19 ก.พ. 2023 เวลา 22:06 • ท่องเที่ยว

คิดว่ามาเที่ยว เกาะสมุย หรือ ภูเก็ตซะอีก

ยังไม่จบง่าย ๆ กับทริป คอสตาริกา 🇨🇷 Ep.26
ต่อจากตอนที่แล้ว เราก็เข้าเมือง และไปพักที่เมือง Quepos เราพักที่โรงแรม Verdemar Hotel 🏨 ติดกับชายหาด
Quepos เป็นเมืองบนชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกตอนกลางของคอสตาริกา เป็นที่รู้จักในฐานะประตูสู่อุทยานแห่งชาติมานูเอล อันโตนิโอ
ป่าชายเลน ทะเลสาบ และป่าฝนริมชายหาดของอุทยานเป็นที่อยู่อาศัยของลิงแสม ลิงหน้าขาว และกระรอก หาดทรายที่ทอดยาวในบริเวณใกล้เคียง ได้แก่ Playa Espadilla และ Playa Biesanz ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง ปากแม่น้ำป่าชายเลนของเกาะดามัสเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า เช่น เคแมน งู
และอีกัวน่า ค่ะ
1
พักร่างอยู่ที่โรงแรม และEnjoy กับอาหาร และสัตว์ป่า
ที่โรงแรมนี้มีทางเดินเป็นสะพานไม้ไปสู่ชายหาด เดินแค่ ไม่กี่วินาที ค่ะ ก็จะเห็นเจ้าตัวขี้เกียจ คือ สล็อธ นอนนิ่งบนต้นไม้ นาน ๆ จะ ขยับเขยื้อนตัวให้เห็นสักที และก็มีอีกัวน่า นก และลิงหน้าขาว ซึ่งดุมาก
ชายหาดก็จะคลาคล่ำ ไปด้วย นทท ที่หนีหนาว ก็คือ 90%เป็นชาวอเมริกันและแคนาดา ค่ะ
ตรงกันข้ามกับชายหาดก็เป็นถนนหลัก ให้นึกภาพแบบที่หาดป่าตองนะคะ แต่ที่นี่ไม่ได้คึกคักแบบไทย ก็จะเที่ยวกันอย่างเรียบร้อย ไม่อึกทึกครึกโครม ค่ำมาก็เงียบค่ะ
ที่เมืองQuepos นี้ก็มีอุทยานแห่งชาติชื่อว่า Manuel Antonio National Park ไม่ไกล สามารถเดินจากที่พักไปได้ถือว่าออกกำลังกายไปในตัว
เราอาจจะหน้าแปลก เขาถามว่ามาจากไหน ข่วยปักหมุดให้ด้วย ดูแล้ว มาจากไทยมีแค่หมุดเดียว เราเป็นหมุดที่สอง 🤣
พักที่ Quepos นี้ 3 คืน ร่างกายพร้อมแล้ว เราก็เดินทางกันต่อ มุ่งหน้าไปยัง ท่าเรือ เฟอร์รี่ เพื่อข้ามฝั่งไปยัง ชนบทที่ห่างไกล ที่มีแต่ชายหาด และธรรมชาติดิบ ๆ แบบไกลปืนเที่ยง
นั่งเรือเฟอร์รี่ ไปยัง Puntarenas
ออกจากที่พัก นั่งรถ ไปท่าเรือ 1.30 ชั่วโมง และรอเรือ อีก ชั่วโมง นั่งดูพระอาทิตย์ตก ผู้คนออกมานั่งเล่น บริเวณท่าเทียบเรือ ซึ่งใหญ่พอสมควร
 
ที่ท่าเทียบเรือเฟอร์รี่นี้มีประภาคาร ตั้งเด่น ให้ได้ถ่ายรูป
เรือมา รอผู้โดยสาร ออกจากเรือ เราก็นั่งรถลงไปในเรือ จอดรถ และขึ้นข้างบน เรือมี 3 ชั้น คล้ายเฟอร์รี่ไปเกาะสมุย
ใช้เวลาเดินทางอยู่ในเรือ อีก เกือบ 2 ชั่วโมง
ถึงจุดหมาย ก็ค่ำมืด มิน่า ไกด์ถึงบอกให้กินอะไรให้เรียบร้อย เพราะระหว่างทาง ต้องขับรถไปบนถนนเข้าที่พัก ในหมู่บ้านอีก เกือบ 2 ชั่วโมง
สองข้างทาง มือมิดสนิทจริง ๆ เรานั่งข้างหลังรถ ก็กระดกกระดอน เด้งหน้า เด้งหลัง ไปตามแรงเหวี่ยงของรถ และ รับรู้ได้ถึงความขรุขระ หลุมบ่อของถนน ลูกรัง พลางคิดในใจ “อีกแล้วหรือ กรู จะลำบากไปเพื่อ?”
นานเหลือเกิน นาน ๆ จะเห็นแสงไฟจากในป่าทึบ ซึ่งน่าจะเป็นจากหมู่บ้านแหล่ะ แต่มันมืดไง เราไม่รู้ มีแต่ไกด์บอกเป็นระยะ นี่หมู่บ้านชื่อนี้นะ นี่ทางที่น้ำท่วมทางขาดนะ บลาๆ ไม่มีอารมณ์จะรับรู้
ทนไม่ไหว บอกจอดข้างทางที อิฉันปวดฉี่ 🤣
ไกด์ถามแน่ใจนะ ข้างทางนะ
เยส เยส จอดเหอะ
รถจอดสนิด เขาก็ดับไฟหน้ารถให้ เป็นไฟหรี่ อิฉันก็เปิดประตูลง ดูว่า ปลอดภัย ในพื้นดินเรียบ ข้าง ๆ รถ ไม่มีไปนั่ง ยอง ยองเหลา
เบาโล่ง สบายท้อง ทันที
ป่ะ เดินทางต่อ
ถึงที่พัก ก็ดึกแล้ว เพลียจากการเดินทาง ต่างคนต่าง เก็บของเข้าที่ มุมใครมุมมัน (ไกด์เขามีบ้านพักเอง)
ที่พักเป็นห้องเล็กกระทัดรัด เปิดแอร์เย็นฉ่ำ (ไฟฟ้าจากแผงโซลา) ที่พักเป็นของเพื่อนเราเอง คุณ Ryan สร้างไว้ เพื่อหนีหนาวมาเล่นวินเซริฟ โต้คลื่น ซึ่งหาดก็อยู่ไม่ไกล ต้องนั่งไปตามถนนขรุขระอีกไม่ต่ำกว่า 30-45 นาที
นอนก่อน พรุ่งนี้ค่อยเจอกับ Ryan ค่อยมาเล่าให้ฟังอีกทีนะคะ
รุ่งเช้าไปอ่านป้ายชื่อหมู่บ้านหมาป่า 😱
พยายามเขียนให้จบไวๆ เหมือนกัน ทริปนี้ หลายอีพีมาก
ขอบคุณทุก ๆ ท่านที่ยังแวะมาเที่ยว มาให้กำลังใจกันค่ะ 🙏❤️
นกขมิ้น บินไกล
@Miles Travel Inka
Explore Enjoy Protect The Planet 🌎

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา