6 ม.ค. 2023 เวลา 08:42
ฎีกาที่ 5494/2562
บทบัญญัติเรื่องละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเป็นกฎหมายพิเศษ ที่ศาลมีอำนาจค้นหาความจริงในกรณีที่มีการกล่าวหาว่ามีผู้กระทำการละเมิดอำนาจศาล การดำเนินการดังกล่าวมิใช่การดำเนินคดีอาญาทั่วไป และกรณีมิใช่การสืบพยานปกติ แต่เป็นเพียงการไต่สวนด้วยการสอบข้อเท็จจริง และการจะสอบถามข้อเท็จจริงจากผู้รู้เห็นเหตุการณ์หรือผู้เกี่ยวข้องคนใด
จำนวนมากน้อยเพียงใด เป็นดุลพินิจของศาล เมื่อเห็นว่าข้อเท็จจริงได้ความชัดเจนพอจะวินิจฉัยได้ก็สามารถยุติการสอบถามและมีคำสั่งได้ ดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นมิได้นำผู้กล่าวหามาสอบถาม แต่ได้สอบถามนาย พ. เจ้าหน้าที่ผู้รับคำร้องและทำบันทึก กับได้สอบถามจำเลย ทนายโจทก์ทั้งหก และได้สอบถามผู้ถูกกล่าวหาเพื่อให้โอกาสได้แก้ตัวแล้ว จึงเป็นการดำเนินการที่ชอบ ข้อเท็จจริงที่ได้มาจากการสอบถามดังกล่าวย่อมรับฟังลงโทษผู้ถูกกล่าวหาได้
ในวันเวลาเกิดเหตุช่วงเช้าเป็นเพียงการไกล่เกลี่ยเพื่อให้คู่ความซึ่งเป็นญาติกันได้มีโอกาสตกลงกันเพื่อยุติข้อพิพาท การเจรจาในการไกล่เกลี่ยเป็นเพียงแนวทางข้อเสนอให้คู่ความพิจารณาตัดสินใจ และการประนีประนอมยอมความก็เป็นเรื่องการระงับข้อพิพาทด้วยการต่างยอมผ่อนผันแก่กัน มิใช่คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะได้แต่เพียงฝ่ายเดียว
หรือแม้แต่ทั้งสองฝ่ายจะต้องได้เท่าเทียมกัน โดยตัวคู่ความมีอิสระในการตัดสินใจเพื่อรักษาผลประโยชน์ของฝ่ายตนเองแลกกับการยุติข้อพิพาท หากคู่ความเห็นด้วยก็ตกลงกัน หากคู่ความไม่เห็นด้วยก็ไม่ตกลงกัน และคดีต้องดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานและมีคำพิพากษาต่อไป ไม่มีการบังคับให้ต้องยอมรับตามข้อเสนอการไกล่เกลี่ย ซึ่งข้อเท็จจริงได้ความว่า แม้ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนได้ให้โอกาสคู่ความเจรจากันและทำการไกล่เกลี่ยด้วยตนเอง
คู่ความก็ไม่สามารถตกลงกันได้ ต้องกลับไปดำเนินการสืบพยานต่อไป ดังนั้น ที่ผู้ถูกกล่าวหายื่นคำร้องภายหลังเสร็จการไกล่เกลี่ยว่า ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนพิจารณาคดีไม่สุจริตและยุติธรรมทำให้จำเลยเสียเปรียบ ขอให้เปลี่ยนผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน โดยคำร้องของผู้ถูกกล่าวหามีแต่คำกล่าวหา ไม่มีข้อเท็จจริงที่จะสนับสนุนข้อกล่าวหาของผู้ถูกกล่าวหา ทั้งไม่เข้าเงื่อนไขที่จะคัดค้านผู้พิพากษาตามกฎหมาย
และที่กล่าวหาว่าผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนไม่สุจริตทางพิจารณาก็ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนได้รับผลประโยชน์ตอบแทนในคดีแต่ประการใด
จึงเป็นการกล่าวหาผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนว่าไม่สุจริตโดยอาศัยความเข้าใจและความรู้สึกของผู้ถูกกล่าวหาเองโดยไม่มีมูลข้อเท็จจริง การกล่าวหาผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนว่าไม่สุจริตอย่างเลื่อนลอยปราศจากพยานหลักฐาน เป็นเรื่องร้ายแรงส่งผลกระทบต่อความเชื่อถือศรัทธาของศาล ทำให้ประชาชนขาดความเชื่อถือ ผู้ถูกกล่าวหาเป็นทนายความย่อมทราบดี
การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาจึงเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล เป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31 (1) มิใช่การใช้สิทธิโดยสุจริต คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 ชอบแล้ว

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา