15 ก.พ. 2023 เวลา 00:00 • ประวัติศาสตร์

พิษสงมวยไทย

(หมายเหตุ นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์มวยไทยเรื่องหนึ่ง เล่าในแนว edutainment)
หลังจากพม่าตีกรุงศรีอยุธยาแตกและถูกชิงคืนในปี พ.ศ. ๒๓๑๐ พระเจ้ามังระโปรดฯให้ปฏิสังขรณ์พระเจดีย์ชเวดากอง เมืองย่างกุ้ง งานปฏิสังขรณ์เสร็จสิ้นในปี พ.ศ. ๒๓๑๗ โปรดฯให้ทำพิธีเฉลิมฉลองในวันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๓๑๗
ส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองคือแข่งขันชกมวย
ขุนนางพม่าทูลพระเจ้ามังระว่า “เราควรอนุญาตให้นักมวยอยุธยาที่เป็นเชลยมาร่วมด้วย หนึ่งเพื่อความบันเทิงรื่นเริงของชาวบ้าน หนึ่งคือเพื่อให้ชาวพม่าเราเห็นฤทธิ์ของมวยพม่าว่าเหนือกว่ามวยไทย”
การชกมวยจึงบังเกิดขึ้นเฉพาะพระพักตร์พระเจ้ามังระ
มวยคู่แรกคือนักมวยพม่าร่างสูงใหญ่กับนักมวยอยุธยาร่างสันทัดนักมวยพม่าท่าทางแกร่งกล้าน่าเกรงขาม ส่วนนักมวยอยุธยาดูบอบบาง ไม่มีกิริยาท่าทีว่าเป็นนักมวยเก่ง เห็นชัดว่าเป็นมวยรองบ่อน
นักมวยพม่าจู่โจมนักมวยอยุธยา กำปั้นแข็งแกร่งพุ่งถึงตัว นักมวยอยุธยาเบี่ยงตัวหลบ สวนกลับด้วยหมัดขวา ตรงเข้าขากรรไกร นักมวยพม่าสะท้านเบา ๆ ร่วงลงกองบนพื้น สลบเหมือด
ในเวลาเพียงชั่วหนึ่งลมหายใจ นักมวยอยุธยาล้มนักมวยพม่าแน่นิ่ง
คนชมทั้งปวงตะลึงงัน
ขุนนางพม่าทูลพระเจ้ามังระ “นักมวยของเราประมาทไป ข้าพระองค์จะส่งคนใหม่ขึ้นไปประลอง”
นักมวยพม่าคนที่สองก้าวไปที่ลานชก หน่วยก้านของคนใหม่ขึงขัง ทะมัดทะแมง
นักมวยพม่ายิงหมัดที่ปลายคางนักมวยเชลย เสียงชกแหวกอากาศดังหวือ แต่นักมวยอยุธยาหลบฉากทัน เต้นเบา ๆ รอบตัวอีกฝ่าย
สายตาจับจ้องคู่ต่อสู้นิ่ง พริบตานั้นนักมวยอยุธยาก็พุ่งหมัดออกไป นักมวยพม่ายกแขนปิดและสวนหมัดกลับ แต่ช้ากว่าเท้าของนักมวยอยุธยาที่เสยเข้าชายโครงดังเหมือนคมขวานผ่าซุง ติดตามด้วยหมัดซ้ายขวารัวเร็ว นักมวยพม่าล้มครืน กองกับพื้น ไม่ลุกขึ้นมาอีกเลย
ในเวลาสองสามอึดใจ นักมวยพม่าคนที่สองก็นอนแผ่หราคาลานชก
พระเจ้ามังระทรงพึมพำ “นักมวยอยุธยามีฝีมือดียิ่งนัก”
1
“ข้าพระองค์จะส่งคนใหม่ขึ้นไป”
