13 มี.ค. 2023 เวลา 07:52 • นิยาย เรื่องสั้น

Olden อันตรายร้ายรัก [บทที่สอง]

อคินไม่ยอมให้สองพ่อลูกออกไปจากโรงพยาบาลจนกว่าเขาจะได้รู้ความจริงทั้งหมดจากอีกฝ่าย ก่อนหน้านี้ที่มีนามีอาการไข้เขาได้สั่งให้หมอใหญ่เข้ามาตรวจอีกครั้ง และให้ยาแก้ไข้เป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้เจ้าตัวกำลังหลับไม่ได้สติเพราะฤทธิ์ยา มารุติได้แต่นั่งข้างลูกชายคนเล็กไม่ยอมห่างไปไหน สีหน้าเป็นกังวลแสดงอาการกลัวออกมาจนทั้งอคินและเสือต่างแปลกใจไม่น้อย มันต้องมีเรื่องอะไรเคยเกิดขึ้นระหว่างพวกเขามาก่อน
ไม่ใช่ว่าอยู่ดี ๆ สร้อยคอเส้นนั้นจะไปอยู่ที่อีกฝ่ายได้โดยง่ายมันต้องมีอะไรที่เขาไม่รู้หรือมีคนจงใจให้เขาไม่รู้แน่นอน
อคินกับมารุติรู้จักกันในแวดวงธุรกิจตั้แต่เขาเข้ารับตำแหน่งรองประธานบริษัทเมื่อหลายปีก่อน เขาไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรที่มากกว่านี้ ครอบครัวของเขาไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ทั้งคุณแม่และป๊าก็ไม่เคยพูดถึง
"ผมอยากรู้แค่ข้อเดียว ถ้าคุณตอบคำถามของผมได้ ผมจะยอมปล่อยพวกคุณกลับไป"
"ผมไม่มีคำตอบ คุณอย่าถามผมให้เสียเวลาเลยครับ พวกเราไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับคุณทั้งนั้น"
"คุณอา ผมจะบอกกับคุณอาอีกครั้งนะครับ ว่าผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเมษา ทั้งผมและไอ้โฬมต่างก็เสียใจด้วยกันทั้งคู่ เรื่องนี้เราพยายามหาทางตามหากันอยู่ ไม่มีวันไหนที่คนของผมจะไม่หาเบาะแสเพิ่มเติม"
"ผม ไม่อยากคิดถึงเรื่องนี้อีก ผมเหลือแค่มีนาคนเดียวแล้ว" มารุติบอกไปตามความรู้สึกของคนเป็นพ่อ เขาทำงานหนักเพื่อสร้างอนาคตให้กับลูกทั้งสองคน ไม่คิดฝันว่าการที่เขายอมยกลูกสาวให้กับธารภพจะนำพาให้เขาต้องพลัดพรากจากกันไป
เขาไม่ใช่ผู้มีอิทธิพลเหมือนเคกรุ๊ป เป็นเพียงนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จเร็วในสมัยเริ่มต้นธุรกิจใหม่ ๆ เท่านั้น ทำทุกอย่างเพื่ออนาคตของคนในครอบครัว แต่เขาต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้ คนเป็นพ่ออย่างเขาจะรับไหวแค่ไหนกัน ผู้ชายเพียงคนเดียวเลี้ยงลูกทั้งสองคนให้เติบโต
ถ้าไม่ใช่เพราะเสียภรรยาไปตั้งแต่ลูกยังเด็ก เขาก็คงจะเป็นอีกครอบครัวที่อบอุ่นและใครหลายคนต่างพากันอิจฉาในความรักที่พวกเขามีให้แก่กัน
“นี่คุณอาเป็นห่วงเมษาหรือไม่กันแน่ครับ”
“ผมขอไม่ตอบเรื่องนี้ ให้มันเป็นเรื่องภายในครอบครัวของผมเถอะครับ”
"งั้นคำถามนี้…จี้เส้นนั้นไปอยู่ที่เขาได้ยังไง"
"..."
"...ต่อให้มีช่างฝีมือดีแค่ไหนก็ไม่มีใครสามารถทำเลียนแบบกันได้ บอกผมมาเถอะว่ามันไปอยู่ที่เขาได้ยังไงกัน" อคินถามย้ำอีกครั้งและจะไม่ถามซ้ำอีก เขาต้องการคำตอบที่พึงพอใจ มันต้องมีเรื่องอะไรที่เขาไม่รู้มาก่อน
"คุณอย่ามาซักผมเลยดีกว่าครับ ถ้าสร้อยเส้นนี้มันเป็นของคุณ ผมจะถอดคืนให้คุณเอง" มารุติตัดปัญหาทุกอย่างออกจากครอบครัว เขาเอื้อมมือไปจับสร้อยจี้โลมาเอาไว้แต่ถูกมือหนาของร่างสูงจับไว้เสียก่อน อคินส์ไม่ได้อยากได้สร้อยคืน เขาเพียงแค่อยากรู้เท่านั้น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"คุณคิน ผมสิงห์ครับ"
"เข้ามา"
แกร๊ก
"คุณรามิลมาแล้วครับคุณคิน เอ่อ มีผู้กองจิระมารอพบด้วยครับ ตอนนี้กำลังรออยู่ด้านนอกครับ" อคินหันไปมองคนที่มาใหม่ สิงห์พารามิลมาหาเขาตามคำสั่ง ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือที่ทำงานล้วนไม่ปลอดภัยทั้งสิ้น อีกสักพักเรื่องนี้ก็คงรู้ถึงป๊า พรุ่งนี้ต้องเตรียมตอบคำถามทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับผู้เป็นประมุขของบ้าน เพราะเขาเชื่อมั่นว่าป๊าจะต้องนั่งเครื่องบินส่วนตัวมาแน่นอน
“บอกแล้วไงว่าไม่ว่าง ให้กลับไปก่อน”
“ครับ คุณโฬมช่วยคุยให้อยู่ครับ”
“มาด้วยงั้นเหรอ ไอ้โฬมมันเป็นยังไงบ้าง"
"คุณโฬมไม่ได้เป็นอะไรมากแล้วครับ เขาแค่ดื่มหนักไปหน่อยเลยไม่ทันระวังล้มหัวแตกครับ" รามิลตอบคำถามกับผู้เป็นพี่ชาย ร่างสูงผ่อนลมหายใจพาตัวเองไปนั่งยังโซฟารับแขกกว้างอีกฝั่งของห้องพักคนไข้ ตั้งแต่วันที่เมษาหายไป ธารภพแทบจะไม่เป็นผู้เป็นคนจนต้องส่งรามิลไปช่วยดูแล สองคนสนิทกันมากกว่าเขาเพราะโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กจนคุณแม่ของเขารับมาเป็นลูกบุญธรรมเมื่อสิบปีก่อน
จากเด็กในบ้านของธารภพกลายมาเป็นน้องชายของอคิน และพี่ชายอย่างเขาทั้งเป็นห่วงและหวงน้องมาก ถ้าไม่เพราะทั้งคู่สนิทกันมาก่อนคงไม่อนุญาตให้ไปดูแลใกล้ชิดขนาดนี้
รามิล วงศ์วริศ เป็นเด็กกำพร้าทำงานอยู่ที่บ้านของธารภพ ครั้งหนึ่งชายหนุ่มเคยพาเจ้าตัวมาช่วยงานที่โรงแรมของป๊า ทำให้ได้เจอทั้งป๊าและคุณแม่ ท่านทั้งสองเอ็นดูและสงสารรามิลมากที่สูญเสียยายไป จึงขอรามิลมาเป็นลูกบุญธรรม ส่งเสียเลี้ยงดูไม่ต่างไปจากพี่พายุและอคิน
“คุณแม่ล่ะ”
"คุณท่านกำลังเดินทางมาครับ คงจะถึงพรุ่งนี้เช้า"
"..."
