23 ม.ค. 2023 เวลา 07:15 • ความคิดเห็น
เวลาที่เราเจอปัญหาชีวิตหนักๆ มันเหมือนเรา พาเรือสำเภา .ลำน้อยๆ ไปเจอะ เจอคลื่นลม พายุ บางครั้งเราก็ไม่ทันได้สักเกตุ ว่า สำเภาลำน้อย..นี้ มันลอยลำเอื่อยๆ ไปเรื่อย..เหมือนสงบราบเรียบ ท้องทะเลเรียบใสเหมือนกระจก ดูอะไร สวยงามเพลิดเพลิน อารมณ์ก็มีความสุข แต่ไม่รู้ว่า ..เรือสำเภากำลังลอยเข้าไปหาเส้นทางพายุหมุน ..ไต้ฝุ่น ..เรือสำเภา มันก็แล่นช้าไปเรื่อย ..ก็มีคลื่นใต้น้ำ ..ค่อยพัดนำหน้า เส้นทางพายุ เรือลำน้อย ก็เริ่มคลอนแคลน โยกไหว เหมือนเรื่องราวอะไรที่เข้ามากระทบมาเป็นภาระ .แก้ไม่ตก
แต่เรือมันก็วิ่งไปตามลม ตามอารมณ์ที่เกิดขึ้น ในเรือนกาย ต้องไปทำมาหากิน.. เรือมันเข้าใกล้ พายุมาเข้า คลื่นลม ที่มาปะทะตัวเรือใบเรือก็คืออารมณ์ที่ตาเห็นหูได้ยิน ก็ชักแปรปรวน ตรึงเครียด เหมือน เราเข้าไปใกล้ใจกลางพายุ ..ยิ่งใกล้มากเท่าไหร่ เรื่อก็โคลง โยกเยก ..ผู้ที่ที่อาศัยอยู่ในเรือ ในเรือนกายนั่นก็เมาคลื่นลม สติไม่มีกำลังแม้จะพยุงตัวเอง พยุงเรือให้รอดปลอดภัย ยิ่งใกล้พายุ ก็ต้องลดใบเรือลง เหมือนวิญญาณทั้งหก ที่ต้องไปผจญกระแสอารมณ์คนนั้นคนนี้ เรือก็ยิ่งโคลง หนักขึ้น
เหมือนไปเอาของหนักมาใส่เรือให้มันหนักเพิ่มขึ้น เรือสำเภาน้อย เข้าไปใกล้พายุ คลื่นลมก็ยิ่งแรงเป็นทวีคูณ ลมก็เปลี่ยนทิศทางหมุนไปเรื่อย ต้องบังคับ เรือให้ฝ่าคลื่นลม ระมัดระวัง มิให้เรือแตก หัวเรือมันจมลงน้ำไป นั้นก็คิดอารมณ์ที่ปกปิดวิญญาณทั้งหก ไม่ให้รับรู้เรื่องราวอะไร จิตก็เมา..อยู่กับคลื่นลมพายุที่เข้ามา ..ว่าเมื่อไหร่ พายุมันจะสงบ พัดผ่านไป หลังพายุ ก็ต้องมาสำรวจตรวจสอบ ว่ามีอะไรบ้าง ที่พายุนั้นก่อให่เกิดความเสียหาย
เรื่องของวิกฤติปัญหาชีวิตที่หนัก ..มันก็ล้วนมีสัญญาณเตือนมาล่วงหน้า ..แต่เราก็ไม่ล่วงรู้ว่า มันเรื่องราวอะไร ..พอพายุมันพัดมาใกล้ เรือสำเภา มันถูกคลื่น ท้องคลื่นใต้น้ำ คลื่นลม รุนแรง ที่พัดมาคนละทิศคนละทาง จะพาเรือไปไหนก็ลำบาก จะพาหัวเรือให้เดินไปตามเส้นทางที่กำหนด ก็ยากลำบาก ต้องเปลี่ยนทิศทาง ..รักษาลำเรือให้รอดปลอดภัย ส่วนลมฟ้ลมฝน ก็โหมกระหน่ำรุนแรง ยิ่งมืดค่ำมองไม่เห็น อะไร อยู่ท้องทะเล นั่นก็เหมือนจิตของเราไม่มีเสบียงของบุญกุศลหนุนนำ ..มันก็ล่องเรือผิดทิศทาง ..ไปเรื่อยๆ
นั่นก็คือ ..เมื่อเรารู้ว่า เจอะเจอปัญหาชีวิต ก็ต้องรีบหาที่พักกายพักจิต ..แบ่งเวลาให้กายพัก จิตพัก ..หลบพัก ..ไปหาที่ที่เราได้พักกาย สร้างบุญกุศล หลบคลื่นลมที่ถาโถมลงมาที่กายและจิต
แล้วก็ไม่มีอะไรดีไปกว่า หลบหาเวลาที่อยู่กับกรรมด้วยคลื่นลมพายุหมุน หลบแบ่งเวลานำกายไปสร้างบุญกุศล นำกายไปปฏิบัติธรรม..ฝ่าฝันคลื่นลม พายุหมุนที่เป็นอารมณ์เกิดในกาย เอาสิ่งของที่เราหาได้มาสละให้เป็นทานเป็นบุญ กายมันจะได้เบา
.. ยิ่งนำทั้งกายทั้งจิต ..ไปสลัดละอารมณ์ที่ทับจิตอยู่ จิตก็จะได้เบาขึ้น เบาบางจากอารมณ์คลื่นลมต่างๆ จิตก็จะมีกำลังขึ้น ใคร่ครวญปัญหา แก้ไขปัญหา ต่างๆลุล่วงไปได้ แต่นั่นแหละ..เรื่องราวที่มีปัญหาในชีวิต ..เราก็ต้องสำรวจว่า ต้นต่อปัญหา มามาจากตัวเรา ที่ไปพัวพัน คล้องเวรกรรม ไปยึดสิ่งนั้นสิ่งนี้ มาเกิดภาระให้แก่จิต เค้าว่าเป็นของเก่าๆที่เราทำมา เค้าว่าเป็นวิบากกรรม ของจิตแต่ละดวง ไม่เหมือนกันเลย
เรื่องนี้ ..จึงไม่อยากไปแนะนำ แก้ไขปัญหาชีวิตของใคร เพราะมันเป็นเรื่องกรรมของจิตแต่ละดวง เหมือนคนป่วย ..ไปหาหมอ ..จะฉีดยาให้ ..พูดว่า ไม่เจ็บๆ ..ก็ถูกของหมด ..หมอไม่ได้เจ็บ..แต่ ..เรา.เจ็บ นั่นก็คือ เรื่องความทุกข์..นั่นจิตรับทุกข์ รับกรรมอยู่ เราไปแก้ไข ..อะไรให้มันได้ ยิ่งเป็นอารมณ์นึกคิด ..ที่เป็นกรรม..มันจับต้องไม่ได้ ต้องแก้ไขด้วยจิตของตนเอง
แล้วแก้ไขแบบไหนดี .ล่ะ .แต่สำหรับเรา..เราก็อาศัยการทำบุญ ปฏิบัติธรรม ..มีพระธรรมเป็นที่พึ่ง ให้เราพักพิงจิต หลบพักกายพักจิต..พักให้กายอยู่นิ่งๆ จิต..ก็นิ่งสงบอยู่กับกาย ไม่ขยับเขยื้อน เพราะไม่มีอารมณ์..เกิดขึ้นมา กายก็นิ่ง จิตก็นิ่ง พักกายพักจิตอยู่กับพระ..สงบอยู่กับคำว่า พุทโธ พุทรู้ โธสงบ
โฆษณา