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา