จากบทความ
มีบทความน่านใจจาก ดังตฤณค่ะ
เมื่อตั้งเข็มจะเดินทางดี
ไม่จำเป็นต้องเรียกตัวเองว่าเป็นคนดีก็ได้
บอกตัวเองว่าเรา
จะเป็น ‘คนมีสติแบบพุทธ’ ก็พอแล้ว
พระอานนท์เคยกล่าวไว้ว่า
พวกเราทุกคนล้วนชุ่มไปด้วยบาป
ก็ท่องเที่ยวเกิดตายแบบไม่รู้อย่างนี้
ไม่มีใครหรอกที่มีแต่คิดดี พูดดี ทำดี
ฉะนั้น ในทางพุทธ
เราไม่มองว่ามีที่สุดของความดี
เพราะดีขนาดไหน
ชาติใดชาติหนึ่งก็ต้องพลาด
เอาบุญเอาบารมีที่ทำไว้
ไปรังแกคนอื่นบ้าง
ไปทำธุรกิจมืดบ้าง
ไปเที่ยวเตร่หัวราน้ำบ้าง
แม้แต่มหาบุรุษเช่นพระพุทธเจ้า
ท่านก็เล่าวีรกรรมของพระองค์เอง
สมัยเมื่อครั้งยังเป็นพระโพธิสัตว์
ท่องเที่ยวอยู่ในวัฏฏะอันเอาแน่เอานอนไม่ได้นี้
ท่านเคยฆ่าน้องต่างมารดาเพื่อแย่งสมบัติ
ท่านเคยลบหลู่พระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้แล้ว
ท่านเคยกล่าวตู่เพื่อนผู้ทรงศีลด้วยความริษยา
ท่านเคยเป็นโจรดักปล้นคนกลางทาง ฯลฯ
แม้พระชาติสุดท้าย
ขนาดใกล้จะดับขันธปรินิพพาน
ก็ยังต้องรับผลของกรรมเหล่านั้นอยู่
หรืออย่าง ‘คนผลงานดี’ ระดับโลก
ที่คนทั่วไปมองว่าแสนดีอย่างเหลือเชื่อ
เช่นมหาตมะ คานธี
ท่านก็เล่าว่าตัวเอง
ทำอะไรไม่ดีไว้กับภรรยาของท่านบ้าง
แม้แต่ขับไล่ออกจากบ้านอย่างไม่ดูดำดูดีก็เคย
ที่สุดของการเป็นพุทธ
คือการไปให้ถึงความพ้นทุกข์
ข้ามพ้นทั้งการเกิดเป็นอะไรร้ายๆ
ข้ามพ้นทั้งการเกิดเป็นอะไรดีๆ
เข้าให้ถึงพระนิพพาน
หมายความว่าเมื่อเข้าถึงพระนิพพานแล้ว
เราต้องทิ้งทั้งอดีตความเป็นคนเลว
และอดีตความเป็นคนดีทั้งหมดไป
ไม่มีคนดีที่ไหนเข้าถึงพระนิพพานได้
มีแต่คนลอยบุญลอยบาป
คนสิ้นอุปาทานว่านั่นดีนี่เลวแล้วเท่านั้น
ที่เข้าถึงฝั่งแห่งความสิ้นทุกข์สำเร็จ
ในวันนี้ ที่อยากเป็นพุทธ
ขอเพียงหยุดบาปที่เคยทำ
เพื่อให้จิตไม่เกิดภาวะอกุศลดำมืด
และขอเพียงทำดีที่ทำได้ตรงหน้า
เพื่อให้จิตสะอาด สว่าง เกื้อกูลให้เกิดสติรู้ชัด
จากนั้นก็เพียงกำหนดรู้ว่า
แม้เศร้าจากความละอาย
ก็เป็นทุกข์ชั่วคราว
แม้สบายใจจากความดีงามเฉพาะหน้า
ก็เป็นสุขชั่วคราว
ทั้งทุกข์ทั้งสุขอยู่ได้ไม่นาน
ไม่กี่ลมหายใจก็มลายไปเหมือนๆกันหมด
จะมีก็แต่สติรู้ความไม่เที่ยง
ที่สะสมแล้ว พอกพูนแล้ว
พาให้แน่วไปในหนทางขจัดอุปาทานในตัวตน
ทำได้เท่านี้
ก็ ‘ดีเกินพอ’ สำหรับความเป็นพุทธแล้ว!
• ดังตฤณ •
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
