Charles & Keith แบรนด์แฟชั่นชื่อดังสัญชาติสิงคโปร์
ในโลกของวงการแฟชั่น หลายคนคงจะนึกว่า แบรนด์สินค้าชื่อดังต้องมาจากแถบประเทศยุโรปเท่านั้น แต่จริงๆ แล้ว แบรนด์ชื่อดังหลายแบรน์ก็มาจากฝั่งเอเชีย และหนึ่งในนั้นอย่าง “Charles & Keith” ก็ไม่ได้มาจากที่ไหนไกล แต่ตั้งต้นขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านเราในอาเซียนของเราอย่างสิงค์โปร์นี่เอง…
ปี 1990 โดยเรื่องราวของ Charles & Keith (หรือที่หลายคนเรียกว่า C&K) เริ่มต้นจากประสบการณ์ในธุรกิจของครอบครัว
โดยสองพี่น้องตระกูลหว่องทั้ง Charles และ Keith ได้เกิดขึ้นมาในครอบครัวที่มีร้านขายรองเท้า
ที่แห่งนี้ช่วยขัดเกลาให้สองพี่น้องได้สั่งสมประสบการณ์ และเห็นว่าสินค้ารูปแบบใดเป็นที่ต้องการของตลาด จากการพูดคุยกับลูกค้าตลอดเวลาหลายปี
และเมื่อเห็นว่าธุรกิจรับสินค้าจากพ่อค้าคนกลางอย่างเดียวแบบเดิมเริ่มถึงทางตัน
ก็ทำให้พี่น้องทั้งสองเริ่มคิดจะสร้างแบรนด์ของตนเอง ที่สามารตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากขึ้น
ปี 1996 ทั้งสองตัดสินใจตั้งร้าน Charles & Keith สาขาแรกขึ้นโดยเปิดตัวที่ Amara Shopping Centre
ซึ่งทาง Keith รับหน้าที่เป็นผู้ออกแบบรองเท้าด้วยตนเอง ส่วนทาง Charles ทำหน้าที่ดูแลด้านการขาย
โดยพวกเขาใช้วิธีซื้อของจากโรงงานการผลิตโดยตรง ซึ่งแตกต่างจากร้านค้าส่วนใหญ่ในตอนนั้นที่จะทำการซื้อรองเท้าผ่านพ่อค้าคนกลาง
ที่ต้องทำแบบนี้ เพราะพวกเขาต้องการให้สินค้าที่ถูกออกแบบมาถูกขายที่ C&K เพียงเจ้าเดียวเท่านั้น ไม่ถูกพ่อค้าคนกลางนำไปขายให้ร้านค้าอื่นด้วย
นอกจากความทันสมัย ตอบโจทย์ลูกค้า อีกอย่างที่แบรนด์เน้นมาตั้งแต่ต้น คือ การขายในราคาที่เหมาะสม จับต้องได้ ซึ่งก็กลายเป็นจุดเด่นของแบรนด์มาจนถึงปัจจุบัน
ปี 1998 หลังจากเกิดวิกฤติการเงินเอเชีย (หรือที่คนไทยรู้จักในชื่อ “วิกฤติต้มยำกุ้ง”) เพียง 1 ปี เป็นเวลาที่หลายธุรกิจจำเป็นต้องรัดเข็มขัด
แต่ C&K ยังมองเห็นโอกาสการเติบโต และมีการขยายสาขาไปต่างประเทศเป็นครั้งแรก
โดยเลือกเปิดสาขาต่างประเทศแห่งแรกในประเทศใกล้เคียงก่อน ที่ห้าง Taman Anggrek ตั้งอยู่ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย
ปี 2004 ในช่วงเวลาที่ E-Commerce หรือการขายของออนไลน์เริ่มเปิดตัวในประเทศอื่น
ทาง Charles & Keith ก็ได้เปิดตัวช่องการจัดจำหน่ายสินค้าของตัวเองผ่านทางเว็บไซต์เช่นเดียวกัน
ซึ่ง C&K ถือเป็นบริษัทแรกของสิงคโปร์ที่นำช่องทาง E-Commerce มาใช้ สะท้อนการเป็นแบรนด์ที่ทันสมัย พัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา
ปี 2005 ชื่อเสียงจากการขายรองเท้าสตรีได้ปูทางบริษัท ให้เข้าสู่ช่องทางการขายสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง
โดยเริ่มจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์คอลเลคชั่นกระเป๋าในปี 2005 ซึ่งก็ประสบความสำเร็จไม่น้อยกว่ารองเท้า ซึ่งก็ปูทางไปสู่การเปิดตัวสินค้าอื่นอีกทั้งเครื่องประดับและสินค้าของเด็ก (สินค้าเด็กยังไม่มีขายในประเทศไทย)
ปี 2006 นอกจากแบรนด์ Charles & Keith แล้ว บริษัทยังเปิดตัวแบรนด์ในเครือที่ใช้ชื่อว่า “PEDRO” ด้วย
ซึ่งเริ่มแรกนั้นเป็นแบรนด์ที่ปั้นขึ้นมาเพื่อเจาะตลาดรองเท้าผู้ชาย แต่ต่อมาก็ขยายกลุ่มสินค้าออกมา จนครอบคลุมกลุ่มสตรีด้วยเช่นกัน และปัจจุบัน PEDRO ก็มีสาขาของตนเองเกินกว่า 100 สาขาแล้วทั่วโลก (เทียบกับ Charles & Keith มีสาขามากกว่า 700 สาขาทั่วโลก)
ปี 2010 การพัฒนาและการขยายตัวอย่างต่อเนื่องได้เข้าไปแตะตาบริษัทด้านแฟชั่นระดับโลก
เมื่อ L Capital Asia ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ “LVMH” ได้เข้ามาซื้อหุ้น 20% ของ Charles & Keith
ซึ่งดีลนี้ฝั่ง LVMH ที่เห็นศักยภาพก็ได้เจาะตลาดลูกค้ากลุ่มใหม่มากขึ้น ส่วนทาง C&K ก็ได้เป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจกับบริษัทแฟชั่นขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ช่วยขยายโอกาสให้บริษัท ถือว่า “วิน-วินด้วยกันทั้งสองฝ่าย”
ปี 2021 ครบรอบ 25 ปีของบริษัท เปิดตัวคอลเลคชั่นพิเศษเป็นลิมิเต็ดเอดิชั่น ที่มีการใช้วัสดุอันเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ซึ่งได้นางแบบรุ่นใหม่ Lily McMenamy เข้ามาเน้นย้ำภาพแบรนด์ยอดนิยมของคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นตัวตนของ Charles & Keith ได้ดีเยี่ยม
FYI
ชื่อแบรนด์ Charles & Keith เกิดมาจากการนำชื่อพี่น้องตระกูลหว่อง ผู้ร่วมก่อตั้งมาผสมกันนั่นเอง
▶️ ติดตามช่องทางของ Bnomics ได้ที่
Website : https://www.bnomics.co
Facebook : https://www.facebook.com/Bnomics.co
Blockdit : https://www.blockdit.com/bnomics
Line OA : @Bnomics https://bit.ly/3eYkTJC
Youtube : https://www.youtube.com/bnomics
Twitter : https://twitter.com/bnomics_co
Bnomics - Bangkok Bank Economics
'Be an Economist for Everyone'
วิเคราะห์ เจาะทุกประเด็นเศรษฐกิจ ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
References :
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
