12 มี.ค. 2023 เวลา 15:23 • หนังสือ

รีวิวหนังสือ ร้านเครื่องเขียนสึบากิ (ยังคง) รับเขียนความรู้สึกของคนที่ไม่กล้าบอก

เมื่อเพื่อนติดเงินมานานแล้วแต่ไม่ยอมคืน ตอนนี้ดันมาป่วยเข้าโรงพยาบาล จะทวงก็ดูไม่ดีเลย แต่ถ้าไม่พูดออกไป ก็ค้างคาใจอยู่แบบนี้
เมื่อภรรยาอยากหย่ากับสามีที่อยู่กินกันมากว่า 30 ปี เพราะเมาทีไรก็อาละวาดหนัก แต่หนักใจเหลือเกินที่จะต้องพูดเรื่องแยกทาง เพราะลูกก็มีด้วยกันหลายคนแล้ว
เมื่อแอบชอบใครสักคนแต่ก็ไม่กล้าบอก ต่างฝ่ายต่างไม่กล้าเผยความความรู้สึกที่แท้จริงออกไปก่อน ขณะเดียวกัน ความรู้สึกดี ๆ ก็ก่อตัวขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าไม่บอกไปสักที ความสัมพันธ์ก็คงไม่มีวันคืบหน้าไปกว่านี้
เมื่อสามีได้รู้ว่าโรคร้ายกำลังจะคร่าชีวิตของเขา ซึ่งไม่รู้ว่าอายุขัยจะหมดลงเมื่อไหร่ ในขณะที่ชีวิตใหม่ของลูกผู้น่ารักพึ่งถือกำเนิด ภรรยาต่างวัยสุดที่รักก็พึ่งจะเริ่มต้นลงหลักปักฐานในวันที่ครอบครัวสมบูรณ์พร้อม เรื่องแบบนี้ถ้าพูดออกไปจะเป็นยังไง แค่คิดก็ทรมานตั้งแต่ยังไม่ถึงวันตายเลยด้วยซ้ำ
หลายต่อหลายครั้ง เราต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์บางอย่างที่ไม่คาดฝัน ข้อเท็จจริงเหล่านั้นสร้างความอึดอัดลำบากใจให้ต้องแบกรับ เราเดินมาถึงทางตันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มองหาทางออกก็ไม่เจอ แล้วใครจะช่วยเราได้ล่ะ?
ยังไงก็ ลองแวะไปที่ร้านเครื่องเขียนนั้นใต้ต้นสึบากิดูสิ เพราะที่นั่น...ยังคงรับเขียนความรู้สึกของคนที่ไม่กล้าบอก
ร้านเครื่องเขียนสึบากิ (ยังคง) รับเขียนความรู้สึกของคนที่ไม่กล้าบอก เป็นนิยายเล่ม 2 ซึ่งเป็นภาคต่อของ "ร้านเครื่องเขียนนั้นใต้ต้นสึบากิ" ใครที่ชอบอ่านแนวอบอุ่นหัวใจ เล่มนี้อบอุ่นซะยิ่งกว่าไมโครเวฟ แล้วถ้าใครที่เป็นคนชอบเขียน ชอบสะสมเครื่องเขียนต่าง ๆ อยู่แล้ว โดยเฉพาะคนที่ชอบความคลาสสิกวินเทจอย่างการใช้เครื่องพิมพ์ดีดและการเขียนจดหมายถึงใครสักคน (จดหมายที่เขียนใส่กระดาษและส่งไปรษณีย์จริง ๆ น่ะ) จะยิ่งอินไปกับเรื่องนี้มาก
ในเล่มไม่เพียงบอกเล่าเรื่องราวอันงดงามของป๊บโปะจัง ร้านสึบากิ และครอบครัวเล็ก ๆ น่ารัก ๆ ของเธอ ทว่า อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของชา ความคึกคักของธรรมชาติและวัฒนธรรมอาหาร บรรยากาศร่มรื่นในศาลเจ้า แรกแย้มของวันจากเมืองคามาคุระที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต
สำหรับเล่มนี้ก็เริ่มต้นด้วยเรื่องราวของ อาเมมิยะ ฮาโตโกะ ผู้รับช่วงดูแลร้านเครื่องเขียนต่อจากยายมาได้สองปีแล้ว ตอนนี้เธอได้เปลี่ยนมาใช้นามสกุล โมริคาเงะ อย่างเป็นทางการ หลังจากแต่งงาน ย้ายมาเป็นครอบครัวเดียวกันกับ โมริคาเงะ มิตซึโร่ และคิวพีจัง ลูกสาวผู้น่ารัก
ชีวิตของฮาโตโกะหรือป๊บโปะจังไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป นอกจากจะดูแลร้านเครื่องเขียน และเริ่มปรับวิถีชีวิตให้ชินกับการมีครอบครัวเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง เธอก็ยังคงทำอาชีพที่เธอรักอย่างการ "รับจ้างเขียนจดหมาย" ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยที่ใครจะทำได้
ร้านเครื่องเขียนสึบากิจึงกลายเป็นพื้นที่ปลอดภัยที่ใครหลายคนต่างก็แวะมาพักใจและขอคำปรึกษาอยู่เสมอ แต่แน่นอน แม้กระทั่งคนรับจ้างเขียนจดหมายเองก็ต้องมีบางเรื่องที่ค้างคาใจ ไม่อาจบอกกล่าวให้ใครรู้ได้ ตอนนี้คงถึงเวลาแล้วที่เธอต้องเผชิญหน้ากับความจริง และเริ่มจรดปากกาเพื่อเขียนอะไรบางอย่างที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในใจ
ขอชื่นชมผู้เขียนจากใจจริงที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด เพราะทุกตัวอักษรทำให้เราเชื่อว่าป๊บโปะจังรักในงานเขียนจริง ๆ เธอละเมียดละไมและประณีตทุกขั้นตอนตั้งแต่การเลือกกระดาษ การเลือกปากกา การเลือกน้ำหมึก การเลือกสแตมป์ กระทั่งการเลือกใช้ถ้อยคำที่จะสื่อสารออกไปอย่างไรให้อ่อนนุ่ม หนักแน่น และจับใจอย่างที่สุด ซึ่งใคร ๆ อาจมองว่าเป็นสิ่งที่เธอคงทำได้ง่าย
ทว่า เรื่องราวจากลูกค้าคือโจทย์ที่ท้าทาย และบางทีก็หนักหนามากเกินไป ไม่ว่าจะเป็น การเขียนจดหมายแจ้งข่าวไว้ทุกข์ การเขียนจดหมายเพื่อขอหย่า การเขียนจดหมายเพื่อร่ำลา การเขียนจดหมายเพื่อบอกรัก ฯลฯ
สิ่งที่ประทับใจมากกว่ารายละเอียดของตัวละคร คือรายละเอียดของฉากหลัง การบรรยายสถานที่ รวมไปถึงอาหาร สถาปัตยกรรม และวัฒนธรรมของญี่ปุ่น ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้สึกว่าเหมือนมีภาพสไลด์ฉายอยู่ในหัวเป็นฉาก ๆ คล้าย ๆ ว่าป๊บโปะจังได้พานักอ่านไปทำความรู้จักกับชีวิตของเธอ และพาเราออกเดินทางท่องเที่ยวไปพร้อมกันกับเธอด้วย
นอกจากนี้ สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างชาและอาหารในแต่ละฤดูกาล แม้จะไม่ใช่ภาพใหญ่ของเรื่อง แต่มันคือจุดเล็ก ๆ ที่ระยิบระยับ ช่วยเพิ่มรสชาติให้ภาพรวมออกมากลมกล่อม สมกับที่เป็นนิยายขายดีของ โอกาวะ อิโตะ จริง ๆ
Fun Fact เล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับหนังสือเรื่องนี้ เท่าที่หาได้น่าจะเป็นอันนี้ละมั้ง
  • ร้านเครื่องเขียนใต้ต้นสึบากิ ツバキ文具店 ได้ถูกผลิตเป็นทีวีซีรีส์ญี่ปุ่น ฉายในปี 2017 ด้วยนะ นักแสดงที่เล่นเป็นป๊บโปะจังหน้าตาน่ารักมากกก คิวพีจังก็น่าเอ็นดูสุด ๆ ไปเลย ใครเก่งญี่ปุ่นลองไปหาชมกันดูนะ น่าจะเป็นเรื่องราวของเล่มแรกที่ป๊บโปะจังย้ายกลับมาอยู่บ้านเกิดและมารับช่วงต่อดูแลร้านเครื่องเขียน ส่วนเล่มสองไม่แน่ใจว่ามีเอามาทำทีวีซีรีส์ต่อมั้ย หรือจบแค่นั้น
นี่ ๆ แอบเอาตัวอย่างมาให้ชมกันค่ะ น่าดูมากกก
ส่วนอันนี้เป็นรีวิวเพิ่มเติมจากนักอ่านท่านหนึ่งที่เขียนไว้เป็นภาษาอังกฤษ ดูละเอียดดี แปะไว้เผื่อใครอยากอ่านเพิ่มค่ะ
  • เนื่องจากเล่มนี้เป็นเล่ม 2 และเราเองยังไม่เคยอ่านเล่ม 1 ก็เลยแอบเชื่อมโยงเอาเองว่า ชื่อ คิวพีจัง หรือน้องฮารุนะ ลูกสาวผู้น่ารักของคุณมิตซึโร่ น่าจะมาจากชื่อยี่ห้อซอสมายองเนสที่เราคุ้นเคยอย่าง KEWPIE
