12 ก.พ. 2023 เวลา 12:00 • สุขภาพ

วิธีการทำสมาธิเพื่อจุดประสงค์ต่างๆ

คงเป็นที่ทราบกันดีของผลที่ได้จากการนั่งสมาธิในการควบคุมอารมณ์ สมาธิ การนอนหลับ หรือแม้กระทั้งลดอาการบาดเจ็บและการรักษามะเร็ง
แต่วันนี้เราจะมาสอนคุณว่าคุณควระจะนั่งสมาธิแบบไหนโดยขึ้นอยู่กับเป้าหมายของคุณ โดยการนั่งสมาธินั้นแบ่งออกไปได้สามเป้าหมายหลักๆ หนึ่ง เพื่อพัฒนาอารมณ์ เพื่อพัฒนาสมาธิ และพัมนาการนอนหลับ
ก่อนที่จะเข้าไปแต่ละเป้าหมาย เราต้องพูดถึงวิธีการพื้นฐานก่อน
เริ่มแรกให้เพ่งสมาธิไปที่สิ่งใดสิ่งนึงก่อน(ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของเราและจะมีการอธิบายเพิ่มเติม) ซึ่งเป็นไปได้ยากที่จะเพ่งสมาธิตลอดเวลา ตามธรรมชาติเราก็จะมีการหลุดและใจลอย สิ่งที่ต้องทำต่อมาคือตระหนักให้ได้ว่าเรากำลังใจลอยอยู่นะ และกลับมาเพ่งสมาธิเหมือนเดิม
หลายๆคนมักจะเข้าใจผิดว่าการนั่งสมาธิแล้วห้ามใจลอยเลย ถ้าใจลอยแปลว่าล้มเหลวแต่ในตวามเป็นจริงแล้ว งานวิจัยเปิดเผยออกมาว่าคนที่มีสมาธิดีนั้นไม่ได้ไม่ใจลอยเลย แต่ปรากฏออกมาว่าคนที่มีสมาธิสูงนั้นคือคนที่มีความสามารถที่จะตระหนักว่าใจลอยและกลับมาเพ่งสมาธิได้อย่างรวดเร็ว
จะสรุปง่ายๆก็จะเป็นวัฏจักรดังรูป
ให้เราคิดว่าทุกๆครั้งมี่เราวนได้หนึ่งรอบก็เปรียบเหมือนการวิทพื้นรอบนึงยิ่งเราสามารถตระหนักได้ว่าเราใจลอยบ่อยเค่ไหนก็จะยิ่งเปรียบเหมือนเราวิทพื้นเยอะมากเท่านั้น
ที่นี้การเพ่งสมาธินั้นมีสองแบบก็คือแบบ Interoceptive และ Exteroceptive หรือก็คือการรับรู้ภายในและรับรู้ภายนอก
การรับรู้ภายในจะเป็นการรับรู้ที่ขอบเขตนั้นไม่เลยผิวหนังเราเช่น ลมหายใจ, ความรู้สึกในท้อง, จังหวะการเต้นของหัวใจ, ความรู้สึกร้อนและหนาวบนผิวหนัง หรือแม้แต่บริเวณตาที่สาม ฯลฯ
การรับรู้ภายนอกเป็นการรับรู้ที่อยู่เหนืออกไปจากผิวเรา เช่นการมองเห็น, การได้ยินเป็นต้น
สำหรับหลายคนที่ไม่รู้ว่าการนั่งสมาธิแบบ ที่เพ่งสมาธิไปที่ภายนอกทำยังไง อย่างเช่นเราสามารถทำสมาธิได้ได้ก็คือการเพ่งไปที่สิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือวัตถุใดวัตถุหนึ่ง โดยที่เราสามารถกระพริบตาได้ อันนี้ก็นับถือว่าเป็นการ รับรู้แบบภายนอกแบบนึง
แล้วเราควรจะเลือกแบบไหน
ลองสังเกตดูว่าคุณเป็นคนที่แบบรับรู้ภายในเป็นหลักหรือรับรู้ภายนอกเป็นหลัก
เราอยู่ในหัวตัวเองมากมั้ย
หรือ
เราอยู่กับสิ่งรอบตัวมากกว่า
ให้ลองจินตนาการแบบนี้เวลาเพื่อนหรือใครกำลังมีบทสนทนากับคุณ คุณตั้งใจฟังเพื่อน หรือว่ามัวคิดอย่ว่าหน้าเราแดงมั้ยมีอะไรติดฟันนรึเปล่า
ถ้าคุณเป็นคนที่รับรู้ภายในเป็นหลักมากกว่าให้ทำสมาธิที่เน้นไปที่การรับรู้ที่ภายนอก
ถ้าคุณเป็นคนที่รับรู้ภายนอกเป็นหลักมากกว่าให้ทำสมาธิที่เน้นไปที่การรับรู้ที่ภายใน
สาเหตุก็เพราะถ้าคุณ ทำในแบบที่ คุณเป็นจะทำให้ คุณรับรู้แบบนั้นมากเกินไป เช่นถ้าคุณเป็นคนที่รับรู้ภายในอยู่แล้วแล้วคุณนั่งสมาธิแบบที่เน้นการรับรู้ภายในจะทำให้เกิดปัญหาก็คือ
เช่น เวลาเราพูดหรือได้ยินอะไรแล้วจะทำให้รับรู้ถึงความรู้สึกตัวเองมากเกินไป สามารถรู้สึกได้ของอัตราการเต้นของหัวใจที่สูงขึ้นรู้สึกได้ถึง กะเพาะที่กำลังบีบตัวเป็นต้น ซึ่งทำให้เราตระหนักถึงความกังวลของเราได้มากจนเกินไป
แต่ก็ขึ้นอยู่กับบริบท ณ ตอนนั้นด้วยอย่างเช่นถ้าคุณอยู่ข้างนอก ที่มีคนพลุกพล่านวุ่นวายคุณอาจจะเน้นไปที่แบบที่รับรู้ภายใน แต่ถ้าคุณอยู่คนเดียวและเงียบสงบ คุณอาจจะเน้นวิธีการรับรู้ภายนอก
สิ่งหนึ่งที่คุณสามารถนำเอาไปใช้ได้ซึ่งก็คือการบริหารการหายใจ(Breathwork) ซึ่งสามารถอ่านได้จากลิงค์นี้ที่ผมเคยเขียน
2
การบริหารการการหายใจนั้นจะสามารถแบ่งเป็นหลักๆก็คือการหายใจเข้าและออกแบบจังหวะปกติ(หายใจเข้าและหายใจออก) และแบบจังหวะไม่ปกติ(อย่างเช่นหายใจเข้าก่อนสองครั้งและค่อยหายใจออก)
การบริหารการหายใจนั้นยังสามารถแยกเป็นการทำสมาธิแบบนึงได้เลยโดยแม้แต่ตัวมันเองก็ส่งผลที่ดีต่อเรา หรือเป็นส่วนนึงของการทำสมาธิได้ โดยถ้าคุณเป็นคนที่ รับรู้ภายในเป็นหลัก คุณสามารถที่จะหายใจเข้าออกได้แบบจังหวะปกติ
เเต่ถ้าเกิดว่าคุณเป็นคนที่รับรู้ภายนอกเป็นหลัก คุณอาจจะต้องเน้นการหายใจที่ไม่เป็นจังหวะปกติ เพราะว่าเวลาที่เราหายใจไม่เป็นจังหวะปกติจะทำให้เรานั้น ต้องโฟกัสไปที่การหายใจเพื่อให้เป็นจังหวะแบบนั้น โดยการบริหารการหายใจนั้นมีเป็น สี่วิธีหลักๆ ซึ่งเข้าไปดูในลิงค์ด้านบนได้
ทีนี้กลับมาที่ตอนแรกที่เราได้คุยกันไว้ ที่ว่าการนั่งสมาธิแบ่งได้เป็นสามจุดประสงค์หลัก
โดยถ้าคุณต้องการที่จะพัฒนาการ มีสมาธิที่มากขึ้นและอารมณ์ คุณควรจะ นั่งสมาธิแบบที่ เน้นการรับรู้ภายในและภายนอก สามารถขึ้นอยู่ได้ว่าคุณเป็น คนประเภทไหนและสิ่งแวดล้อมที่คุณอยู่แบบไหน
ถ้าเกิดเป็นการนอนหลับนั้น จะเน้นไปที่ การไม่รับรู้อะไรเลย เนื่องจากการนั่งสมาธิ คือการเพ่งสมาธิและกลับมาเพ่งสมาธิใหม่จะทำให้เราเน้นไปที่การโฟกัสมากเกินไป ซึ่งตรงกันข้ามกับการนอนหลับ ก็คือการไม่โฟกัสอะไรเลย และปล่อยตัวไปตามความรู้สึกของร่างกาย
โดยวิธีที่จะทำให้ช่วยในเรื่องการนอนหลับหรือที่เรียกว่า Yoga Nidra และ NSDR(Non-Sleep Deep Rest)ซึ่งจะเน้นไปที่การสแกน(รับรู้)ร่างกายเป็นหลัก ซึ่งสามารถ ทดแทนเวลาที่เรานอน ไม่หลับไปได้และยังช่วยลดเวลาในการนอนหลับให้น้อยลง เพราะว่า ช่วยลด ฮอร์โมนคอร์ติซอลที่รบกวนการนอนหลับ หรือที่เรารู้จักกันก็คือ ฮอร์โมนที่ทำให้เกิดความเครียดและช่วยเติมเต็มสารสื่อประสาท
ผู้อ่านสามารถเข้าไปคลิกดูได้ตามลิงค์นี้และสามารถทำตามได้เลย
ทีนี้มาที่คำถามว่าแล้วเราควรจะทำสมาธิกี่นาทีดีละหนึ่งนาที 5 นาที 20นาที หรือว่า 40นาที คำตอบก็คือ กี่นาทีก็ได้แล้วแต่คุณที่คุณสามารถที่จะทำมันได้ทุกๆวัน เพราะว่ามันจะไม่มีประโยชน์เลยถ้าคุณทำมันไปยี่สิบนาทีแล้วคุณทำมันแค่ครั้งเดียวแล้วคุณก็ล้มเลิกที่จะทำมันต่อ
อันนี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของ Huberman Podcast ซึ่งถ้าใครมีเวลาสามารถไปฟังเต็มๆได้ที่
ส่วนเเอปที่ผมใช้ทำสมาธิเป็นประจำเเละฟรีด้วย
โฆษณา