Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
InfoStory
•
ติดตาม
25 ก.พ. 2023 เวลา 06:39 • ไลฟ์สไตล์
ทานอาหารเสร็จแล้ว วางอุปกรณ์ยังไงดีนะ ? (แบบฉบับสากล)
เชื่อว่าเวลาที่เพื่อน ๆ หลายคนรับประทานอาหารเสร็จ ก็จะทำการรวบช้อนส้อมให้หันไปในทางเดียวกัน เพื่อเป็นสัญลักษณ์ที่บอกว่า ฉันทานอิ่มแล้วจ้า ! 🥳🍴
แต่สำหรับเพื่อน ๆ ที่ไปทานอาหารที่เป็นคอร์ส 🍽 อารมณ์แบบมีจานเริ่ม จานหลักและของหวาน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นร้านอาหารหรูหรือพวกร้านอาหารฝรั่งเนอะ หรือจริง ๆ อาหารญี่ปุ่นก็มีแต่เขาอาจจะไม่ได้มีธรรมเนียมบนโต๊ะอาหารเหมือนชาวตะวันตก
ก็คงจะต้องพอคุ้นเคยกับการวางช้อนส้อม/มีดหลังทานอาหารเสร็จ 1 จาน
เพราะว่าเวลาทานเสร็จใน 1 จาน ก็จะมีการวางรูปแบบของช้อนและส้อมที่จะสื่อให้พนักงานได้ทราบว่า โอเค ! พวกเราพร้อมที่จะทานจานต่อไปกันแล้วจ้าา !! รูปแบบนี้เขามีก็ชื่อเรียกเหมือนกันนะ เรียกว่า “Cutlery etiquette” 🍴🍽
อันที่จริงแล้ว “Cutlery etiquette” ก็เป็นหนึ่งในมารยาทการรับประทานอาหารแบบสากลหรือ พวกเราเองเข้าใจว่ามันเป็นหนึ่งในสับเซตของ Dining etiquette ที่เป็นหัวข้อใหญ่เลย (ซึ่งเจ้า Dining etiquette ที่ว่านี้ก็จะรวมพวกลำดับการจัดวางอุปกรณ์ทานอาหาร วิธีการกินต่าง ๆ ที่อาจจะดูมีระเบียบพอสมควร…)
แต่สำหรับในภาพอินโฟกราฟิกที่พวกเรา InfoStory หยิบมานี้จะเป็นตัวที่เจาะจงไปที่เรื่องของ Cutlery etiquette 🍽
ว่าแต่ วางช้อนส้อมมีด วางบนจานแบบไหน สื่อความหมายว่าอย่างไรนะ ?
ไปดูกันเลย !
(แถมเรื่องของ Chopstick taboos หรือ Chopstick etiquette เพราะว่าเรื่องของตะเกียบไม่ได้มีกฎระเบียบมากขนาดนั้น จะมีแต่ข้อควรระวังเฉย ๆ คร้าบ 🥢⚠)
[ ว่าแต่… ใครเป็นคนคิดเจ้าระบบมารยาทบนโต๊ะอาหารแบบนี้ขึ้นมากันนะ ? 🤔 ]
มารยาทบนโต๊ะอาหาร พวกเราขอเรียกโดยรวมทั้งเรื่องของ Cutlery etiquette และ Dining etiquette หรือง่าย ๆ ว่าตั้งแต่ลำดับการทานอาหารไปจนถึงวิธีการจับอุปกรณ์ทานอาหาร
ว่ากันว่าเรื่องราวของมารยาทการทานอาหารในแบบสากลนี้ มีต้นกำเนิดจากประเทศอิตาลี ในช่วงยุคสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาหรือยุคเรอแนซ็องส์ (Renaissance) ในช่วงศตวรรษที่ 15 และ 16 🏛 🇮🇹
ยุคสมัยเรอแนซ็องส์ (Renaissance) พูดง่าย ๆ ในมุมของเราคือเป็นยุคที่เป็นการเปลี่ยนแปลงจากสมัยกลางสู่สมัยใหม่ ที่มีจุดศูนย์กลางจากทวีปยุโรป (อิตาลี) ที่สามารถขยายตัวในเรื่องของการค้าขายได้รวดเร็ว
ไม่ใช่แค่เรื่องการค้านะ แต่เรื่องของศิลปวัฒนธรรมเอง (ศาสนาด้วย) ก็แพร่ขยายออกไปยังแผ่นดินอื่น ๆ อย่างรวดเร็วเช่นกัน
ในยุคนั้นเอง หนึ่งในผู้มีอิทธิพลมากที่สุดคือ “ตระกูลเมดิซิ” ของ แคทเธอรีน เดอ เมดิชิ สมเด็จพระราชินีแห่งฝรั่งเศส (Catherine de’ Medici) คือ เธอมีชื่อเสียงและพลังอำนาจมาก ๆ ในประเทศอิตาลี โดยเฉพาะในเมืองฟลอเรนซ์ (Florence) เมืองที่เป็นบ้านเกิดของเธอ 🇮🇹
Catherine de’ Medici
ในช่วงปี ค.ศ. 1559 ที่เธอเริ่มมีอำนาจในฝรั่งเศส 👑🇫🇷 แล้วเธอได้พบกับวิถีการกินของชาวฝรั่งเศส โดยใช้มือหยิบกินอาหารกัน ถึงแม้ว่าจะดูเพลิดเพลินนะ แต่ว่า…แคทเธอรีน เธอเองกลับมองว่า นี่มันเป็นท่าทางที่ดูน่าเกลียดและหยาบคายเหลือเกิน (ต้นฉบับจากแหล่งอ้างอิงใช้คำว่า Boorish หรือแปลเป็นไทยงว่า กักขฬะ เลยทีเดียว..แต่เราว่ามันดูรุนแรงเกินไป..🙄😠)
เมื่อเห็นดังนั้น แคทเธอรีน เดอ เมดิชิ จึงได้แนะนำชาวฝรั่งเศสให้รู้จักกับส้อม..และวิธีการใช้งานอุปกรณ์หั่นและตักอาหารที่ชาวอิตาลีใช้ทำให้เกิดความเป็นระเบียบและดูมีอารยธรรม 🇮🇹🍽 และที่สำคัญคือ…ชาวฝรั่งเศสต้องหยุดใช้นิ้วมือในการหยิบและกินอาหาร !
.
🇫🇷 สำหรับชาวฝรั่งเศสเอง…ก็คงจะอยากจะออกมาตอบว่า “ถ้าถามว่าใครเป็นผู้คิดค้นเรื่องนี้ คงฟันธงกันได้ยาก เพราะชาวฝรั่งเศสก็เริ่มมีวัฒนธรรมที่เจริญรุ่งเรืองไม่แพ้อิตาลีเช่นเดียวกัน” พวกเขามองว่ามนุษย์มีวิวัฒนาการทางความคิดและทางสังคมขึ้นไปเรื่อย ๆ ตะหากละ
คือต้องบอกว่า ช้อนส้อมมีดเนี่ย มันเป็นอุปกรณ์การกินที่ไม่ได้ทันสมัยมากในสมัยนั้น เพราะชาวยุโรปรู้จักกับการใช้อุปกรณ์ทานอาหารและทำครัวมาตั้งแต่โน้น ย้อนกลับไปช่วงศตวรรษที่ 11-12 กันแล้วละ (จึงไม่แปลกใจที่ คอมเมนต์ชาวฝรั่งเศสบางท่านเองกลับมองว่าการที่แคทเธอรีน นำส้อมของชาวอิตาลีมาให้ชาวฝรั่งเศสรู้จักเนี่ย…มันเป็นเรื่องตลกสิ้นดี)
เอาเป็นว่าหลังจากช่วงศตวรรษที่ 16 หรือยุคสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาผ่านไปแล้วเนี่ย ชาวตะวันตกเอง (รวมไปถึงทางฝั่งทวีปใหม่อย่างอเมริกา) ก็เริ่มปรับใช้วิธีการกินและออกเป็นหนังสือมารยาทบนโต๊ะอาหารแบบสากลขึ้นกันมาอย่างต่อเนื่อง
ส่วนตัวเรามองว่าเรื่องราวของการแบ่งแยกชนชั้น การศึกษา มันก็ทำให้เรื่องราวมารยาทบนโต๊ะอาหาร มันเป็นมากกว่าแค่การกินเพื่อให้อิ่มท้องไปซะแล้ว
(ปล. ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนว่าเป็นชาวอิตาลีหรือฝรั่งเศสเป็นผู้คิดค้นก็จริง…แต่ก็มีบันทึกทางประวัติศาสตร์หลายแห่งได้ออกมาบอกว่า อันที่จริงแล้วชาวอังกฤษเองก็ได้คิดค้นมารยาทการทานอาหาร (British table manners) กันมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 10 กันแล้วจ้าา (ในวรรณกรรมเรื่อง The Canterbury Tales ของ Chaucer's ที่เขียนในศตวรรษที่ 14 เอง เขาก็มีการอ้างอิงวัฒนธรรมการกินแบบผู้ดีนี้ว่าเป็นของชาวอังกฤษ)
