4 ก.พ. 2023 เวลา 02:58 • นิยาย เรื่องสั้น

หญิงงามผู้ลงอเวจี

เมื่อสมัยพุทธกาล ศานาพุทธเป็นที่รุ่งเรือง มีผู้ศรัทธา เป็นจำนวนมาก โดยมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นศาสดา ทำให้กลุ่มเดียรถีย์ คือ นักบวชที่อยู่นอกศาสนาพุทธ ไม่ได้รับลาภสักการะและความศรัทธาตามเดิม เพราะชาวบ้านหันมานับถือศาสนาพุทธกันเป็นส่วนมาก เหล่าเดียรถีย์จึงคิดอุบายจะกำจัดพุทธศาสนา ด้วยการใส่ร้ายพระพุทธเจ้า
นางจิณจมาณวิกา ถือเป็นหนึ่งในลูกศิษย์ของกลุ่มเดียรถีย์นี้ นางมีใบหน้าที่งดงาม หาผู้ใดเทียมได้ มีผู้กล่าวว่านางสวยดั่งเทพนางฟ้าที่มีรัศมีเปล่งประกายออกมา
กลุ่มเดียรถีย์จึงคิดใช้นางเป็นเครื่องมือในการใส่ร้ายพระพุทธเจ้า โดยออกอุบายว่า เมื่อนางจิณจมาณวิกามาถึงสำนักของเรา อย่าได้กล่าวหรือพูดคำใดแก่นางทั้งสิ้น
พอเมื่อนางจิณจมาณวิกาเมื่อถึงสำนัก ก็รู้สึกถึงความผิดปกติ นักบวชทุกท่านต่างเคร่งเครียดและไม่พูดจา เมื่อนางคะยั้นคะยอถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่กลับไม่ได้รับคำตอบใด นางถามถึง 3 รอบ นักบวชเดียรถีย์จึงยอมกล่าว
หนึ่งในนักบวชเดียรถีย์กล่าวว่า นางไม่รู้หรอกหรือว่าขณะนี้สำนักเรากำลังถูกพระพุทธเจ้าเบียดเบียนลาภสักการะ นางตอบว่าจะให้นางทำอย่างไรก็บอกว่าเถิด นักบวชเดียรถีย์จึงออกอุบายแก่นางจิณจมาณวิกา เมื่อนางได้ทราบอุบายแล้ว นางก็รับปากว่าจะทำตาม
ทุกวันนางจิณจมาณวิกาจะแต่งตัวด้วยอาภรณ์สวยงาม ผลัดหน้าขาว เดินเข้าไปยังวัดพระเชตะวันในช่วงเย็น และในช่วงเช้า นางจิณจมาณวิกาก็แสร้งว่ากำลังเดินออกมาจากวัด ให้ชาวบ้านเข้าใจผิดว่านางเข้าวัดไปช่วงเย็น และเพิ่งออกมาในตอนเช้า ทำทีประหนึ่งว่านางนอนค้างที่วัดพระเชตะวัน จริงๆ นางไม่เคยค้างที่วัดพระเชตะวันเลย นางไปนอนค้างที่สำนักของเดียรถีย์ต่างหาก
โดยเจตนาของนางต้องการให้ชาวบ้านสงสัยว่านางมีความสัมพันธ์ชู้สาวกับพระพุทธเจ้า
หลังจากนั้นไม่กี่เดือน นางก็เริ่มปล่อยข่าวว่าตั้งครรภ์กับพระพุทธเจ้า และเริ่มนำผ้าหนาๆ มาใส่ไว้ในเสื้อให้ดูเหมือนกำลังตั้งครรภ์อ่อน ๆ
หลายเดือนผ่านไปนางจิณจมาณวิกา นำท่อนไม้กลมมาผูกไว้หน้าท้อง และใช้ผ้าหนาๆ มาผูกไว้อีกทบนึง ให้ดูเหมือนมีครรภ์แก่ใกล้คลอด นอกจากนี้ยังนำไม้มาทุบมือและเท้าให้ดูบวม เหมือนคนกำลังตั้งครรภ์แก่อีก นับว่านางมีความเพียร และตั้งใจในการทำบาปเป็นอย่างมาก
และวันหนึ่งระหว่างที่พระพุทธเจ้ากำลังแสดงธรรมต่อหน้าพุทธศาสนิกชน นางจิณจมาณิกาได้เข้ามาและชี้ไปที่พระพุทธเจ้าและกล่าวเสียงดังให้ทุกคนในที่นั้นได้ยินว่า
" มหาสมณะ ท่านดีแต่แสดงธรรมแก่มหาชนเท่านั้น ส่วนหม่อมฉันมีครรภ์ครบกำหนดแล้ว พระองค์ไม่ทราบว่าเรือนเป็นที่คลอดของหม่อมฉัน พระองค์ไม่ทรงทราบบริหารครรภ์มีเนยใสและน้ำมันเป็นต้น พระองค์ไม่ทรงทำเองก็ไม่ตรัสบอกพระเจ้าโกศล หรืออนาถบิณฑิกะ หรือนางวิสาขาคนใดคนหนึ่ง แม้อุปฐากทั้งหลายว่า ท่านจงทำกิจที่ควรทำแก่นางจิณจมาณวิกานี้ ท่านทรงรู้แต่อภิรมย์เท่านั้น ไม่ทรงรู้ครรภ์บริหาร "
ถ้าเป็นสมัยนี้ก็หมายถึงทรงทำหม่อมฉันท้องแต่ไม่รับผิดชอบ ไม่สนใจเลย
พุทธศาสนิชนที่กำลังฟังธรรมอยู่นั้นต่างพากันตกใจ พระพุทธเจ้าจำต้องหยุดการแสดงธรรม และตรัสกับนางจิณจมาณวิกาว่า น้องหญิง อันความที่เจ้ากล่าวแล้วจะจริงหรือไม่เราและเจ้าเท่านั้นย่อมรู้
นางจิณจมาณวิกาโกรธและด่าทอพระพุทธเจ้าต่อ พร้อมทั้งกระทืบเท้าไปด้วย การกระทำของนางจิณจมาณวิการ้อนไปถึงเทพเทวดาบนสวงสรรค์ทนไม่ได้กับการกระทำนี้ จึงจำแลงกายเป็นหนูมากัดผ้าผูกเอว ทำให้ไม้ท่อนกลมและผ้าหนาที่แสร้งว่าเป็นครรภ์นั้นหลุดออกมาต่อหน้าชาวบ้านที่ฟังธรรม เหล่าชาวบ้านจึงรู้ได้ทันทีว่านางจิณจมาณวิกาโกหกปั้นเรื่องใส่ร้ายพระพุทธเจ้า ต่างพากันโกรธด่าทอ จะเข้าไปรุมทำร้าย บางคนถ่มน้ำลายใส่ บางคนปาก้อนหินใส่
นางจิณจมาณวิกาวิ่งหนี พอพ้นจากวัดพระเชตวัน นางก็ถูกธรณีสูบลงอเวจีทันที
นางจิณจมาณวิกา ถือว่ามีจิตใจชั่วร้าย คบคนพาลคือพวกเดียรภีย์เป็นมิตร ซ้ำยังยอมเป็นเครื่องมือในการทำลายชื่อเสียงและบารมีของพระพุทธเจ้า
นางจิณจมาณวิกานั้น อดีตชาติคือนางอมิตดา ภรรยาตาเฒ่าชูชกผู้ขอกัณหา และชาลีมาเป็นทาสของตน
นางจิณจมาณวิกาไม่ใช่ใส่ร้ายพระพุทธเจ้าแค่นี้ชาติ แต่ชาติก่อนหน้าครั้งเมื่อพระพุทธเจ้าเกิดเป็นพระราชโอรสเมืองหนึ่ง นางจิณจมาณวิกาเกิดเป็นแม่เลี้ยงของพระโอรส ก็เคยได้กล่าวร้าย ใส่ความมาแล้ว ซึ่งจะนำมาเล่าต่อไปค่ะ
#กรรม #อเวจี #นรก #ธรณีสูบ #กฏแห่งกรรม #ธรรมะ #ฟังธรรม #พระพุทธเจ้า #พระธรรม #พุทธศาสนา
โฆษณา