28 ก.พ. 2023 เวลา 23:31 • ความคิดเห็น
ในการที่เราเสียสละเวลา มาไปสร้างบุญกุศล ประพฤติปฏิบัติธรรม ยิ่งเราตั้งสัจจะอธิษฐาน กำหนดเวลา ..ต้องมีมีความขันติอดทน อดกลั้น มีพระบวช ไปอดข้าวเจ็ดวัน ดื่มแต่น้ำเปล่า อธิษฐานขอนำกายพ่อแม่มาปฏิบัติธรรม ตื่นก็เช้าสวดมนต์ไหว้พระ เดินจงกรม นั่งสมาธิ ปิดวาจา แต่ยกเว้นไว้กับพระที่ท่านดูแล
เราไปเห็นพระท่านอดมาได้ห้าวัน ราศีผ่องใสมาก ท่านปฏิบัติธรรมตลอด พักบ้างเป็นช่วง หัวค่ำเดินจงกรม ตั้งแต่หนึ่งทุ่มไปถึงสี่ทุ่ม มีพระอีกองค์ก็มาปฏิบัติธรรม อดข้าวสามวัน ท่านเป็นยามมาก่อน มีนิสัยอดทนอยู่ในตัว พอมาประพฤติปฏิบัติธรรม ท่านเดินได้นิ่งมาก ราศีก็เปลี่ยนแปลง ผุดผ่องขึ้นเห็นได้ชัดเจน
แล้วเราก็เปรียบเทียบดูว่า พระทั้งสององค์ ไม่เคยอดอาหารเลย อยู่ๆก็..มาอดอาหาร .ปฏิบัติธรรม อดอาหารด้วยความเต็มใจ ..แล้วเราจะทำได้มั้ย..ทำแล้วหรือยัง..ความรู้สึก..ที่เกิดขึ้นในกายในจิตของพระทั้งสององค์ ก็เป็นเรื่องที่จิตของท่านรับรู้เรียนรู้จากการทีท่านอดอาหารปฏิบัติธรรมเกิดขึ้นที่จิตของท่านเอง ที่เค้าว่าเป็นปัจจัตตังเกิดขึ้น
พระที่ท่านอดอาหารเจ็ดวัน พ่อท่านป่วยไตวาย เข้าโรงพยาบาลได้ไม่กี่วัน ร่างกายก็ฟื้น จากหน้าบวม ตัวดำ ก็กลับมาเป็นปกติรวดเร็วมาก..นั่นก็คืออานิสงส์ที่บุตรนำกายพ่อแม่มาปฏิบัติธรรม ..ทำให้เราได้เข้าใจ เรื่องราวของการบวชพระ เรื่องพ่อแม่เกาะชายผ้าเหลือง เมื่อบุตรได้บวชแล้ว ปฏิบัติธรรมเต็มกำลัง..พ่อแม่ก็ได้รับอานิสงส์ มีกายที่เป็นบุญหล่อเลี้ยงสังขาร
เรื่องของการอดข้าวแล้วปฏิบัติธรรม พระท่านบอกว่า ปกตินั่นเรากิน แต่สิ่งที่เรียกว่า ธาตของกรรม เนื้อสัตว์เนื้อเป็ดไก่ อาหารการกินที่มีความโลภโกรธหลง กินด้วยความเอร็ดอร่อย ความอยากชอบไม่ชอบ..มันก็เป็นเรื่องที่ทำให้ธาตุภายในนั้นหมองคล้ำ พออดอาหาร แล้วปฏิบัติธรรมด้วย ก็มีอาหารอีกแบบหนึ่ง ที่เข้ามา เหมือนอาหารทิพย์ ช่วยเหลือให้ธาตุนั่นมีกำลัง ฟอกธาตุฟอกจิต ให้ผ่องใส สีดำๆ สีเวรสีกรรม ก็ลอยออกไปจากธาตุในกาย ซึ่งการประพฤติปฏิบัติก็ต้องอาศัยความขันติอดทน จนถึงขั้นที่ว่า ขันติเป็นบารมีเกิดขึ้นที่จิต
โฆษณา