[ Dining etiquette – American กับ Continental style ]
อธิบายตามประสามือใหม่สไตล์พวกเรา Infostory แบบคร่าว ๆ
สำหรับพวกเรา มองว่า ไม่ว่าจะเป็นแบบ Continental style 🇮🇹 🇫🇷 🇬🇧 หรือ American 🇺🇸 ที่อาจฟังดูสบายกว่า แต่ก็ดูไปดูมา พวกเราว่ามันก็ยังคงเป็นแบบสากลและดูทางการอยู่ดี แต่ก็แน่ละเพราะว่ามันเป็นแบบแผนของมารยาทบนโต๊ะอาหารแบบสากลนี่เนอะ ไม่ใช่แบบที่เราทานอยู่บ้านสบาย ๆ)
คือ Continental style จะต้องจับมีดในมือขวาและส้อมในมือซ้าย เวลาหั่นอาหารและจิ้มอาหารขึ้นมาทานก็จะต้องหันหน้าของส้อมลงเสมอ และไม่สลับมือหยิบอุปกรณ์ไปมาเรื่อย ๆ (คือมือถือส้อมมีด ก็ถือแบบนั้นละ)
เรื่องของการจัดโต๊ะเอง ก็จะต้องเรียงลำดับจาน แก้ว ช้อนส้อมมีดแบบเป้ะ ๆ
การวางช้อนส้อมเพื่อพักทานอาหาร หรือ หลังทานเสร็จครบหมดทุกจานแล้ว ก็จะต้องเป็นระเบียบตามในภาพอินโฟกราฟิกเลย อย่างเช่น เมื่อทานเสร็จจะต้องรวบส้อมกับมีดในมุม 16.00 นาฬิกา 🍴 เป็นต้น
ขณะที่ American style รูปแบบการหั่นก็จะแตกต่างจากแบบ Continental ไปสักหน่อย คือ ถือส้อมมือซ้าย จับมีดมือขวา
หลังหั่นอาหารเสร็จ วางมีดลงบนขอบจานด้านบน แล้วสลับมาใช้ส้อมจิ้มด้วยมือซ้ายแทน
เข้าใจว่าให้ลงลึกในเรื่องของระบบพวกนี้เนี่ย รายละเอียดคงจะค่อนข้างเยอะพอสมควร (เพราะนี้ยังไม่ได้กล่าวถึงเรื่องของการจัดวางโต๊ะอาหาร หรือ ผ้าเช็ดปาก หรือรูปแบบของช้อนส้อมมีดอีก โอโห เยอะเลยละ) อีกอย่างคือพวกเราเองก็ยอมรับว่า…ไม่ได้เป็นคนมีระเบียบแบบแผนสักเท่าไร แห่ะ ๆ
คิดว่าเท่านี้น่าจะพออธิบายให้เพื่อน ๆ เห็นภาพกันคร่าว ๆ ได้บ้างนะคร้าบบ
(หากพวกเราเข้าใจได้ไม่ครบถ้วนในส่วนตรงนี้ ต้องกราบขออภัยเพื่อน ๆ นะคร้าบ 🙏🙏)
สำหรับพวกเราแล้ว ก็หั่นเอาตามที่สะดวกเลย เน้นการหั่นแบบช้า ๆ ด้วยมือที่ถนัดแทน พอกินจนเหนื่อย ก็..แผละ… วางส้อมมีดมันไว้ในมุมแบบนั้นละ มุมไหนก็ได้ 5555 🥺🤣
(สารภาพว่าเพิ่งมารู้เหมือนกันว่ามารยาทบนโต๊ะอาหารแบบสากล มันมีระเบียบมากกว่าที่เราคิดไว้เยอะมาก เลยทำให้การกินของเราดูไม่มีมารยาทไปเลยย😅)
แหล่งอ้างอิงเพิ่มเติม
https://www.nationalgeographic.com/history/history-magazine/article/table-manners-renaissance-catherine-de-medici
https://www.thegleaner.com/story/news/local/uca/life/2016/11/08/history-table-settings-and-dining-etiquette/92771232/
https://thematter.co/social/dining-etiquette/173743
https://www.unlockmen.com/survival-table-manners/
ประวัติศาสตร์
เรื่องเล่า
ไลฟ์สไตล์
10 บันทึก
11
1
10
11
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย