23 ก.พ. 2023 เวลา 07:12 • นิยาย เรื่องสั้น

โรคเวรโรคกรรม

เรื่องแปลกประหลาดในโลกนี้มีอยู่มากมาย บางเรื่องถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเองก็ยากที่จะเชื่อได้ อย่างเรื่องต่อไปนี้ มันก็มีเรื่องราวแปลกประหลาดหลายอย่าง
วัยเด็กเรามีเพื่อนอยู่คนหนึ่งชื่ออ๊อด เราและอ๊อดเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่สมัยเด็ก คนระแวกนั้นส่วนใหญ่ก็จะรู้จักกัน มีฐานะพอๆกัน ส่วนมากก็ค้าขายเล็กๆน้อยๆ ขายของชำบ้าง พายเรือขายถ่านบ้าง ย่าของเราเองก็หาบขนมจีนขาย
1
บ้านอ๊อดก็เปิดร้านขายของแห้งเล็กๆน้อยๆ พวกพริกแห้ง กุ้งแห้ง เราเรียน รร. เดียวกัน ก็คือ รร. วัดแถวนั้น เด็ก 98% ในระแวกนั้นจะเรียน รร. วัดแหงนี้ จะมีก็แต่พวกบ้านพอมีฐานะ ที่จะให้ลูกไปเรียน รร. เอกชน มีรถรับ - ส่ง บ้านไหนรวยก็สังเกตุง่าย ๆ คือบ้านจะเป็นปูน เป็นตึก ส่วนพวกบ้านจน บ้านก็จะเป็นไม้ หลังคาผุๆ ซึ่งก็รวมถึงเราด้วย
หลังเลิกเรียนเราจะไปเล่นกับอ๊อดทุกวัน จู่ๆ วันหนึ่งอ๊อดก็หายไปเฉยๆ ไม่ได้ไป รร. วันรุ่งขึ้นครูประจำชั้นก็แจ้งว่าอ๊อดได้ย้าย รร. ไปแล้ว อ๊อดย้ายไปเรียน รร. เอกชน แต่ถึงอ๊อดจะย้าย รร. แต่ตกเย็นทีไร เราก็มาเล่นกันอยู่เป็นประจำ
ตอนเด็กๆ เราได้ยินผู้ใหญ่พูดกันว่า ฐานะทางบ้านอ๊อดดีขึ้นผิดหูผิดตา บ้านอ๊อดจากบ้านไม้หลังคาผุเหมือนกับคนอื่น จู่ๆ ก็สร้างใหม่เป็นบ้านปูน ตอนก่อสร้างเรากับอ๊อดยังไปเล่นกองทรายกันเลย บ้านอ๊อดจากที่เคยขายของชำก็ไม่ขายแล้ว แม่อ๊อดจากใส่ผ้าถุง ก็เปลี่ยนเป็นใส่ชุดสวยงามตามสมัยนิยม แถมใส่ทองเส้นเบ้อเริ่ม กำไรทองเต็มมือไปหมด
อ๊อดมักมีขนมดีๆ ที่โฆษณาในโทรทัศน์มากินเป็นประจำ ซึ่งเราก็ได้อานิสงค์ไปด้วย ส่วนใหญ่อ๊อดจะอยู่กับแม่ 2 คน ส่วนพ่ออ๊อดมักไปทำงานต่างจังหวัด จะกลับมาบ้านแค่เดือนละหน
ฐานะทางบ้านอ๊อดค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ พอมีเงินคนก็นับหน้าถือตา มีงานบุญงานบวชทีไร ก็มักจะถูกเชิญให้ไปร่วมงานเสมอ พ่อแม่อ๊อดใส่ซองหนัก ใครๆ ก็อยากจะเชิญไปร่วมงาม และเป็นที่รู้กันว่า เวลาใครมีเรื่องเดือนร้อนเงินทอง ก็มักจะไปหยิบยืมบ้านอ๊อดเป็นประจำ ทำให้ผู้คนยิ่งนับถือยิ่งเกรงใจเข้าไปอีก แต่ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าบ้านอ๊อดร่ำรวยมาได้อย่างไร ต่างลือกันว่าถูกหวย หรือได้มรดกมา
และจุดพีคสุดของความร่ำรวยคือวันหนึ่ง พ่ออ๊อดกลับมาจากต่างจังหวัด พ่ออ๊อดขับรถใหม่ป้ายแดงเข้ามาในหมู่บ้าน คนรวยที่สุดในระแวกนั้นยังมีแค่รถเต่าเก่าๆ เลย แต่พ่ออ๊อดขับรถเก๋งคันใหม่ รุ่นใหม่ป้ายแดงเข้ามา ทำให้เป็นที่ฮือฮาเป็นอย่างมาก บ้านอ๊อดกลายเป็นเศรษฐี ส่วนอ๊อดก็กลายเป็นคุณชาย
หลังจากนั้นไม่นานเราก็ย้ายบ้าน ทำให้ไม่รู้เรื่องราวของอ๊อดอีกเลย จนเวลาผ่านไปเกือบ 20 ปีเราเจออ๊อดโดยบังเอิญ อ๊อดขายลูกชิ้นทอดอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ครั้งแรกไม่มั่นใจว่าเป็นอ๊อด แต่พอมองดีๆ ก็แน่ใจว่าใช่แน่ๆ จึงเข้าไปทักทาย
เพื่อนเก่าเพื่อนเกลอต่อให้ห่างหายกันไปนาน แต่มิตรภาพก็ยังเหมือนเดิม อ๊อดดีใจมากที่ได้เจอเรา เราทั้งคู่เลยนั่งคุยกันข้างรถเข็นลูกชิ้นทอด อ๊อดแลดูเหน็ดเหนื่อย ดูแก่กว่าวัยเล็กน้อย ดูขัดกับฐานะและความเป็นคุณชายบ้านรวยในวัยเด็ก
อ๊อดเล่าให้ฟังถึงโชคชะตาและเรื่องราวประหลาดที่เกิดขึ้นกับครอบครัวว่า วัยเด็กช่วงที่บ้านรวยมีเงิน อ๊อดมีความสุขมาก อยากกินอะไรก็ได้กิน อยากได้ของเล่น หุ่นยนต์ รถบังคับ พ่อแม่จะหามาให้ไม่เคยขัด
จนกระทั่งช่วงวัยมัธยมต้น บ้านอ๊อดก็ถูกไฟไหม้ ไหม้หมดเลยไม่เหลืออะไรเลย บ้านเหลือแต่ตอ เอาอะไรออกมาไม่ได้สักอย่าง พอหลังจากนั้นพ่ออ๊อดก็ปลูกบ้านหลังใหม่บนที่ดินเดิม พออยู่มาได้แค่ 2 ปี บ้านก็โดนไฟไหม้อีกรอบ เงินทางบ้านก็เริ่มร่อยหรอ เพราะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดถึง 2 รอบ แถมเงินสดบางส่วนยังถูกไฟเผาไปอีก อ๊อดและครอบครัวจึงย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่
เวลาต่อมาช่วยมัธยมปลาย ประมาณ ม.6 พ่ออ๊อดเริ่มมีอาการป่วย อ๊อดบอกว่าพ่อป่วยด้วยอาการประหลาดมากหมอก็หาสาเหตุไม่เจอ จนหมอลงความเห็นว่าพ่อมีอาการทางจิตเวช พ่อมีอาการร้อนวูบวาบข้างในตัว ตอนแรกคิดว่าเป็นวัยทอง แต่อาการร้อน มันร้อนผิดปกติ เหมือนมีไฟไหม้อยู่ในตัว
อ๊อดบอกว่าบางวันพ่อเป็นหนัก ถึงขั้นรีบวิ่งไปกระโดดลงตุ่ม แช่อยู่ในตุ่มเป็นชั่วโมงๆ บางวันก็มีอาการน้อย บางวันก็มีอาการมาก ตอนกลางคืนพ่อจะนอนไม่หลับ ผุดลุกผุดนั่ง มันนอนไม่ได้ เหมือนมีไฟอยู่ในตัว แม่พาพ่อไปหาหมอหลายที่ หมดเงินไปเยอะ แต่ไม่มีหมอคนไหนบอกสาเหตุได้เลย ได้แต่เอายามากินแต่ก็ไม่ดีขึ้น เข้าวัดรดน้ำมนต์ก็แล้ว อาการก็ยังเหมือนเดิม อ๊อดเล่าว่าพ่อเป็นแบบนี้อยู่หลายปี วนเข้าออกรพ กับวัดอยู่หลายรอบ จนร่างกายซูบผอมเพราะกินไม่ได้ นอนไม่ได้ แม่และลูกก็เป็นทุกข์เพราะอาการป่วยของพ่อ
จนกระทั่งอ๊อดเข้าเรียนมหาวิทยาลัย อาการพ่อก็ทรุดหนัก เศรษฐกิจทางบ้านก็ชะงัก อ๊อดจึงต้องหยุดเรียนออกมาหางานทำ และช่วยแม่ดูแลพ่อ อ๊อดบอกว่าพ่อเริ่มมีอาการประหลาดมากขึ้น พ่อร้อนมากจนนอนบนที่นอนไม่ได้ ต้องมาบนบนพื้นดินหน้าบ้าน พ่อบอกว่าถ้านอนบนที่นอนมันร้อนนอนไม่ได้ แต่ถ้ามานอนบนดิน ดินจะเย็นนอนหลับได้ ปากพ่อแห้งมาก แห้งเหมือนดินแตก ร่างกายพ่อซูบผอมมาก ผิวแห้งคล้ำดำ เพราะกินอะไรแทบไม่ได้ กระทั่งน้ำพ่อก็ไม่กิน แม่และอ๊อดต้องทนดูพ่อนอนหลับบนพื้นดินด้วยความทุกข์ทรมานใจ
วันหนึ่งแม่มาบอกอ๊อดว่า ให้อ๊อดดูแลพ่อสัก 2-3 วัน แม่จะไปธุระต่างจังหวัด อ๊อดโกรธแม่ บอกว่าพ่อป่วยใกล้ตายแบบนี้ ธุระอะไรจะสำคัญไปกว่านี้อีก แต่แม่บอกว่านี่คือธุระสำคัญจริงๆ แม่จำเป็นต้องไป
ช่วงเวลาที่แม่ไม่อยู่ อ๊อดดูแลพ่อเป็นอย่างดี ช่วงไหนพ่อหลับ อ๊อดก็อุ้มพ่อเข้าบ้าน มานอนในบ้าน แต่พอพ่อตื่นรู้สึกตัวก็โวยวาย รีบคลานไปหน้าบ้านจะไปนอนที่พื้นดินอีก
อ๊อดรู้ว่านี่คือช่วงเวลาสุดท้ายของพ่อแล้ว พ่อเริ่มมีอาการเพ้อ พูดพึมพำในคอ ฟังไม่รู้เรื่อง อ๊อดทนไม่ไหวคิดจะส่งพ่อไปรักษาอีกรอบ เพราะทนเห็นสภาพพ่อแบบนี้ไม่ได้
ระหว่างที่อ๊อดง่วนอยู่กับการติดต่อเรื่องรถพยาบาล มือพ่อก็ปัดป่ายไปตามพื้นดิน จากนั้นพ่อก็หยิบก้อนดินเข้าปากเคี้ยวอย่างหิวกระหาย อ๊อดตกใจรีบวิ่งไปที่พ่อ ในปากพ่อมีแต่เศษดินเต็มไปหมด อ๊อดรีบดึงมือพ่อออกไม่ให้หยิบดินเข้าปาก แต่ไม่รู้เรี่ยวแรงพ่อมาจากไหน สะบัดมือออกและหยิบดินกินต่อ
อ๊อดพาพ่อมา รพ. จนได้ แม่กลับมาจากต่างจังหวัดพอดี อ๊อดเล่าเรื่องอาการของพ่อให้ให้แม่ฟัง เรื่องพ่อหยิบดินดิน พอเล่าเสร็จเท่านั้น แม่ก็ปล่อยโฮออกมา
"โธ่ พี่ ไม่น่าทำเลย ถ้าย้อนเวลาได้ฉันน่าจะห้ามพี่ "
อ๊อดรับรู้ได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ อ๊อดคะยั้นคะยอแม่ให้เล่า
แม่จึงเล่าให้ฟังว่า "ลูกจำได้ไหม เมื่อก่อนเราจนแสนจน ขายของก็อกแก๊กไปวันๆ ใช่ว่าจะได้เงินสักเท่าไหร่ แต่วันหนึ่งจู่ๆ บ้านเราก็รวยมีเงินขึ้นมา มีบ้านหลังใหญ่ มีรถ ที่เรามีเงินมาได้ทุกวันนี้ เพราะพ่อเอ็งไปโกงที่ดินเขามา!!
สมัยก่อนคนไทยนิยมไปทำงานที่ซาอุดิอาระเบีย พ่อเอ็งเห็นว่าเป็นช่องทางหาเงิน ตั้งตัวเป็นนายหน้าตัวแทนไปหาคนมาทำงานซาอุ พ่อเอ็งก็ตะเวนไปทางภาคอีสาน ก็ไปเจอหมู่บ้านหนึ่งที่กาฬสิน พ่อเอ็งก็เข้าไปติดต่อ มีชาวบ้านที่อยู่ในวัยทำงาน 5 คน และสนใจจะไปทำงานที่ซาอุ บ้านนอกบ้านนาสมัยนั้นปลูกอะไรก็ไม่ขึ้น ยากจน แถมชาวบ้านก็ไม่มีความรู้ ไม่ได้เรียนหนังสืออีก
พ่อเอ็งบอก 5 คนนั้นว่าต้องวางเงินมัดจำก่อน 3,000 ซึ่งสมัยนั้นมันเยอะมาก ชาวบ้านเขาไม่มีกันหรอก พ่อเอ็งก็บอกเขาว่างั้นเอาโฉนดที่ดินมาค้ำประกันก่อนก็ได้ไปแล้ว พ่อเอ็งก็ทำเป็นร่างหนังสือค้ำประกัน แต่แท้จริงแล้วมันคือหนังสือมอบโฉนดเนื่องจากติดสัญญากู้ยืม
5 คนนี้ไม่รู้เรื่อง อ่านหนังสือก็ไม่ออก เขียนหนังสือไม่เป็น เลยเอานิ้วหัวแม่โป้งปั้มแปะมาบนสัญญา เสร็จแล้วพ่อเอ็งก็เอาโฉนดไปให้เพื่อนอีกคน และเอาไปขายให้นายทุน และเอาเงินมาแบ่งกัน" ระหว่างที่แม่เล่า แม่ก็ร้องไห้ฟูมฟายไปด้วย อ๊อดรู้สึกช็อคกับเรื่องที่ตนกำลังฟัง
พ่อเข้าออกหมู่บ้านนั้นอยู่หลายครั้ง ทำให้ชาวบ้านแถวนั้นตายใจ และสุดท้ายก็ชิ่งหนี จนหลายปีผ่านไป พ่อกับแม่ก็ได้ข่าวว่าที่นาของ 5 คนนั้นถูกยึด ส่วนชะตะกรรมของเจ้าของที่ดินจะเป็นอย่างไร พ่อกับแม่ไม่รู้เลย รู้แต่ว่าได้เงินมาแล้ว ใช้จ่ายอย่างสบายใจแล้วแค่นั้น
แม่บอกว่า ที่แม่ไปต่างจังหวัดคือไป จ.กาฬสิน ตั้งใจจะไปหา 5 คนนั้น หวังจะให้เขาอโหสิกรรมเพราะแม่เชื่อว่าอาการของพ่อ มันเป็นโรคเวรโรคกรรม แต่ก็เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร วันเวลามันผ่านมาเนิ่นนานแล้ว ต่างคนต่างย้ายถิ่นฐาน หรืออาจจะตายไปแล้วก็ได้ บ้านเรือน ถนนหนทางต่างเปลี่ยนแปลงไปหมด
อ๊อดคิดว่าหากเป็นตัวเขาเองถูกโกงที่ดิน ถูกไล่ที่ หมดที่ทำกิน ไม่มีที่จะปลูกบ้าน อ๊อดเองก็คงจะสาปแช่งคนที่มาโกงเหมือนกัน และอาการของพ่ออาจจะมาจากแรงแช่งของ 5 ครอบครัวนั้นก็เป็นได้
ขณะนี้พ่ออยู่บนเตียงคนไข้ มีสายน้ำเกลือและเครื่องวัดสัญญาณชีพพ่อยังตาลอยพูดพึมพำในลำคอ แต่พอเข้าไปฟังใกล้ๆ มันเป็นคำว่า"จะกินดิน"
ไม่กี่วันต่อมาพ่ออ๊อดก็เสียชีวิต หลังจากพ่อตาย แม่ก็เริ่มมีโรครุมเร้า ทั้งโรคหัวใจ ความดัน และเริ่มเป็นอัลไซเมอร์ และอาการอัลไซเมอร์ก็รุนแรงขึ้นตามลำดับ จนไม่สามารถทำกิจวัตรได้ด้วยตนเอง กินเองไม่ได้ ถ่ายไม่รู้สึกตัว จำลูกไม่ได้ จำใครไม่ได้ทั้งนั้น
ปัจจุบันอ๊อดต้องพาญาติมาดูแลแม่ ส่วนอ๊อดต้องทำงานเพื่อดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมดเพียงคนเดียว
เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องประหลาดที่เกิดขึ้น อาการป่วยประหลาด อยากกินดิน อยากนอนบนดิน ของพ่ออ๊อดจะเกิดจากคำสาปแช่งหรือโรคเวรกรรมหรือไม่ ไม่สามารถตอบได้ แต่ที่แน่ๆ ถ้าใครได้ทำผิดศีลข้อ 2 คือการลักทรัพย์ เอาของที่เจ้าของไม่ได้ให้มาเป็นของตัว ผลกรรมนั้นรุนแรงจริงๆ ทั้งผลกรรมในปัจจุบัน และอนาคต เมื่อตายจากโลกนี้ กรรมสามารถส่งให้ลงอบายภูมิ ได้รับทุกขเวทนาอย่างแสนสาหัสเลยทีเดียว
โฆษณา