16 ก.พ. 2023 เวลา 08:43 • นิยาย เรื่องสั้น

โศกนาฏกรรม ระหว่างเจ้าชายผู้สูงศักดิ์และหญิงสาวชาวบ้าน

เรื่องราวความรักต่างชนชาติ ต่างชนชั้น ระหว่างเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ และหญิงสาวชาวบ้าน ได้กลายมาเป็นตำนานความรักที่จบลงด้วยความเศร้าสลด จนได้รับการกล่าวขานมาถึงปัจจุบัน และนำมาดัดแปลงเป็นวรรณกรรม บทเพลง ละคร และอีกมากมาย
เจ้าน้อยศุขเกษมเป็นราชโอรสองค์ใหญ่ ในเจ้าแก้วนวรัฐกับแม่เจ้าจามรีมหาเทวี เจ้าแก้วนวรัฐเป็นเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 9 แห่งราชวงศ์ทิพย์จักร องค์สุดท้ายแห่งนครเชียงใหม่ และเป็นต้นราชตระกูล ณ เชียงใหม่ ที่สืบสายตรงจากเจ้าผู้ครองนคร
เจ้าน้อยศุขเกษม คือลูกชายคนโตของผู้ครองนคร ดังนั้น จึงมีสิทธิ์ในการครองนครเชียงใหม่เป็นลำดับถัดไป
เจ้าน้อยศุขเกษมจัดเป็นเจ้าชั้นสูงที่มีใบหน้าหล่อเหลา รูปงาม เจ้าเสน่ห์จนเมื่อเจริญวัยในวัย 15 ปี ก็ถูกส่งตัวไปศึกษายังโรงเรียนเซนต์แพทริค ซึ่งเป็นโรงเรียนกินนอนชาย ในเมืองมะละแหม่งประเทศพม่า เจ้าน้อยศุขเกษมได้ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศพม่า จนมาวันหนึ่งเจ้าน้อยได้ไปเดินเล่นที่ตลาด และได้พบกับหญิงสาวชาวบ้าน ชื่อ "มะเมี๊ยะ" มะเมี๊ยะในภาษาพม่าแปลว่ามรกต
มะเมี๊ยะเป็นแม่ค้าขายบุหรี่มวนอยู่ในตลาดนั้น และด้วยความสวยงามของมะเมี๊ยะ ประกอบกับความอ่อนหวานของหญิงสาวชาวพม่า ทำให้ทั้งคู่ตกหลุมรักซึ่งกันและกัน
ความรักของทั้งคู่งอกงามเพิ่มพูน จนตกลงใจที่จะใช้ชีวิตเฉกเช่นสามีภรรยาด้วยกันที่ประเทศพม่า ในขณะที่เจ้าน้อยกำลังศึกษาอยู่
วันหนึ่งทั้งคู่ได้ชวนกันไปไหว้พระธาตุเจดีย์อันเป็นที่เคารพของชาวเมือง และได้กล่าวคำสาบานร่วมกันว่า จะครองรักกันตลอดไป หากฝ่ายใดผิดคำสาบานก็ขอให้มีอันเป็นไป
เมื่อถึงวันจบการศึกษา เจ้าน้อยศุขเกษมจำเป็นต้องกลับมาประเทศ แต่ด้วยความรักและไม่อยากแยกจากหญิงอันเป็นที่รัก จึงให้มะเมี๊ยะปลอมตัวเป็นชาย เป็นเด็กรับใช้ และกลับมาด้วยกัน
แต่เมื่อกลับมาถึงประเทศแล้ว เจ้าน้อยก็พามะเมี๊ยะไปซ่อนไว้ที่เรือนเล็ก โดยที่เจ้าน้อยไม่รู้เลยว่า เจ้าพ่อ และเจ้าแม่ได้หมั้นหมายเจ้าบัวนวล ธิดาของเจ้าสุริยวงศ์ กับเจ้าสุคันธาไว้ให้แล้ว
