4 ก.พ. 2023 เวลา 00:00 • ไลฟ์สไตล์

ชีวิตต่างแดน (4) หาเงินไปเรียน

Blockdit Originals ซีรีส์บทความพิเศษ
การเรียนระดับปริญญาในอเมริกาแปลว่าต้องเรียนเต็มเวลา ถ้าจะทำงาน ก็ ต้องใช้วิธีอื่น
1
โชคดีที่สหรัฐฯเปิดโอกาสเรื่องการศึกษาสำหรับคนที่ต้องทำงาน และสามารถเรียนวิชาในหลักสูตรปริญญาได้ในราคาถูก หากไม่เอาใบปริญญา คล้ายๆ ไปร่วมเรียนด้วย ด้วยอัตราค่าเล่าเรียนที่ถูกกว่าราวครึ่งหนึ่ง เพียงแต่จะไม่ได้รับใบปริญญา
3
ผมมิได้แยแสใบปริญญาบัตร แต่อยากเรียนรู้มากกว่า ก็ไปทางนี้
1
ผมออกล่าหลักสูตรวิชาต่างๆ ตามมหาวิทยาลัยหลายแห่ง เช่น The School of Visual Arts, The New School for Social Research, New York University ฯลฯ แล้วเลือกลงทะเบียนเฉพาะวิชาที่สนใจและน่าจะได้ใช้ในการทำงานจริง ผมตั้งใจว่าจะไปทำงานสายโฆษณา
1
ทำไมจึงอยากไปทำงานสายโฆษณา? เหตุผลมีข้อเดียว มันเหมือนสัญชาตญาณที่อยากเติมเต็มตัวเอง ทำ งานสายที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ ดูเหมือนมีไฟบางอย่างในตัวที่ผลักดันผมไปทางทิศนั้น และเวลานั้นผมมองเห็นว่าโฆษณาเป็นวงการเดียวที่น่าจะได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ ทั้งที่ผมไม่ได้สนใจเรื่องขายสินค้าแต่ประการใด ผมสนใจแต่ส่วนของการใช้ความคิดสร้างสรรค์
1
มาคิดดูในตอนนี้ ก็รู้สึกเป็นเรื่องแปลก มันเหมือนพลังบางอย่างบอกว่าควรไปทางนี้
1
และหลายปีต่อมาเมื่อผมพบว่ายังมีทางอีกสายหนึ่งที่สามารถใช้พลังความคิดสร้างสรรค์ได้เหมือนกัน คือวงการวรรณกรรม ผมก็ไปทางใหม่นั้น
2
ผมน่าจะไปถูกที่ถูกเวลา เพราะหากจะเรียนวิชาสายสร้างสรรค์ นิวยอร์กเป็นแหล่งที่เหมาะสมอย่างยิ่ง ที่นี่เป็นศูนย์กลางศิลปะทุกแขนง จิตรกรรม กราฟิก แอนิเมชั่น ภาพยนตร์ การถ่ายรูป การออกแบบแฟชั่น ฯลฯ
1
และเมื่อคิดจะเรียนวิชาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องการความคิดสร้างสรรค์ ผมก็เลือกเรียนทุกวิชาที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่การออกแบบ การวาดภาพ การทำหนัง การตัดต่อหนัง รวมถึงคอมพิวเตอร์กราฟิกส์ที่เป็นวิชาใหม่ล่าสุดในตอนนั้น
ตอนที่ผมไปอเมริกา เป็นช่วงเดียวกับที่ สตีฟ จ๊อบส์ เพิ่งเข็นคอมพิวเตอร์ Apple IIe ออกมาขาย นั่นคือยุคก่อนแมคคินทอช
2
ผมไปเรียนวิชาเหล่านี้ตั้งแต่เพิ่งเริ่มต้นในโลก ตั้งแต่งานออกแบบด้วย คอมพิวเตอร์ จนถึงการเขียนแบบด้วยโปรแกรม CAD (Computer-Aided Design) เวอร์ชั่นแรกๆ และการตัดต่อด้วยคอมพิวเตอร์ซึ่งยังเป็นของใหม่
1
ผมเรียนวิชาแอนิเมชั่นแบบเก่า ที่เรียกว่า cell animation สมัยนั้นคอมพิวเตอร์ แอนิเมชั่น ยังอยู่ในระยะเริ่มต้น นอกจากนี้ก็เรียนการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ แอนิเมชั่น ในยุคตั้งไข่
1
การเรียนแอนิเมชั่นประกอบด้วยการคิดคอนเส็ปต์ เขียนเรื่อง วาดภาพ วาดฉากหลัง ถ่ายทำ และใส่เสียงประกอบ
ผมยังเลือกเรียนวิชา Typography เป็นวิชาเกี่ยวกับการออกแบบตัวหนังสือหรือฟอนต์ มันเป็นศาสตร์ที่นักออกแบบจำนวนมากมองข้าม แต่มันมีความสำคัญอย่างยิ่ง วิชานี้ทำให้ผมสนใจรูปลักษณ์ของตัวหนังสือไปจนตลอดชีวิต
เมื่อกลับมาเมืองไทยในเวลาต่อมา และทำงานในวงการโฆษณา ผมพบว่าบ้านเรายังมีแบบอักษรน้อยมาก วงการออกแบบอักษรของไทยยังเดินตามหลังฝรั่งราวร้อยปี ไม่ใช่เพราะเราไม่มีคนออกแบบ แต่เพราะมันไม่คุ้ม เพราะทำมาแล้วก็หารายได้ยาก จึงไม่ค่อยมีคนยอมเสียเวลาประดิษฐ์แบบอักษรใหม่ๆ ออกมา
4
อีกวิชาหนึ่งที่ผมต้องการเรียนคือภาพยนตร์
1
ถ้าคิดจะเข้าสู่วงการโฆษณา ก็ควรรู้เรื่องหนัง
เนื่องจากเงินทองมีจำกัด ทางที่ผมเลือกคือหลักสูตรแบบเร่งรัด เรียนแบบจบในเทอมเดียว เขียนบท ถ่ายทำ จัดแสง ถ่ายหนัง กำกับการแสดง ตัดต่อ ใส่เสียง ครบวงจร
1
เราทำหนังจริงด้วยฟิล์ม 16 ม.ม. มีการคาสติง ในการถ่ายทำ เพื่อนๆก็ช่วยกัน เหมือนการลงแขกทำนา ถ่ายทำแล้วก็มาตัดต่อ ใส่เสียง จนเป็นหนังสำเร็จ
ในบรรดาวิชาทั้งหมดที่เรียนในโลกตะวันตก วิชาที่ดีที่สุดคือ Conceptual Illustration
Conceptual Illustration คือการวาดรูปที่มีคอนเส็ปต์ แปลว่ามันไม่ใช่แค่รูปภาพ มันมีความคิดแหลมคมซ่อนอยู่
1
วิชานี้ไม่สอนการฝึกฝีมือในการวาดภาพประกอบ หากสอนวิธีคิดคอนเส็ปต์
จุดสำคัญไม่ใช่ ‘illustration’ แต่คือ ‘conceptual’
1
คือวิธีการคิดหาไอเดียที่แหลมคม
ผมโชคดีเจออาจารย์ที่เป็นมืออาชีพด้านเขียนภาพประกอบจริงๆ ทุกอาทิตย์อาจารย์ให้โจทย์เป็นบทความหรือข้อเขียน หรือบรี๊ฟ เราต้องแปลงมันเป็นภาพที่มีคอนเส็ปต์ แล้วนำ ไปเสนอ อาจารย์จะวิจารณ์ คล้ายกับที่อาจารย์แสงอรุณ รัตกสิกร แห่งคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ สอนเด็กวิชาสเก็ตช์ เด็กเรียนรู้จากคอมเมนต์อาจารย์ อาจารย์จะชี้จุดที่ดีและไม่ดีและให้เหตุผลว่าทำไม
1
มันทำให้เราเห็นว่า โจทย์เดียวกันสามารถแตกเป็นความคิดที่แตกต่างกันได้มากมาย ในกาลต่อมาเมื่อเข้าสู่วงการโฆษณาและหนังสือ การคิดไอเดียแบบเหวี่ยงแหนี้ช่วยได้มาก ทำให้ทำงานเสร็จตามกำหนดและเป็นงานคุณภาพ
4
วิชานี้ไม่ได้ให้คะแนนฝีมือการวาดมากเท่าไร แต่เน้นที่ไอเดีย (ผมใช้มาตรวัดแบบนี้เวลาวิจารณ์หนัง เน้นที่ไอเดีย ความคิดสร้างสรรค์มากกว่าโปรดัคชั่นและการแสดง)
เมื่อเข้าใจหลักของ ‘conceptual’ ก็จะพบว่าเราสามารถใช้ในทุกวงการ ผลลัพธ์อาจเป็นภาพประกอบ หนัง หนังสือ ดนตรี อาคาร และยกระดับมันเป็นงานศิลปะชั้นสูงขึ้น
1
ความคิดที่แหลมคมและมีความสร้างสรรค์ ก็คือหัวใจของงานศิลปะที่ดี
นิวยอร์กเป็นเมืองนานาชาติที่แท้จริง ที่นี่มีคนจากทุกมุมโลกมารวมกัน ทั้งชาวตะวันตก ตะวันออก ลองขึ้นรถไฟใต้ดินสักสาย จะเห็นคนทุกแบบจากมุมต่างๆ ของโลกคละเคล้ากัน
เมืองนิวยอร์กก็ประกอบด้วยย่านต่างๆ ทั้งอิตาเลียน สเปน แม็กซิโก ไชนาทาวน์ ฯลฯ อาจเพราะเป็นเมืองหลากหลายเชื้อชาติ สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติจึงตั้งอยู่ที่นี่
1
ดังนั้นชาวนิวยอร์กมักรู้สึกเฉยๆ เมื่อเห็นคนต่างชาติ ผมเดินไปเดินมาทั่วเมืองโดยไม่มีใครให้ความสนใจ
1
คนนิวยอร์กที่ผมรู้จัก ส่วนมากในวงการสถาปนิกเป็นคนเปิดเผย ไม่รังเกียจความแตกต่างทางสีผิว เชื้อชาติ
วันแรกที่ผมไปเริ่มงานในสำนักงานสถาปนิก ฝรั่งหนุ่มคนหนึ่งเดินมาหาผม แนะนำตัวเอง ยื่นมือมาให้จับ บอกว่า “ผมชื่อคีธ”
คนอื่นๆ ในสำนักงานรวมทั้งเจ้านายก็คุยง่าย ไม่เรื่องมาก ออฟฟิศนี้มีสถาปนิกหลากหลายเชื้อชาติ ต่างคนต่างทำ งานของตัวเอง
1
เราคบหากันเหมือนคนชาติเดียวกัน บางครั้งคีธก็เชิญผมไปเยี่ยมอพาร์ทเมนต์ของเขา เขาอยู่กับแฟนสาว
ผมทำ งานที่สิงคโปร์หลายปีก่อนไปนิวยอร์ก ใช้ภาษาอังกฤษทุกวัน แต่เมื่อเจอฝรั่งจริง ก็รู้สึกว่าภาษาอังกฤษของผม ยังถือว่าไม่ผ่านดีนัก
1
วันหนึ่งคีธเจอหน้าผม ทักว่า “What’s up?”
ผมงงไปครู่ใหญ่ ถามว่า คุณว่าอะไรนะ
เมื่อรู้ว่าผมไม่เข้าใจ เขาจึงแปลความหมายของ What’s up ว่าเป็นคำทักทายตอนเจอหน้ากัน ความหมายคือ เป็นไง มีอะไรมั้ย เกิดอะไรขึ้น ทำนองนั้น
ดีนะที่ตอนนั้นเขาไม่ถามว่า “What’s up, bro?” คงต้องถามว่า bro คืออะไร
1
อีกคำทักทายหนึ่งที่ฝรั่งใช้บ่อยคือ How are you doing? (เป็นไง/สบายดีหรือ)
บททดสอบความสามารถในภาษาอังกฤษของผมที่สอบตกโดยสิ้นเชิงคือบทสนทนาระหว่างผมกับเจ้านายในวันหนึ่ง
วันนั้นอยู่ดีๆ เขาก็มาจับมือผมเขย่า เอ่ยมาสองสามประโยค รัวเร็ว ผมจับความได้แค่คำว่า raise อะไรทำนองนั้น
ฟังไม่รู้เรื่อง แต่พยักหน้าเออๆ ออๆ ซึ่งผมเรียนรู้ว่าไม่ควรทำกับพวกฝรั่งเป็นอันขาด
ผ่านไปอาทิตย์หนึ่ง เจ้านายเรียกไปถาม บอกว่าทำไมใบกรอกจำนวนชั่วโมงทำ งานของผมยังใช้อัตราเก่า สำนักงานอเมริกาจำนวนมากจ่ายเงินเดือนเป็นรายสัปดาห์ พนักงานกรอกจำนวนชั่วโมงที่ทำในอาทิตย์นั้น ยื่นให้ฝ่ายบัญชีตอนเย็นวันศุกร์ ฝ่ายบัญชีจะทำ เช็คจ่ายให้
ตอนนี้เองที่เพิ่งเข้าใจว่า วันนั้นเจ้านายขึ้นเงินเดือนให้
raise ก็คือขึ้นเงินให้
อ้าว! ทำไมเราเซ่อซ่าอย่างนี้นะ
เฮ้อ! ไม่รู้ว่ามีสาวฝรั่งกี่คนชวนไปนอน แต่เราฟังไม่รู้เรื่อง!
5
(อ่านประสบการณ์ชีวิตในอเมริกาต่อสัปดาห์หน้า)
โฆษณา