เหตุผลน่าจะเป็นเพราะว่า คิวพีจังชอบบีบมายองเนสใส่ในอาหารทุกอย่างที่เธอกิน และประวัติของ มายองเนส KEWPIE ก็เป็นสินค้าที่ผลิตในญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปี 1925 คราวนี้ก็เลยร้องอ๋อ สงสัยตั้งแต่ตอนอ่านแล้วว่าทำไมถึงเรียกชื่อน้องว่าคิวพี หรือว่าชื่อจริงขึ้นต้นด้วยตัวอักษรนั้น ก็ปรากฏว่าไม่ใช่ แต่สมองจำได้ราง ๆ ว่ามันมีมายองเนสยี่ห้อนี้ จับมาชนกับเหตุผลที่น้องชอบกินมายองเนสด้วย ก็เลยเสิร์ชเจอต้นตอในที่สุด (ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจริงเปล่านะ เพราะไม่ได้อ่านเล่ม 1 เดี๋ยวจะหามาอ่านเผื่อมีบอกไว้)
ความรู้สึกหลังอ่าน
ค่อนข้างอิ่มเอมใจและประทับใจกับเล่มนี้มาก ไม่รู้สิ มันอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก อ่านแล้วรู้สึกดี และรู้สึกว่าอยากลุกขึ้นมาเขียนจดหมาย อยากลุกขึ้นมาทำอะไรที่ชอบให้เป็นอาชีพได้อย่างป๊บโปะจังบ้าง แล้วก็อยากมีเครื่องพิมพ์ดีดเป็นของตัวเอง
แต่มันก็มีบ้างบางจุดที่รู้สึกว่าป๊บโปะจังในบางมุมก็ดูงี่เง่าเกินไปหน่อย เช่นเรื่องที่เธอขุดคุ้ยเรื่องราวของคุณมิยูกิ ภรรยาคนก่อนของคุณมิตซึโร่ รวมถึงการใช้คำที่เรียกยายว่า รุ่นก่อน มาอ่านเอาท้าย ๆ ก็เลยได้รู้ว่าเป็นยายนี่เองที่เลี้ยงเธอมา เพราะไม่รู้ว่ารุ่นก่อนที่เธอว่า คือใครในลำดับญาติของเธอ
กล่าวโดยสรุป เป็นอีกเล่มที่ชื่นชมนักเขียนและนักแปลที่ทำงานได้อย่างมืออาชีพ ภาษาและเรื่องราว สวยงาม กลมกล่อม ได้กลิ่นหอม ๆ ของใบชาลอยออกมาด้วยนะ
ใครไม่เชื่อ ก็ลองอ่านดูสิ ระวังจะตกหลุมรักคิวพีจังเข้าล่ะ อิอิ อ่านไปอ่านมานอกจากจะหลงน้องคิวพี ก็จะอยากมีคุณมิตซึโร่เป็นของตัวเองบ้างแน่นอน
ฮาโตะจัง ผมมีเรื่องจะขอร้อง
ฮาโตะจังต้องมีอายุยืนยาวกว่าผมนะ...
โมริคาเงะ มิตซึโร่
เอ้อ อีกอย่าง อ่านจนจบแล้ว รู้สึกว่าถ้าวันหนึ่ง
ชีวิตพัดพาเราไปเจอโอกาสที่ตัวเองได้ทำสิ่งที่รักให้เป็นอาชีพได้อย่างป๊บโปะจังจริง ๆ สักที
ก็คงจะดีเนอะ
Bonafide impression :
★ คะแนนภาพรวม 5/5
★ ภาษาการแปล 5/5
★ ความแรร์ 2/5
🔥ร้านเครื่องเขียนสึบากิ (ยังคง) รับเขียนความรู้สึกของคนที่ไม่กล้าบอก
ผู้เขียน Ito Ogawa (โอกาวะ อิโตะ)
ผู้แปล ฉัตรขวัญ อดิศัย
จำนวนหน้า 311 หน้า
ราคาปก 320 บาท
#รีวิว #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #หนังสือ #นิยายแปล #วรรณกรรม #วรรณกรรมแปล #นิยายญี่ปุ่น #นิยายอบอุ่นหัวใจ #นิยายวัยรุ่น #TsubakiStationeryStore #TsubakiStationery #ItoOgawa #ร้านเครื่องเขียนสึบากิยังคงรับเขียนความรู้สึกของคนที่ไม่กล้าบอก #ร้านเครื่องเขียนนั้นใต้ต้นสึบากิ #ร้านเครื่องเขียนใต้ต้นสึบากิ #ร้านเครื่องเขียนสึบากิ #ツバキ文具店
#numpufirstreaders
#numpupublishing
#น้ำพุสำนักพิมพ์
#bonafidereadingroom
รีวิวหนังสือ "ร้านเครื่องเขียนสึบากิ (ยังคง) รับเขียนความรู้สึกของคนที่ไม่กล้าบอก" นิยายแปลสุดอบอุ่นที่เมื่ออ่านแล้ว คุณอาจอยากลุกขึ้นมาชงชา สูดอากาศสดชื่น และเริ่มลงมือเขียนจดหมายถึงใครสักคน
โฆษณา