เมื่อทราบความจริงเจ้าน้อยจึงไม่ยอมแต่งงานพร้อมทั้งเปิดเผยว่ามะเมี้ยะคือภรรยาของตนเอง และในเวลาต่อมาเจ้าบัวนวลก็ได้ถอนหมั้นเพราะทราบว่าเจ้าน้อยพาเมียพม่ากลับมา
เรื่องนี้รู้ไปถึงสยามประเทศ ทางสยามประเทศได้ส่งผู้สำเร็จราชการมาแจ้งบอกว่า เจ้าน้อยต้องไม่มีเมียเป็นสาวชาวพม่า เพราะว่าคนพม่าขณะนั้น ถือสัญชาติอังกฤษ จะทำให้อังกฤษมีโอกาสแทรกแซงสยามได้ ที่สำคัญเจ้าน้อยเป็นเจ้าชายของล้านนา ถูกวางตัวไว้ให้เป็นรัชทายาท เท่ากับว่าสยามอาจต้องเสียเชียงใหม่ให้อังกฤษ ทุกฝ่ายจึงลงความเห็นว่าสมควรส่งมะเมี้ยะกลับพม่า
เหตุการณ์นี้สร้างความเสียใจแก่เจ้าน้อยและมะเมี๊ยเป็นอย่างมาก ทั้งสัญชาติและฐานันดรในเวลานั้นไม่อาจจะครองคู่กันได้ เจ้าน้อยจำใจต้องส่งมะเมี๊ยะกลับพม่า โดยให้สัญญาว่าอีก 3 เดือนจะไปรับมะเมี้ยะกลับ
เรื่องราวสุดสะเทือนใจยังไม่จบเท่านี้ ในวันที่ส่งตัวมะเมี๊ยะกลับนั้น ถือว่าเป็นไคแม็กซ์ของเรื่องราวที่คนทำหนัง ทำละครให้ความสำคัญกับฉากนี้มาก
มะเมี๊ยะร่ำลาอาลัยเจ้าน้อยอย่างที่สุด เจ้าน้อยมาส่งมะเมี๊ยะถึงประตูเมือง ชาวบ้านก็ต่างพากันมามุงดู เพราะข่าวลือเรื่องมะเมี๊ยะสะพัดออกไป และต่างจะมาดูความงามของมะเมี๊ยะเพราะต่างกันร่ำลือว่า มะเมี๊ยะเป็นหญิงสาวที่มีความสวยงามมาก
เมื่อเวลาที่ต้องจากลากัน มะเมี๊ยะได้สยายผมยาวของนางและก้มลงแทบเท้าเจ้าน้อย และนำผมของนางเช็ดเท้าของเจ้าน้อย กอดขา ซบหน้ากับเท้าเจ้าน้อย ซึ่งนั่นถือการแสดงความจงรักภักดีที่ภรรยามีต่อสามีอย่างสุดซึ้ง ทั้งคู่ต่างหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความเสียใจอย่างยิ่ง รวมถึงชาวบ้านที่พากันมามุงดูด้วยเช่นกัน มะเมี๊ยะนั่งรถขบวนกลับพม่า เจ้าน้อยยืนส่งจนลับสายตา
ต่อมาเจ้าน้อยถูกเรียกไปสยาม และถูกจับให้แต่งงานกับเจ้าบัวชุม เจ้าบัวชุมเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อม ทั้งหน้าตาที่สวยงามและความสามารถรอบด้าน สมสกุลเจ้า เจ้าน้อยปฏิเสธไม่ได้ จำต้องแต่งงานกับเจ้าบัวชุม และถูกกักให้อยู่ที่สยาม ไม่สามารถกลับมาเชียงใหม่ได้ ระหว่างนั้นเกิดเหตุการณ์ทางการเมืองที่วุ่นวาย ทั้งเรื่องการสวรรคตของเจ้านายชั้นสูง และเรื่องการลำดับรัชทายาท ทำให้เจ้าน้อยกลายมาเป็นรัชทายาทลำดับที่ 3 นั่นยิ่งทำให้เจ้าน้อยหมดโอกาสในการรับมะเมี๊ยะกลับมาตามที่ได้สัญญาไว้คือ 3 เดือน
เมื่อมะเมี๊ยะรอเจ้าน้อยจนครบ 3 เดือน และเจ้าน้อยไม่ได้ส่งคนมารับ มะเมี๊ยะจึงบวชชี เป็นการพิสูจน์ว่าตนจะไม่มีคนรักใหม่
ในเวลาต่อมามะเมี๊ยะทราบข่าวว่าเจ้าน้อยกลับมาที่เมืองเชียงใหม่แล้ว มะเมี๊ยะจึงมาดักรอ แต่เจ้าน้อยไม่ยอมออกมาพบ มะเมี๊ยะรอนานเท่าไหร่เจ้าน้อยก็ไม่ได้ออกมาพบ ซึ่งแท้จริงแล้วเจ้าน้อยได้แอบดูมะเมี๊ยะอยู่เช่นกัน แต่เจ้าน้อยไม่กล้าออกมาพบเพราะตนเป็นฝ่ายผิดคำสัญญา จึงฝากให้พี่เลี้ยงนำแหวนทอง และเงินจำนวนหนึ่งไปให้มะเมี๊ยะ
มะเมี๊ยไม่ขอรับเงิน แจ้งกับพี่เลี้ยงว่าตนต้องการมาถอนคำสาบานเท่านั้น มะเมี๊ยะรับเพียงแต่แหวนไว้ดูต่างหน้าเจ้าน้อยและเดินทางกลับพม่า
ฝ่ายเจ้าน้อยเสียใจเป็นอันมาก ที่ต้องพลัดพรากจากหญิงอันเป็นที่รักตลอดกาล จนตรอมใจ แต่บางเนื้อหาก็บอกว่าดื่มเหล้าจัด จนสิ้นพระชนม์เมื่ออายุได้เพียง 30 ปี
เจ้าน้อยไม่รักหญิงใด แม้กระทั่งเจ้าบัวชุมที่แต่งงานด้วย เจ้าน้อยมีหญิงที่รักเพียงคนเดียวคือมะเมี๊ยะ
ส่วนแม่ชีมะเมี๊ยะก็ได้รักษาสัจจะว่าจะมีเจ้าน้อยเพียงคนเดียว ไม่รักชายอื่น มะเมี๊ยะบวชชีจนกระทั่งเสียชีวิตเมื่ออายุได้ 73 ปี
เรื่องราวความรักที่จบลงด้วยความเศร้าสลดนี้ ก็มีนักวิชาการบางท่านมาวิเคราะห์ว่าอาจเป็นเรื่องแต่ง แต่แหล่งข้อมูลบางส่วนและส่วนใหญ่ก็บอกว่าเป็นเรื่องจริง ซึ่งหากเป็นเรื่องจริง ก็ขอให้เจ้าน้อยและมะเมี๊ยะได้สมรัก ได้ครองคู่กัน ในชาติใดชาติหนึ่งด้วยเถิด
ความรักมักนำความทุกข์มาให้ เรื่องนี้ขออนุญาตนำคำของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช มาสรุปว่า
"ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์ เวลามีรักใจมันจะผูกพัน แล้วสิ่งที่เราผูกพันไม่ว่าคน สัตว์หรือทรัพย์สมบัติ สิ่งของ ชื่อเสียง ล้วนแต่เป็นของไม่ที่ยงทั้งนั้นเลย ล้วนแต่ต้องแปรปรวนทั้งนั้น รักของไม่เที่ยง เราต้องทุกข์แน่นอน"
โฆษณา