31 ม.ค. 2023 เวลา 01:30 • ประวัติศาสตร์

ลายรดน้ำ วิถีธรรม วิถีไทย

ตู้ใหญ่ใบโตโอฬาร เขียนลายรดสนาน
เปนเรื่องพระพุทธโฆษา
เมื่อเสด็จไปเมืองลังกา โดยสารนาวา
กำปั่นของพวกพานิช
ท่านไปแปลคำสังสกฤต เปนมคธภาสิต
สำเร็จนิวัติคืนคลา
ในตู้เต็มพุทธฎีกา ทั้งอรรถกถา
โยชนาก็มีมากหลาย
ตอนหนึ่งของฉันท์จากหนังสือฉันท์ชมกุฎีและกาพย์ฉบังเบ็ดเตล็ด บรรยายถึงลวดลายรดน้ำบนตู้พระไตรปิฎกที่เก็บรักษาไว้ภายในกุฏิของพระเถระรูปหนึ่ง ณ วัดอรุณราชวรารามวาดเรื่องสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ลงเรือพ่อค้าวานิชออกเดินทางไปยังลังกาทวีปเพื่อแปลคัมภีร์พระพุทธศาสนา
สันนิษฐานว่าแต่งโดยพระมหาห่วง วัดมหาธาตุ ในปีพ.ศ. ๒๔๖๖ ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว บทประพันธ์นี้แสดงให้เห็นธรรมเนียมการตกแต่งตู้พระไตรปิฎกด้วยศิลปะลวดลายรดน้ำเพื่อบันทึกเหตุการณ์ในอดีตที่สำคัญ
ลายเส้นสีทองของลายรดน้ำ เป็นงานศิลปะชั้นสูงที่ต้องอาศัยความรู้ความชำนาญของช่างศิลป์ที่รู้จักนำเอาวัสดุบริสุทธิ์สูงค่าคือแผ่นทองคำเปลวมาผสมผสานกระบวนอันซับซ้อนละเอียดอ่อนของงานประณีตศิลป์เพื่อประดับตกแต่งฝาผนังตู้พระไตรปิฎกทั้งด้านหน้าบานประตู และด้านข้างตู้ซ้ายขวา
เริ่มตั้งแต่การเตรียมพื้นผิวให้เรียบ ทาด้วยรัก ขัดผิว เขียนลวดลายลงพื้นรักด้วยหรดาลในส่วนที่ไม่ต้องการปิดทอง ปิดด้วยทองคำเปลวจนเต็มพื้นที่และเสร็จสิ้นกระบวนการขั้นสุดท้ายด้วยการ “รดน้ำ” ล้างน้ำยาสีเหลืองของหรดาลออก ทองคำเปลวที่ปิดทับหรดาลจะละลายน้ำหลุดออกไป ปรากฏเฉพาะลวดลายในส่วนที่ทองคำเปลวติดอยู่บนตัวพื้นรักเท่านั้น คำว่า“ลายรดน้ำ” จึงมีที่มาจากขั้นตอนสุดท้ายของการสร้างสรรค์ผลงานประณีตศิลป์นี้เอง
ขั้นตอนการออกแบบลวดลายและการจัดองค์ประกอบให้สมดุลถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งดั่งที่อาจารย์ศิลป์ พีระศรีได้วิเคราะห์ไว้ว่า “...จะต้องมีความถ่วงกันอย่างพอดีของความอ่อนและแก่ อันบังเกิดจากสีดำของยางรักและความสว่างของทองคำเปลว หากความอ่อนและแก่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งข่มกันมากเกินไป ก็จะบังเกิดความขัดแย้งไม่ประสานกันขึ้น...”
ลายกระหนกเป็นรูปแบบลายของศิลปะไทยชั้นสูงที่ช่างฝีมือนิยมใช้ในศิลปะลายรดน้ำ ที่พบมากเป็นลายกระหนกเปลวไฟมีเส้นสายอ่อนพลิ้วไหว ปลายสะบัดละม้ายคล้ายเปลวไฟ หรือเป็นลวดลายที่ช่างฝีมือดัดแปลงจากธรรมชาติรอบตัว เช่น รวงข้าวและทรงของฝ้ายเทศ ก่อเกิดเป็นลายกระหนกรวงข้าวหรือลายกระหนกใบเทศอันงดงาม สะท้อนให้เห็นวิถีชีวิตของคนไทยที่ผูกพันแน่นแฟ้นอยู่สังคมเกษตรกรรมมาอย่างช้านาน
หรือบางครั้งช่างศิลป์ก็ผูกลวดลายเป็นกระหนกเคล้าภาพ คือ ผูกเป็นรูปสัตว์ต่าง ๆ เช่น กระรอก นก ผีเสื้อ เกาะหรือไต่ไปตามกิ่งก้านของกระหนก ด้วยอากัปกิริยาการเคลื่อนไหวที่สอดผสานอย่างกลมกลืนกับลายประดิษฐ์ ความสร้างสรรค์และอัจฉริยภาพในการประดิษฐ์ลวดลายไทยที่มีเอกลักษณ์ของครูช่างไทยในอดีตปรากฏในคำไหว้ครูช่างไว้ดังนี้
ผูกลายขดแย่งเวียดวัล หางโตบิดผัน
นกคาบในคลองเปลวปลาย
เครือเทศกุดั่นหลากหลาย พลิกแพลงเยื้องกราย
เปนอย่างฝรั่งจีนจาม
ซ้อนซับก้านเกี้ยวเงื่อนงาม ขดไขว้เลื้อยลาม
ด้วยลูกแลดอกอัดแอ
ลักพื้นโปร่งร่วงรวนแร แฉกเพราเลิศแล
วิจิตรแนบเนียนทำ ฯ
(ประชุมหนังสือเก่า ภาคที่๑-๒, ๒๕๕๒:๑๗)
ภาพลายรดน้ำบนตู้พระไตรปิฎกมักผูกเป็นลวดลายจนเต็มพื้นที่และมี “แม่ลาย” หรือภาพหลัก บ้างเป็นภาพบุคคลที่ไม่ได้เขียนเป็นเรื่องราว เช่น เทวดา ทวารบาล บ้างเป็นภาพบอกเล่าเรื่องราวจากคัมภีร์พระพุทธศาสนาและเรื่องจากวรรณคดีและนิทานพื้นบ้าน
ลาดรดน้ำจากตู้เก็บคัมภีร์ใบลาน วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร จ.เชียงใหม่
ในส่วนที่เป็นเรื่องราวจากคัมภีร์พระพุทธศาสนานั้น นิยมเขียนเป็นภาพพุทธประวัติและชาดก มีทั้งชาดกที่ปรากฏในคัมภีร์พระไตรปิฎก เช่น ทศชาติชาดก และชากดกนอกนิบาต หมายถึงชาดกที่ไม่ปรากฏในคัมภีร์พระไตรปิฎก ได้แก่ ปัญญาสชาดก ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ภิกษุชาวเชียงใหม่ได้รวบรวมนิทานไทยพื้นบ้านแล้วแต่งเป็นชาดกเพื่อสอนพระพุทธศาสนาให้แก่คนไทยเมื่อหลายร้อยปีก่อน
เรื่องจากวรรณคดีและนิทานที่เกี่ยวเนื่องด้วยคติความเชื่อทางพระพุทธศาสนาก็เป็นอีกเรื่องราวหนึ่งที่นิยมนำมาวาดประดับตู้พระไตรปิฎก ตัวอย่างเช่น เรื่องจากคัมภีร์ไตรภูมิพระร่วง วรรณคดีพุทธศาสนาแต่งโดยพระราชดำริในพระยาลิไท สมัยสุโขทัย เนื้อหากล่าวถึงโลกสัณฐานแบ่งเป็น ๓ ส่วน หรือ ไตรภูมิ ได้แก่ กามภูมิ รูปภูมิ และอรูปภูมิ มุ่งสอนให้คนรู้จักบาปบุญคุณโทษ นรก สวรรค์ ลวดลายรดน้ำปรากฏเป็นภาพ เขาพระสุเมรุ เทวดาในสวรรค์ หรือภาพสัตว์ที่อาศัยในป่าหิมพานต์ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวจากวรรณคดีชั้นสูง ที่พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ ตลอดจนบุคคลชั้นสูงมักให้ช่างวาดตกแต่งตู้พระไตรปิฎกถวายวัด ประดิษฐานไว้ตามอารามสำคัญ ๆ เพื่อเก็บรักษาคัมภีร์พระไตรปิฎกใบลาน หนึ่งในวรรณคดีที่แพร่หลายคือเรื่องรามเกียรติ์ ทั้งนี้เพราะเป็นเรื่องที่คนไทยรู้จักกันดีมาแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา มีต้นเค้าจากวรรณคดีอินเดียเรื่องมหากาพย์รามายณะ ที่แพร่เข้ามาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีการนำไปประพันธ์จนกลายเป็นวรรณคดีประจำชาติของหลายประเทศ
ภาพจับพระรามรบทศกัณฐ์
ในส่วนวรรณกรรมไทยนับแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์มีบทประพันธ์ที่มีต้นเค้าจากเรื่องรามายณะมากถึง ๑๐ สำนวน แต่บทละครเรื่องรามเกียรติ์พระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเป็นสำนวนที่มีความสมบูรณ์และเป็นที่รู้จักแพร่หลายมากกว่าฉบับอื่น ลวดลายบนตู้พระไตรปิฎกปรากฏเรื่องราวตอนสำคัญของเนื้อเรื่อง อาทิ ภาพการรบระหว่างกองทัพพระรามกับฝ่ายกองทัพยักษ์ หรือ “ภาพจับ” ซึ่งเป็นภาพการต่อสู้เป็นคู่ ๆ เป็นต้น
ลวดลายรดน้ำเรื่องรามเกียรติ์ตอนยกรบฝ่ายลงกาและฝ่ายพลับพลา
พื้นรักสีดำขับลวดลายเส้นสีทองให้เด่นชัดอย่างลงตัวฉันใด วิถีแห่งไทยก็เด่นชัดขึ้นด้วยวิถีแห่งธรรมฉันนั้น พระพุทธศาสนาอยู่คู่กับสังคมไทยมาช้านานจนกลายเป็นส่วนหนึ่งในวัฒนธรรม ประเพณี คติความเชื่อ ที่หล่อหลอมเข้าเป็นเอกลักษณ์ของชาติ แม้วิถีแห่งไทยในปัจจุบันอาจแปรเปลี่ยนรูปแบบไปตามความก้าวหน้าของยุคสมัย แต่วิถีแห่งธรรมยังเป็นสิ่งเกื้อหนุนประคับประคองความเป็นปึกแผ่นและยังความภาคภูมิใจให้ไทยเป็นไทยจวบวันนี้
และวิถีแห่งไทยคงจะร่มเย็น สงบสุขขึ้นหากคนไทยหันมาใส่ใจกับวิถีแห่งธรรมให้กลับมาเฟื่องฟูในจิตใจเหมือนยุคบรรพบุรุษ แล้วภาพประวัติศาสตร์เล่าเรื่องราวของเราในวันนี้ที่ปกปักรักษาพระพุทธศาสนาให้อยู่คู่แผ่นดินจะแจ่มชัดและเป็นที่ชื่นชมอนุโมทนาของคนไทยรุ่นถัดไป แต่หากเราละเลยวิถีแห่งธรรมอันถูกต้องดีงามแล้วไซร้ ต่อไปภายภาคหน้าวิถีแห่งไทยก็คงจะหมดไป แล้วเอกลักษณ์ของชาติไทยจะเหลืออะไรไว้บนแผ่นดิน
อ้างอิง
บุญเตือน ศรีวรพจน์. รามเกียรติ์จากตู้ลายรดน้ำ. กรุงเทพฯ : สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร, ๒๕๕๕.
ศิลป พีระศรี. เรื่องตู้ลายรดน้ำ. พระนคร : กรมศิลปากร, ๒๕๐๓.
อภิวันทน์อดุลยพิเชฏฐ์. ลายรดน้ำ. กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ, ๒๕๕๕.
ติดตามความรู้เนื้อหาสาระดีๆ ได้ที่
โฆษณา