นักมวยพม่าคนที่สามพุ่งเข้าหานักมวยอยุธยา ทั้งชกทั้งเตะเปะป่าย นักมวยเชลยถอยทีละก้าว แต่สายตาเพ่งมองคู่ต่อสู้เขม็ง พริบตาที่หมัดสุดท้ายของผู้จู่โจมอ่อนแรงลง กำปั้นไม่มีรูของเชลยก็ทะลวงฝ่าเข้าไป เลือดสดแดงไหลซึมออกจากหัวคิ้วของฝ่ายตรงข้าม
1
นักมวยพม่าเตะหมายชายโครงนักมวยอยุธยา นักมวยเชลยอ่านทิศทางของเท้าออก รุกประชิดเข้าหา จู่โจมกลับด้วยศอกขวาที่บริเวณโคนขาอีกฝ่าย พริบตานั้นหมัดขวาอยุธยาก็เสยเข้าที่คางคู่ต่อสู้ ล้มหงายนอนนิ่งบนพื้น
ไม่ทันครบยก นักมวยพม่าคนที่สามก็พบชะตากรรมเดียวกัน
2
พระเจ้ามังระแย้มพระสรวล ตรัสเรียกนักมวยอยุธยาเข้าพบ
2
“เจ้าชื่ออะไร?”
“ขนมต้มพระเจ้าข้า”
1
“อายุเท่าใด?”
“ยี่สิบสี่พระเจ้าข้า”
“เจ้าจะชกต่อหรือไม่?”
“ชกต่อได้พระเจ้าข้า”
“ดี เช่นนั้นจงชกต่อไป”
นายขนมต้มเป็นชาวกรุงศรีอยุธยา เกิดที่บ้านกุ่ม เมื่อปี พ.ศ. ๒๒๙๓ ในรัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ พ่อแม่และพี่สาวตายเมื่อเขายังเล็ก บ้างว่าพ่อแม่และพี่สาวถูกพม่าฆ่าตาย จึงเป็นเด็กวัดตั้งแต่เล็ก ฝึกวิชามวยไทย และเรียนรู้อย่างรวดเร็ว เชี่ยวชาญการชกมวยอย่างหาตัวจับยาก
1
เด็กชายขนมต้มชกมวยอย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับมันถูกฝังมาตั้งแต่เกิด หมัดและเท้าของเขาเคลื่อนไปเหมือนผึ้งที่สัมผัสเกสรบุปผาอย่างละมุนละไม ทว่าซ่อนคมเหล็กในอันทรงพลังไว้ภายใน
ครั้นกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่า นายขนมต้มในวัยสิบเจ็ดถูกพม่ากวาดต้อนไปเป็นเชลย
เขาเชื่อว่าคงจะต้องใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในแผ่นดินแปลกหน้าจนวันตาย เป็นคนธรรมดาที่มีเส้นทางชีวิตธรรมดา
แต่เส้นทางธรรมดาเปลี่ยนไปเป็นไม่ธรรมดาในวันนี้
นักมวยพม่าคนใหม่ไม่รีบร้อนที่จะรุก แต่เมื่อรุกก็เร็วราวงูฉก ปล่อยหมัดซ้ายเข้าที่หน้าของนายขนมต้ม เรียกเลือดออกมาทันที เห็นชัดว่าเป็นนักมวยฝีมือฉกาจและเจนเวที นักมวยพม่าตามด้วยลูกเตะเท้าขวาที่ชายโครงและศอกขวา
1
แต่ไม่ทันที่จะสัมฤทธิ์ผล ลูกเตะก็พบแขนทั้งสองของนักมวยอยุธยารอรับอยู่ ส่วนศอกขวาถูกสกัดด้วยแขนซ้าย มันคือแม่ไม้ขุนยักษ์จับลิงที่ออกแบบให้หลบหมัด หลบเตะ หลบศอก ในเวลาเดียวกัน
2
นายขนมต้มชกหมัดขวาอย่างแรง แต่ชักกลับฉับพลัน เป็นกลลวง เพื่อใช้กำปั้นซ้ายตามดักรออีกฝ่ายที่เผลอหลบหมัดขวาเข้าที่กกหูอย่างจัง ไม่ทันหายมึน หมัดซ้ายก็ตามไปที่ขากรรไกร
กำปั้นเชือกกระทบคางดังเหมือนหินกระแทกหิน พม่าเซหลุน ๆ นายขนมต้มตามซ้ำด้วยหมัดขวา เข้ากกหู นักมวยพม่าคนที่สี่ล้มหงายตึง นอนแผ่ ลุกไม่ขึ้น และถูกหามออกไปจากเวที
1
ถึงคนที่ห้า
นักมวยพม่าคนที่ห้ารุกทันที เตะหมายชายโครงนักมวยอยุธยา สายตานายขนมต้มตามติดเท้าข้างนั้น เท้าซ้ายยืนมั่น ส้นเท้าขวากระแทกคู่ต่อสู้ที่ต้นขาอย่างจัง
พม่าเตะขวามุ่งหมายกลางลำตัว แต่พลันพบว่ามีเท้ารออยู่ เท้านายขนมต้มถีบเข้าชายโครงเต็มแรง พม่าล้มลงไป
1
นักมวยพม่าลุกขึ้น ชกหมัดขวาตรงไปที่หน้านักมวยอยุธยา นายขนมต้มสืบเท้าซ้ายก้าวเฉียงออก ทิ้งน้ำหนักตัวที่เท้าซ้าย แขนขวาปัดกำปั้นอีกฝ่ายให้เบนออก ศอกซ้ายกระแทกเข้าชายโครงของศัตรูดังสนั่น สิ้นฤทธิ์ด้วยกระบวนหนึ่งแม่ไม้มวยไทยนาม ชวาซัดหอก
2
นักมวยหมายเลขหกตามมาติด ๆ หมัดขวาพุ่งตรงเข้าหน้าของนายขนมต้ม นักสู้จากอยุธยาขยับเท้าขวาเข้าไปยังวงในของอีกฝ่าย งอแขนซ้ายขึ้น ปล่อยให้หมัดพม่าข้ามพ้นหัวไปหวุดหวิด เมื่อนั้นเหล็กในก็ฉกปลายคางของคู่ต่อสู้ นี่คือท่วงท่าแห่ง ตาเถรค้ำฝัก ของแม่ไม้มวยไทย
5
สิ้นฤทธิ์สนิทเงียบ
หกคนผ่านไป พม่ายังไม่ยอมหยุด เห็นชัดว่ามันมิใช่การชกมวยอีกแล้ว หากคือสงครามครั้งใหม่ระหว่างพม่ากับอยุธยา
สมรภูมิมิใช่ท้องทุ่ง หากคือเวทีมวย อาวุธมิใช่หอกดาบ หากคือกำปั้น
นักมวยพม่าคนที่เจ็ดปราดเข้าหานายขนมต้มที่เริ่มจะหมดแรง เสียงหอบหายใจของนักสู้จากอยุธยาแรงขึ้น นักมวยพม่าก็รู้ และชิงประโยชน์จากจุดอ่อนนี้
หมัดซ้ายของนักมวยพม่าฉกเข้าหมายหน้าของนักมวยอยุธยา นายขนมต้มใช้ท่ามอญยันหลัก ยกแขนทั้งสองขึ้นป้องหน้า ไม่ทันที่หมัดคู่ต่อสู้เดินทางมาถึง เท้าขวาที่ยาวกว่าหมัดก็ถีบเข้าที่ยอดอกของนักมวยพม่า แต่การเคลื่อนตัวของเขาเริ่มช้าลง ทำให้พม่าหลบรอด
พม่ารุกต่ออีกหลายหมัด วืดวาดปาดซ้ายขวา พลันก็จู่โจมด้วยหมัดขวาอย่างแรง นายขนมต้มสืบเท้าซ้ายไปข้างหน้า ประชิดตัว สองมือจับต้นคอฝ่ายพม่า กระแทกเข่าขวาที่หน้าของอีกฝ่าย คือไม้ตายนาม หักคอเอราวัณ ที่มีพิษสงร้ายกาจ
4
ครูมวยสอนว่า เมื่ออ่อนกำลัง ปล่อยให้ศัตรูเชื่อว่าตนเองสิ้นฤทธิ์ แล้วจู่โจมในห้วงยามที่อีกฝ่ายคาดไม่ถึง
2
ชนะไปเจ็ดคน
นักมวยพม่าคนที่แปดสู้อย่างระมัดระวัง ตั้งรับอย่างเหนียวแน่นเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายมีพิษสงร้ายกาจนัก รู้ดีว่าหากสามารถลากการชกให้ยาวออกไปเท่าไร ก็ยิ่งมีโอกาสชนะ เนื่องจากนักมวยอยุธยาบอบช้ำแล้ว
นักมวยพม่าหมายเลขแปดเดินมวยประชิด ชกเข้าใบหน้าของนายขนมต้มจนสะบัด ชกตามอีกที กำปั้นศัตรูแข็งเหมือนเหล็ก นายขนมต้มล้มลง แต่ก็ลุกขึ้นมา ไม่ทันตั้งหลักดี กำปั้นพม่าก็อัดวูบเข้าที่คิ้วซ้ายของคนอยุธยาจนเลือดไหลซึมออกมา อีกหมัดและอีกหมัดและอีกหมัดตามมาติด ๆ ราวคลื่นที่สาดซัดไม่หยุด นายขนมต้มหอบหายใจหนักหน่วง แต่เดิมพันครั้งนี้สูงเกินจะยอมแพ้
นักมวยพม่าคนที่แปดเริ่มย่ามใจ ไล่หมัดซ้ายขวาตามมาติด ๆ พลันนายขนมต้มเอี้ยวตัวปล่อยให้หมัดผ่านถากไหล่ขวา ในห้วงนาทีที่สุดแรงหมัด นักมวยอยุธยาไถลเท้าซ้ายออก เหวี่ยงส้นเท้ากระแทกที่ศีรษะของอีกฝ่าย ดั่งจระเข้ฟาดหาง ร่างของนักมวยพม่าล้มลง แน่นิ่งไม่ไหวติง
นักสู้จากอยุธยายืนโงนเงนด้วยความเหนื่อย กล้ำกลืนความเจ็บปวด แต่ยังยืนหยัดที่เดิม
รอนักมวยคนต่อไป
คนดูรอบเวทีเงียบกริบเมื่อนักมวยคนที่เก้าเข้าไปที่ลานชก ไม่มีใครเชื่อว่านายขนมต้มจะรอดในยกนี้
พม่าคนที่เก้าเดินมวยด้วยหมัดขวา หมายใบหน้านักมวยอยุธยา นายขนมต้มก้มหัวหลบ เสียงวืดเมื่อกำปั้นคู่ต่อสู้ผ่านศีรษะไปหวุดหวิด นักมวยอยุธยาสืบเท้าขวาไปข้างหน้า ในห้วงเวลาแสนสั้นที่กำปั้นฝ่ายตรงข้ามหมดพลัง กำปั้นขวาของนายขนมต้มก็พุ่งสู่ปลายคางของนักมวยพม่า มันคือท่ายกเขาพระสุเมรุ ที่แม้เป็นที่รู้จัก แต่ยากหาคนที่ใช้มันได้อย่างหมดจดเช่นนี้
1
งดงามราวบทกวี แต่อันตรายดุจศัสตราวุธ
3
นักมวยพม่าคนที่สิบก้าวเข้าสู่เวทีด้วยความระมัดระวัง หากผ่านไปเก้าคนยังโค่นอีกฝ่ายไม่ได้ แรงกดดันบนไหล่ของเขาก็ยิ่งหนักหน่วง เป็นภาระใหญ่ไม่ต่างจากทหารในสมรภูมิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการต่อสู้เฉพาะพระพักตร์
1
นักมวยพม่าเตะเท้าขวาตามมาติด ๆ สองที นายขนมต้มเสียหลักล้มลงไป แต่ลุกขึ้นมาแทบทันที
พม่าจู่โจมต่อเนื่อง ประเคนหมัดซ้ายเข้าหัวคิ้วนายขนมต้มจนเซไป นักมวยอยุธยาขยับร่าง แต่พบหมัดขวาอีกฝ่ายรออยู่ นักมวยอยุธยาผู้อ่อนล้าล้มลงไป แต่ก็ลุกขึ้นมาอีก
ไม่ทันตั้งหลักดี เท้าของพม่าก็เตะสูงที่ศีรษะ เสียงเหมือนขวานเฉาะลูกมะพร้าว สะเทือนทั้งร่าง นักมวยเชลยล้มลงเป็นครั้งที่สาม เลือดไหลจากหัวคิ้ว ลุกขึ้นช้า ๆ ลมหายใจหอบแรง แต่สองเท้ายังยืนมั่น
พริบตานั้นเท้าของคู่ต่อสู้ก็ลอยมาหมายเผด็จศึก นายขนมต้มไม่หลบ ประสานเท้าขวาขึ้นรับเท้าของอีกฝ่าย เสียงปะทะกันของกระดูกสองท่อน เท้าขวานายขนมต้มไม่หยุดเพียงนั้น ตามอีกฝ่ายไปเหมือนเงาประจำตัว ฝ่ายตรงข้ามเซถลา แต่พบหมัดของนักมวยอยุธยาดักรออยู่ เลือดแดงข้นอาบใบหน้านักมวยพม่า พม่าเซออกข้าง แต่พบเท้าข้างหนึ่งลอยตรงหน้า เป็นภาพสุดท้ายที่นักมวยพม่าเห็นก่อนสติวูบหาย
2
นิ่งเงียบทั้งเวที
พระเจ้ามังระตรัส “พอแล้ว”
การชกมวยวันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๓๑๗ ยุติลงในที่สุด
พระเจ้ามังระทอดพระเนตรการชกโดยตลอด ตรัสว่า “คนไทยมีพิษสงรอบตัว มือเปล่ายังเอาชนะคนได้ถึงเก้าคนสิบคน หากว่าเจ้านายดีและสามัคคีกัน ไฉนเลยกรุงศรีอยุธยาจะเสียทีแก่เรา”
7
พระเจ้ามังระทรงปูนบำเหน็จแก่นายขนมต้ม
1
“เจ้าจงทำงานในราชสำนักกรุงอังวะเถิด”
นายขนมต้มทูลว่า “ข้าพระองค์เป็นชาวอยุธยา หากพระองค์จะประทานรางวัล ข้าพระองค์ขอเพียงอิสรภาพ กลับบ้านเกิด”
1
ทรงนิ่งไปครู่หนึ่ง ตรัสว่า “จงเป็นไปตามนั้น”
เหล็กในคืออิสรภาพ
มิเพียงเขาชนะนักมวยพม่า ยังชนะพระทัยพระเจ้ามังระ
ย่อความจาก ประวัติศาสตร์ที่เราลืม เล่ม 2
1
ตอนนี้มีชุดโปรโมชั่น ชุดสารคดี ประวัติศาสตร์ที่เราลืม เล่ม 1-5 (5 เล่ม) + วีรบุรุษที่เราลืม เพียง 1,000 บาท สั่งได้ที่เว็บ winbookclub.com หรือ Shopee (ค้นคำ namol113)
โฆษณา