"คุณอวี้ก็เดินทางมาด้วยครับ"
"พี่ยุรู้เรื่องนี้หรือยัง"
"ทราบครับ แต่จะเดินทางตามหลังมา ยังติดงานอยู่ที่ฮ่องกงกับคนสนิทครับ" รามิลมองพี่ชายตัวเองก่อนจะเดินไปนั่งข้างกัน อคินมองน้องชายกลับเขายกมือขึ้นลูบหัวเล็กเอ็นดูในความใสสื่อแต่เฉลียวฉลาด ไม่ว่าใครที่ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกป๊าต่างถูกฝึกให้เข้มแข็งและแข็งแกร่งด้วยกันทั้งนั้น
นอกจากนี้รามิลยังเป็นน้องชายที่พายุหวงที่สุด ขนาดที่ว่ายอมทิ้งงานบินกลับไทยมาหลังทราบเรื่องน้องชายถูกเพื่อนที่มหาวิทยาลัยรังแก
"ไอ้โฬมมันไม่เป็นอะไรหรอก"
"ครับ"
"สิงห์"
"ครับคุณคิน"
"ให้คนจัดอาหารมาให้คุณรามิลและคุณมารุติที่นี่ คืนนี้คงไม่มีใครกลับไปพักผ่อนกันที่บ้าน บอกให้กระทิงจัดการเรื่องห้องพักที่นี่ให้ด้วย ส่วนของรามิลให้ไปนอนที่ห้องคุณแม่"
"ครับคุณคิน"
"เขาเป็นใครครับคุณอคิน"
"รอคุณแม่กับป๊ากลับมา เราจะรู้ทุกอย่างเอง" รามิลพยักหน้าเข้าใจที่พี่ชายพูดและไม่ถามอะไรต่อ ถ้าอคินไม่อยากตอบเขาก็จะไม่ตอบ ส่วนเรื่องเด็กหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงนั้น ต้องรอให้ทุกคนรวมกันพร้อมหน้าพร้อมตาถึงจะได้รู้ข้อเท็จจริงทั้งหมด
ธารภพเดินเข้ามาตามหลัง ชายหนุ่มใช้เวลาร่วมชั่วโมงเพื่อเจรจากับผู้กองจิระ วันนี้ไม่สะดวกให้ใครเข้ามาสอบปากคำทั้งนั้น ดีหน่อยที่ทั้งเขาและอคินมีอำนาจจากผู้ใหญ่ ผู้กองจิระพอได้รับสายตรงจากผู้ใหญ่ก็ต้องยอมล่าถอยออกไปก่อน
“มาทำไม”
“มาส่งรามิล”
“หึ ส่งเสร็จแล้วก็กลับไปสิ”
“ไม่กลับ”
“เอ่อ คุณอคิน คุณโฬม ให้คนไข้ได้พักผ่อนเถอะนะครับ” อคินหันมองน้องชายตัวก่อนจะหันไปจ้องเพื่อนรักอีกครั้ง ธารภพเดินเข้ามาหวังจะนั่งข้างรามิลแต่ถูกเพื่อนตัวดีขัดขวางเอาไว้เสียก่อน
“ฉันปวดหัว”
“ปวดหัวก็ไปหาหมอ ออกไปข้างนอกบอกให้สิงห์พาไปได้”
“...”
“รามิล”
“ครับ”
“ไปพักผ่อน ให้กระทิงไปดูแลหน้าห้อง กระทิง อย่าให้ใครเข้าใกล้น้องชายฉัน หาคนมาเฝ้าหน้าห้องเพิ่มด้วย”
“ครับคุณคิน”
“เป็นเอามากนะ”
“รามิล”
“ครับ”
“ไปนอน ใครเรียกถ้าไม่ใช่พี่หรือกระทิงก็ไม่ต้องขานรับ ปิดโทรศัพท์ด้วย”
“ครับ” รามิลเชื่อฟังคำพูดของอคินทุกอย่าง คนตัวเล็กสุดในวงสนทนาลุกขึ้นเดินนำหน้ากระทิงออกไปยังห้องนอนของคุณแม่ตนเอง หลังได้รับคำสั่ง ธารภพถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เขายังไม่ได้ทันคุยอะไรกับคนน้องเลยด้วยซ้ำ ที่เดินทางมาด้วยกันก็เพราะมีเรื่องที่อยากพูดแต่เหมือนเขาจะคิดผิด
เกือบสี่ทุ่มแล้วทุกอย่างเงียบสงบลงหลังแยกย้ายกันไปพักผ่อน ร่างสูงยังคงนั่งอยู่บนโซฟาตัวเดิม จ้องมองคนตัวเล็กหลับสนิทบนเตียงคนไข้ คืนนี้จะมีหมอเข้ามาตรวจอาการอีกครั้งในตอนตีสองและช่วงเช้าแปดโมงก่อนคุณแม่จะกลับมา
"เธอคือใครกันแน่ มีนา"
รามิลนั่งลงข้างเจียวหนิงเหอมองดูพี่ชายตัวเองที่กำลังแสดงสีหน้าเคร่งเครียด เรียกได้ว่าตั้งแต่อยู่ในความดูแลของอคินมา รามิลไม่เคยเห็นพี่ชายของเขาจะยิ้มสักครั้ง นิสัยโดยรวมของร่างสูงเป็นคนเงียบและนิ่งขรึม แต่ครั้งนี้แตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง
เบื้องหน้าคือเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับเขาที่เพิ่งตื่นจากการพักฟื้นเมื่อคืนนี้ ข้างกายมีผู้สูงวัยอย่างคุณมารุติและป๊าของพวกเขายืนสนทนาอยู่ด้วยกัน และผู้มาใหม่อย่างธารภพที่ยืนอยู่ตรงประตูคู่กับอคิน หลังจากยอมกลับไปพักผ่อนที่คอนโดเมื่อคืนเพราะใกล้โรงพยาบาลมากกว่าและเดินทางมาร่วมวงสนทนาในช่วงสายของวันนี้
"มันเรื่องอะไรกันเหรอครับคุณแม่"
"แม่ก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกันรามิล คงต้องรอให้ป๊าจัดการ"
"สร้อยเส้นนี้ มีผู้หญิงคนหนึ่งให้ผมมา เธอบอกแค่ว่ามันเป็นของมีนา เรื่องอื่นผมไม่รู้อะไรอีก ภรรยาของผมก็เสียไปแล้ว ผมกับลูกไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับอดีตของอ้ายฉิง"
"สร้อยเส้นนี้มีความหมายกับพรรคของพวกเรา คนที่ไม่เห็นด้วยกับการรวมพรรคพยายามหาทางทำลายพวกเราอยู่ เป็นไปได้ว่าอาจจะมีใครแอบแฝงเข้ามาเพื่อทำลายมัน"
"แต่ผมก็ไม่รู้ว่าสร้อยเส้นนี้มีความหมายอะไรกับอ้ายฉิงนะครับ เธอก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่มาอยู่ในประเทศไทยเท่านั้น" อวี้เฟยเทียนมองหน้ามารุติด้วยสายตาเรียบนิ่ง ชายหนุ่มวัยเดียวกับเขาคนนี้คงไม่รู้เรื่องที่มาของสร้อยเส้นนี้ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร เด็กมีนาต้องอยู่ในความดูแลของพวกเขา
อวี้เฟยเทียนรู้ความจริงทั้งหมดทั้งเรื่องของเมษาที่หายตัวไปและเรื่องของมีนาที่มีสร้อยประจำตระกูลของภรรยาเขาอยู่ ไม่มีอะไรที่ประจวบเหมาะนอกจากจะมีอดีตที่กำลังเปิดเผยขึ้นมา ชายสูงวัยที่ยังสง่าสมกับเป็นมาเฟียแห่งพรรคเหนือและพรรคใต้หันไปมองเด็กหนุ่มบนเตียงด้วยสายตาเรียบนิ่ง ไม่ได้ดุดันแต่น่าเกรงขามตามนิสัยที่ถูกฝึกมาจากรุ่นต่อรุ่น
"บอกได้ไหมว่าสร้อยเส้นนี้อยู่กับหนูนานแค่ไหนแล้ว"
"เอ่อ...ผมเองก็ไม่ทราบครับ น่าจะประมาณเกือบยี่สิบปี"
"อืม นานพอสมควร"
"ต้องขอโทษด้วยนะครับ มีนาหกล้มเมื่อสมัยเด็ก เขาจำอะไรตอนนั้นไม่ได้เลย ผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันเพราะมัวแต่ทำงาน กลับมาบ้านอีกทีก็ทราบข่าวว่าลูกชายคนเล็กบาดเจ็บถูกส่งโรงพยาบาล เป็นวันเดียวกับที่ผมเห็นสร้อยนั้น แต่ตอนนั้นไม่ได้อยู่ที่ลูกชาย"
"หมายความว่ายังไงครับ" มารุติถอนหายใจ ดูท่าครอบครัววงศ์วริศจะไม่ยอมปล่อยพวกเขากลับบ้านอย่างง่ายดาย จึงยอมเล่าเรื่องเมื่ออดีตให้กับอวี้เฟยเทียนได้รับรู้ เมษาเป็นคนสวมสร้อยคอเส้นนั้นในวันเกิดเหตุ แต่อ้ายฉิงบอกกับเขาว่ามันคือของมีนา เขาจ้องสายตาคมของชายวัยเดียวกันเพื่อบอกบางอย่างและเล่าเรื่องต่อไปจนจบ
"ผมว่าเรามาคุยเรื่องปัจจุบันกันดีกว่านะครับ ตอนนี้ลูกชายของคุณอยู่ในอันตราย จากเหตุการณ์เมื่อวานเรายังไม่รู้ว่าเป็นฝ่ายไหน ตำรวจที่นี่ยังจับใครไม่ได้และอีกเดี๋ยวก็คงมาขอให้พวกคุณให้ปากคำ" อวี้เฟยเทียนพูดด้วยน้ำเสียงธรรมดา เขาเจอเรื่องแบบนี้มาเยอะ ผ่านความตายมานับครั้งไม่ถ้วนกว่าจะมีวันนี้ได้ และต่อให้เขายิ่งใหญ่อยู่ในตอนนี้ใช่ว่าจะไม่มีคนที่คิดจะล้มเขาอยู่
มีนาจะต้องย้ายไปอยู่ในความดูแลของเขา อคินจะเป็นคู่หมั้นคอยดูแลมีนาระหว่างที่อยู่ที่ไทย ส่วนเรื่องการหายตัวไปของเมษา อวี้เฟยเทียนจะให้เพื่อนสนิทอย่างฮานส์ช่วยสืบอีกแรง
"ผมไม่หมั้นครับ และจะไม่ย้ายไปไหนทั้งนั้น ถ้าสร้อยเส้นนี้คือสมบัติของพวกคุณ ผมจะคืนให้"
"หนูกำลังไม่เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้อยู่นะ สร้อยเส้นนี้เป็นสมบัติของตระกูลฉันก็จริง แต่ตอนนี้มันไม่ได้สำคัญที่สร้อยเส้นนั้น คนที่มีไว้ครอบครองต่างหากที่สำคัญ"
"มันเรื่องอะไรกันครับ ทำไมผมต้องทำตามที่คุณบอก คุณพ่ออย่าไปฟังพวกเขา มีนอยากกลับบ้านแล้วครับ" อวี้เฟยเทียนขบกรามเบา ๆ เขารู้สึกเจอเด็กดื้อเข้าให้ดวงตากลมโตนั่นจ้องเขาไม่ได้มีความเกรงกลัวแต่อย่างใด ภาพสะท้อนในความใสซื่อเหมือนกับตอนที่เขาเจอภรรยาไม่ผิดเพี้ยน
หนิงเหอเห็นท่าไม่ดีลุกขึ้นไปจับแขนสามีแผ่วเบา คนตรงหน้าพวกเขายังเด็กและอ่อนต่อโลกของมาเฟียมาก จะให้เจ้าตัวมาเข้าใจอะไรง่าย ๆ เหมือนกับพวกเขาก็ใช่ที่
"ให้ผมพูดกับเขาแทนไหม"
"ไม่ต้องหรอก ยังไงก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยน เด็กคนนี้จะต้องอยู่ในความดูแลของเรา ไม่ว่าพูดอะไรออกไปเขาก็ต้องทำตามที่เราบอก"
"เฟยเทียน ให้ผมพูดกับเขานะครับ" เจียวหนิงเหอบอกผู้เป็นสามีอีกครั้ง อวี้เฟยเทียนถอนหายใจยอมเดินไปนั่งข้างลูกชายคนเล็กแทนที่ภรรยา หนิงเหอเดินเข้าไปหามีนานั่งลงบนเตียงมองเด็กหนุ่มด้วยสายตาที่แตกต่างไปจากทุกคน
เพราะความเป็นแม่ของเจียวหนิงเหอจึงทำให้เขาเข้าใจได้มากกว่าทุกคน แม้มารุติจะมอบความรักให้กับลูกชายอย่างเต็มที่แต่เขาก็ยังมีสิ่งที่ขาดหายไป นั่นคือความเข้าใจลูกแบบคนเป็นแม่
"หนูมีนา"
"..."
"สถานการณ์ตอนนี้ไม่ปลอดภัยกับตัวหนูและคุณพ่อของหนูมากนะ เพราะของสิ่งนี้" เขาจับไปที่สร้อยจี้โลมาอันคุ้นเคย ต่อให้เด็กคนนี้จะได้มาแบบไหน ตอนนี้มีนาต้องฟังเขา
"น้าไม่รู้ว่าที่พี่สาวของหนูหายไปอาจเป็นเพราะสร้อยเส้นนี้ด้วยไหม แต่ครอบครัวของน้าไม่อยากให้เกิดอันตรายกับครอบครัวของหนู พวกเราอยากร่วมรับผิดชอบมัน"
"คุณ...จะช่วยตามหาพี่สาวของผมด้วยใช่ไหม"
"แน่นอน น้ากับทุกคนจะช่วยกันตามหาพี่สาวของหนูด้วย แต่ตอนนี้หนูต้องปลอดภัย ถ้าถูกจับตัวไปอีกเราจะตามเบาะแสจากพวกมันไม่ได้เลย"
"เราจะส่งคนคุ้มกันคุณมารุติ รามิลก็ต้องหาคนมาดูแล ทุกคนต้องทำให้เหมือนว่าทุกอย่างเป็นแค่การเข้าใจผิด"
"จะปิดผู้กองจิระได้เหรอครับป๊า เขากัดเราไม่ปล่อยแน่"
"แกก็ต้องหาวิธีปิดให้ได้อคิน พี่แกจะเดินทางมาวันศุกร์นี้ หาทางแก้ตัวเอาเองแล้วกัน"
"เอ่อ ผมดูแลตัวเองได้ครับป๊า ป๊าสอนพวกเราให้เข้มแข็งและแข็งแกร่ง ไม่ต้องเป็นห่วงผมนะครับ" หนิงเหอหันมองลูกชายคนเล็กด้วยความเป็นห่วง คนที่เขาห่วงมากที่สุดคือรามิล
"บินไปอยู่กับแม่ไหมรามิล"
"ไม่เป็นไรจริง ๆ ครับคุณแม่ ผมอยู่ที่นี่ได้ อีกอย่าง งานที่นี่ค่อนข้างเยอะ เดี๋ยวจะไม่มีใครช่วยคุณอคินเสียเปล่า"
"บอกกี่ครั้งแล้วให้เรียกพี่คิน หรือพี่คินดุครับ"
"เปล่าครับ"
"เด็กดื้อครับคุณแม่"
"เอ่อ...ให้รามิลไปอยู่กับผมก่อนก็ได้ครับ" ธารภพเอ่ยแทรกขึ้นขณะมองครอบครัววงศ์วริศพูดคุยกัน เขาเองก็สนิทกับรามิลมาก่อน อีกอย่างถ้าได้ช่วยเหลือเรื่องของเมษา ธารภพจะได้รู้สึกผิดน้อยลงที่ช่วยคนรักเอาไว้ไม่ได้
อคินมองเพื่อนรักด้วยความรู้สึกแปลกในใจแต่เขาไม่อยากพูดอะไรออกมาในตอนนี้ ร่างสูงทำเพียงแค่ฟังผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายคุยกันเท่านั้น
ข้อสรุปในสายวันนี้คือจะมีแถลงข่าวเรื่องงานหมั้นของอคินกับมีนา ส่วนเรื่องเมื่อวานต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจจัดการ มีนาตกลงยอมรับข้อเสนอนี้เพื่อแลกกับการตามหาตัวเมษา พี่สาวของเขา หลังจากทุกอย่างเรียบร้อยเขาพร้อมจะถอนหมั้นทันที และต่างคนต่างแยกย้ายไปตามเส้นทางของตัวเอง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา