17 มี.ค. 2023 เวลา 07:19 • ธุรกิจ
InterContinental New York Times Square, an IHG Hotel

เชนโรงแรมระดับโลกเหล่านี้ เป็นเจ้าของโรงแรมอะไรบ้าง ? (ตอนที่ 1)

เพื่อน ๆ เคยสงสัยบ้างไหมว่า..
โรงแรมที่บริษัททัวร์เลือกจองให้เราพัก มันคือโรงแรมระดับไหนนะ ?
แล้วเป็นของเครืออะไรกันบ้าง ?
หรือบางท่านกำลังเลือกที่จะสมัครเมมเบอร์ของแต่ละเครือโรงแรม แต่ยังไม่มั่นใจว่าในเครือนั้น ๆ มีแบรนด์โรงแรมอะไรที่เราพักบ่อยบ้าง… มีประวัติความเป็นมายังไง ?
หรือ บางท่านกำลังจะจองทริปเที่ยว มี choice ที่พักให้เลือกมากมาย
เผื่อจะนำโรงแรมในเลเวลใกล้ ๆ กันไปเทียบช่วยให้ตัดสินใจง่ายขึ้น ก็เป็นได้
งั้นในโพสอัลบั้มนี้ พวกเรา BrandStory ขออาสาไปรวบรวมข้อมูลมาให้เพื่อน ๆ ดูกัน
สำหรับโพสนี้ พวกเราขอเลือกหยิบมา 3 เครือโรงแรมก่อนนะคร้าบ ☺️🙏
เดี๋ยวพวกเรากำลังจัดทำอีกอัลบั้มที่จะพูดถึงเครืออื่น ๆ ต่อไปนะคร้าบ (เช่น Hilton, Wyndham)
[ Marriott International 🇺🇸 ]
🙋‍♀️ มาเริ่มกันทีเครือโรงแรมแรกกันเลย ! (เป็นเครือที่ส่วนตัวพวกเรามีบัตรสมาชิกอยู่ด้วย)
เชื่อว่าเครือโรงแรมพี่ใหญ่จากฝั่งสหรัฐอเมริกาเครือนี้ คงไม่มีใครไม่รู้จัก...
อาจเรียกได้ว่า Marriott International เป็นเครือโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก
เพราะเป็นเครือโรงแรมที่มีจำนวนห้องพักมากกว่า 1,400,000+ ล้านห้อง ทั่วโลก !!
และตอนนี้เครือโรงแรม Marriott ก็ยังเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในกลุ่มโรงแรมของโลกอีกด้วยละ
ใหญ่ขนาดที่ว่า เครือโรงแรม Marriott Marriott มีโรงแรมในเครือมากถึง 30 แบรนด์ 😮
(ที่พวกเราหยิบมาให้ดูภาพอินโฟกราฟิก เป็นเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้นเองนะ 😂 หยิบมาพอที่คุ้นหูคุ้นตา)
[ ประวัติเครือโรงแรม Marriott แบบพอสังเขป ]
1. ผู้ก่อตั้งมีชื่อว่าคุณ “John Willard Marriott” ซึ่งก็ใช้ชื่อโรงแรมตามนามสกุลของเขาในปี ค.ศ. 1927 นี่ละ
2. แต่เราคิดว่าชื่อของผู้ก่อตั้งท่านนี้ เราอาจจะคุ้นเคยกับชื่อของหนึ่งในโรงแรมเรือธงประจำเครืออย่าง “J.W Marriott” เสียมากกว่าเนอะ (ตอนที่เรารู้ก็ร้องว้าวเหมือนกัน ไม่แน่ใจเพื่อน ๆ ว้าว กันไหม 555 😄)
3. เดิมทีคุณ John Willard ไม่ได้ทำธุรกิจโรงแรม แต่ว่าเริ่มจากการเปิดร้านขายรูตเบียร์เล็ก ๆ (เป็นแฟรนไชส์ของ A&W)
4. ก่อนที่ต่อมาจะเปิดร้านอาหารเม็กซิกันที่มีชื่อว่า “Hot Shoppes” (ไม่ใช่ร้านเดียวกันกับที่อยู่ตรง Tops ซอยสุขุมวิท 39 นะคร้าบ ดักไว้ก่อน 🤣)
John Willard เปิดร้านอาหารเม็กซิกันที่มีชื่อว่า “Hot Shoppes”
5. ในปี 1950 คุณ John Willard เริ่มเห็นเทรนด์การท่องเที่ยวที่ขยายตัวมากขึ้น จึงเริ่มสร้างโมเทล ชื่อ “Twin Bridges”
6. จนมาถึงปี 1967 คุณ John ได้ก่อตั้งเครือโรงแรม “Marriott” ขึ้นมา
7. พอรุ่นลูกของคุณ John เข้ามาดูแลกิจการ ในปี 1993 จึงได้แบ่งการบริหารโรงแรมในเครือออกเป็น Marriott International และ Host Hotels and Resorts
8. พอเริ่มจับทางได้ เครือโรงแรม Marriott ได้ดำเนินแผนธุรกิจในการซื้อโรงแรมที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว เพื่อเอามาเพิ่ม portfolio ของตัวเครือ Marriott โมเดลแบบเสือนอนกินสบาย ๆ เลย
อาทิเช่น โรงแรม Ritz-Carlton Hotel Company (1995) โรงแรม Renaissance (1997)
9. จนมาถึงปี 2016 ที่ขยับขยายครั้งใหญ่ เข้าไปเทคโอเวอร์ Starwood Hotels & Resorts (2016) ทำให้พอร์ตโรงแรมขยายขึ้นมาได้อีกเยอะเลย (สำหรับเราเป็นการยิงนกตัวใหญ่ที่คุ้ม)
ทำให้ Marriott ได้แบรนด์โรงแรมชั้นนำมาเสริมอีก อาทิเช่น โรงแรม Sheraton, Le meridien, W Hotel, The Luxury collection โอโห ชื่อคุ้นทั้งนั้นเลย)
ประมาณนี้ 🙏😅😆 (อาจจะไม่พอสังเขปเท่าไร แต่ว่าเรื่องราวของเค้า จริง ๆ แล้วยาวมากกกเลยนะ…)
.
วิธีการขยายแบรนด์หลัก ๆ ของ Marriott (เท่าที่เราทราบ) คือ
- การเข้าไปขยายด้วยตัวเอง (เครือหลัก) ภายใต้เครือ Host Hotels and Resorts
- และการขยายผ่านระบบแฟรนไชส์และรับบริหารโรงแรม ภายใต้เครือ “Marriott International” (อย่างเช่นในไทย เจ้าของโรมแรมในเครือ Marriott ก็เยอะมาก อย่างเช่น บริษัท Asset World (AWC) ของเบียร์ช้างที่ซื้อแฟรนไชส์มาเปิด เช่น Marriott Marquis,The Athenee Hotel เป็นต้น)
ตรงนี้หากผิดพลาดหรือมีอัปเดตประการใด ต้องขออภัยนะคร้าบบ 🙏🙏
.
ส่วนตัวแล้วพวกเราชอบธีม “The Luxury Collection”
คือเค้าพยายามเน้นการออกแบบโรงแรมให้มีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นตาม culture ในแต่ละประเทศ (ถึงแม้ว่ามันจะแพงไปสักหน่อยก็ตามที 555)
Palace Hotel San Francisco The Luxury Collection
Marriot Tbilisi, THE LUXURY COLLECTION
(แต่ที่สุดกว่าคือ ธีมของ Ritz-Carlton Reserve ที่ดึงเอกลักษณ์ของประเทศนั้น ๆ ออกมาได้ดีเยี่ยม แถมโลเคชั่นคือ แหล่มสุด ๆ … ตะ แต่ว่าเรื่องราคานั้น…เอ่อออ….)
Ritz-Carlton Reserve Dorado beach
Ritz-Carlton Reserve ตัวตึงประจำจังหวัดกระบี่
[ Intercontinental Hotels Group (IHG) 🇬🇧 ]
อ่านจากชื่อเครือของโรงแรมแล้ว อาจทำให้เรานึกชื่อโรงแรมได้แค่ที่เดียว นั่นคือ InterContinental Hotel (ต้องพิมพ์ติดกันแล้ว “C” ตัวใหญ่ด้วยนะ)
ช็อตโตะ มัตเตะ … ! ✋
แต่ถ้าเค้ามีแค่โรงแรมหรูแบรนด์เดียว…. เค้าก็คงไม่ได้มีขนาดใหญ่ติด TOP 5 ของโลกได้หรอกนะ.. 😅
.
งั้นเดี๋ยวเราพูดชื่อให้อีกสักนิดละกัน ถ้าเราไปเดินแถวชิดลมบ่อย ๆ ก็คงพอจะสังเกตโรงแรมที่อยู่ในรั้วเดียวกันกับ InterContinental Bangkok… นั่นก็คือ “Holiday Inn” นั่นเองคร้าบ
เรื่องราวของเครือโรงแรมนี้ อาจคล้ายกับเครือ Marriott ตรงที่ ผู้ก่อตั้งไม่ได้เริ่มต้นธุรกิจจากโรงแรมเหมือนกัน
เรื่องราวมันเป็นยังไงละ ?
.
[ มารู้จักประวัติเครือโรงแรม IHG แบบพอสังเขป กันสักหน่อย ]
1. จุดเริ่มต้นของเรื่องราวของเครือโรงแรมนี้ เริ่มมาจากบริษัทเบียร์ที่ก่อตั้งโดยคุณ William Bass ในปี 1777 ที่ประเทศอังกฤษ 🇬🇧
2. อีก 10 ปีต่อมา ธุรกิจเบียร์ของคุณ William Bass ขยายตัวเร็วมาก ถึงขนาดที่ว่าไปจดเข้าตลาดหุ้นลอนดอน (ชื่อบริษัท Bass Brewery)
3. ในปี 1969 Bass Brewery ก็ได้เริ่มจับธุรกิจโรงแรมในชื่อของ “Crest Hotel”
4. ต่อมาในปี 1988 กฎหมายของสหราชอาณาจักรได้ประกาศมาตรการควบคุมเกี่ยวกับธุรกิจผู้ผลิตเบียร์ ทำให้บริษัท Bass Brewery อยู่ยากขึ้น 🇬🇧
William Bass
—- ⏳⏳ PAUSED หยุดเรื่องราวของ Bass Brewery ไว้แปรป ⏳⏳—-
เดี๋ยวเรามาดูอีกหนึ่งในตัวแปรของผู้ก่อตั้งเครือโรงแรม IHG ในอีก Timeline กัน เดี๋ยวเค้าจะมารวมกันนะ
.
5. 🇺🇸 มาที่ฝั่งของสหรัฐอเมริกา กับคุณ “Juan Trippe” ผู้ก่อตั้งบริษัทสายการบิน “Pan-American Airways”
6. ย้อนกลับไปนิดนึงในปี 1946 คุณ “Juan Trippe” ได้เริ่มรุกเข้าสู่ธุรกิจโรงแรม โดยสร้างเครือโรงแรมชื่อ “InterContinental Hotels Corporation”
Juan Trippe
7. ถึงแม้จะดูเป็นชื่อเครือโรงแรมใหญ่ แต่ว่า…ในตอนนั้น โรงแรมของเขากลับมีแค่ 1 โรงแรม คือ InterContinental Hotel ที่ประเทศบราซิล (แหมะ ! ชื่อโรงแรมเดาไม่ยากเท่าไร..)
นี่ก็ถือว่าโครตหรูแล้วนะในยุคนั้น
8. ความคิดนี้เจ๋งไม่เลวเลยแห่ะ เป็นเจ้าของบริษัทสายการบิน และให้นักท่องเที่ยวมานอนโรงแรมตัวเองอีก โอ้โห… !
9. คุณ “Juan Trippe” จึงเล่นใหญ่ไปกว่าเดิม ได้เข้าไปทำการซื้อโรงแรม “Holiday Inn” ของคุณ Kemmons Wilson ในปี 1954 นั่นจึงทำให้ Holiday Inn กลายเป็นแฟรนไชส์เจ้าแรกของเครือนี้ 🇺🇸
.
🔜🔜 CONTINUE เรื่องราวของบริษัท Bass Brewery กันต่อ 🇬🇧 🔙🔙
10. 🇬🇧 ในปี 1988 ที่ Bass Brewery ต้องเจอแรงกดดันในการขายสุราของอังกฤษ จึงทำให้พวกเค้าเริ่มหันมาสนใจธุรกิจโรงแรมอย่างจริงจัง
11. แน่นอนว่า… Bass Brewery เริ่มให้ความสนใจเครือโรงแรมอย่าง Holiday Inn ที่กำลังเติบโตได้อย่างดี (สาขาเพิ่มขึ้นในอังกฤษเยอะมาก)
12. ในปี 1997 ทายาทของคุณ Bass ได้ทำการขายธุรกิจ Bass Brewery ออกไปให้กับชาวเบลเยียม ถือเป็นอันสิ้นสุด และเขากำลังจะทำการใหญ่กว่าเดิม
13. ในปี 1998 บริษัท InterContinental ของคุณ Juan Trippe ได้ตัดสินใจขายบริษัทให้กับคุณ Bass 🇺🇸 🔜 🇬🇧
14. ในปี 2000 หลังจากที่คุณ Bass ได้ควบคุมทุกอย่างของ InterContinental เค้าก็ค่อย ๆ ควบรวมธุรกิจย่อย ๆ ที่เค้าดูอยู่ (เครื่องดื่ม + โรงแรมเก่า ๆ ของเค้า)
15. ในปี 2003 ได้ทำการเปลี่ยนแปลงธุรกิจโรงแรมทั้งหมดให้อยู่ในเครือ “InterContinental Hotels Group” อย่างในปัจจุบัน (ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ)
.
ถึงแม้ InterContinental จะมีจุดเริ่มต้นอยู่ที่สหรัฐอเมริกา (จากคุณ Juan Trippe)
แต่สุดท้ายแล้ว ใครจะไปรู้ละว่า…มันจะกลายมาเป็นของทายาทโรงเบียร์ในประเทศอังกฤษ จนกลายเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีขนาดใหญ่ติด Top 5 ของโลก (และมีรายได้เกิน 70% มาจากการขายแฟรนไชส์โรงแรมอีกด้วย) 😮🤩
.
ส่วนตัวแล้ว ถ้าพูดถึงแบรนด์โรงแรมในเครือนี้ที่เราไปพักบ่อย ๆ คือ Holiday Inn
(แต่ถ้าเราไปเที่ยวทัวร์ต่างประเทศ ก็จะได้นอนตลอดเลยละ อาจมีได้นอน Crown Plaza บ้าง)
ล่าสุดเราเห็นแว่บ ๆ เป็นโรวงแรม VOCO ที่มาเปิดในซอยสุขุมวิท 53 กำลังสร้างอยู่ ใกล้เสร็จเต็มที แบรนด์นี้ก็เป็นหนึ่งในแบรนด์น้องใหม่จากค่าย IHG (และเข้าใจว่าเป็นแฟรนไชส์ของ Fico Group หรือ เจ้าของตึก interchange 21 และโรงแรมอีกหลายยยแห่งเลย)
หากเข้าใจผิดพลาดประการใด ต้องรบกวนพี่ ๆ ชาวโรงแรมชี้แนะด้วยคร้าบ 🫡🙏🙏
[ Accor 🇫🇷 🏨 ]
ข้ามมายังทวีปยุโรปกันบ้าง !
เชนโรงแรมที่มีต้นกำเนิดมาจากฝรั่งเศสเครือนี้ อ่านชื่อแล้วบางคนอาจจะงง
แต่ถ้าพูดถึงตัวชื่อแบรนด์โรงแรมในเครือ ก็จะร้อง อ้อ ! กันขึ้นมาเลย (เป็นหนึ่งเครือที่เราพักบ่อยที่สุดด้วย)
เช่น Novotel, ibis, Mercure
หรืออย่างบางโรงแรมเขาก็ไป X นะ อย่างเช่น Veranda High Resort Chiang Mai - MGallery ของบริษัท วีรันดา รีสอร์ท จำกัด ก็เป้นหนึ่งในแบรนด์ระดับ Premium ของเครือ Accor
จากภาพก่อนที่เราพูดถึงเรื่องความหลากหลายของแบรนด์เครือโรงแรม Marriott ที่ว่ามีเยอะมาก ๆ แล้ว
แต่เพื่อน ๆ ทราบไหมว่า ?
Accor มีเยอะกว่า ! (พูดถึงจำนวนแบรนด์นะ) เพราะมีมากถึง 54 แบรนด์โรงแรมในเครือ !!
เรียกได้ว่าเปิดหน้าจองบุ๊กกิ้งของ Expedia, Agoda มาหลับตาจิ้มสัก 3 ครั้ง ต้องมีสักครั้งที่มันจิ้มโดนโรงแรมของเครือ Accor 🤣 (อันนี้เปรียบเปรยนะคร้าบ)
ว่าแต่ว่า..เค้าเริ่มมายิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้ยังไงนะ ?
มาทำความรู้จักแบบสั้น ๆ กัน (สั้นอีกแล้วเหรอ…..)
.
[ ประวัติเครือโรงแรม Accor แบบพอสังเขป ]
1. เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในปี 1963 โดยนักธุรกิจชาวฝรั่งเศส 2 ท่าน คือ คุณ Paul Dubrule และ คุณ Gérard Pélisson ได้ก่อตั้งบริษัท Société d'investissement et d'exploitation hôteliers (SIEH)
คุณ Paul Dubrule และ คุณ Gérard Pélisson
2. โรงแรม Novotel เป็นแบรนด์โรงแรมแรกที่พวกเค้าทั้งสองก่อสร้างขึ้น
สาขาแรกอยู่ที่เมือง Lille ฝรั่งเศส
Novotel แห่งแรก
3. ช่วงปี 1972-1974 คุณ Paul กับ Gérard เริ่มเห็นโอกาสในการขยายโรงแรมแนวเข้าพักสำหรับทำงาน และต้องมีราคาเข้าถึงง่าย พวกเค้าจึงเริ่มขยายธุรกิจโรงแรม อย่างเช่น ibis มาเปิดที่เมืองบอร์โดฝรั่งเศส
โดยพวกเค้าเน้นการขยายโรงแรมเชิงธุรกิจในเมืองสำคัญต่าง ๆ
4. หลังจากที่เริ่มขยายโรงแรมขนาด 2-3 ดาวมาสักระยะหนึ่ง ในปี 1982 พวกเค้าได้ขยับขยายมาเล่นในกลุ่มโรงแรมที่เริ่มหรู (ระดับพรีเมี่ยม 4 ดาว) ในทวีปยุโรป
5. จนกระทั่งในปี 1983 เขาทั้ง 2 เลยรวบรวมโรงแรมทั้ง 440 โรงแรม (ซึ่งเยอะมากกกในขณะนั้น) รวมกรุ๊ปเป็นเครือโรงแรม “Accor” เตรียมลุยกลุ่มโรงแรมหรูและเตรียมเปิดตลาดเอเชีย (เริ่มจากที่จีน ที่เป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวเชิงธุรกิจเยอะ)
6. ยังไม่พอ… Accor ได้ขยายขอบเขตโดยการเข้าไปซื้อ Motel 6 ในสหรัฐอเมริกาที่มีโรงแรมอยู่แล้ว 536 โรงแรมขนาดเล็ก !!
7. Accor ใช้โมเดลแบบนี้ละ ในการปิดดีลซื้อเครือโรงแรมเล็ก ๆ รอบโลก แล้วเอามาปรับเปลี่ยนแบรนด์ใส่เป็นแบรนด์ของตัวเองเช่น ibis , mercure หรือ ในกลุ่ม Suitehotel สำหรับพักระยะยาว
8. ตั้งแต่ช่วงปี 2007 Accor ก็ได้ยกระดับ portfolio ของแบรนด์ในเครือ โดยเน้นไปที่กลุ่มโรงแรมหรูมากขึ้น ก็จะพวก Sofitel, MGallery, Pullman ที่มาดึงภาพลักษณ์ให้ดูหรูหรา
9. ในปี 2019 เค้าก็ได้มีการปรับเปลี่ยนระบบสมาชิกเป็น “ALL - Accor Live Limitless”
ประมาณนี้ ประวัติดูเรียบ ๆ ตรง ๆ เน้นขยายตัวอย่างรวดเร็ว จับตลาดนักธุรกิจ
.
ถึงแม้ว่าพอมาดูใน Presentation ในเว็ปไซต์โรงแรม เขาจะเน้นไปที่ความเรียบง่ายแบบหรูหรา
แต่สำหรับพวกเราแล้ว เวลานึกถึงเครือโรงแรมนี้ เราก็จะยังคงนึกถึงแบรนด์โรงแรมที่มีราคาเข้าถึงง่าย ปลอดภัย แล้วก็แทบจะหาได้ทุก ๆ เมืองอยู่ดี (เวลาไปเที่ยวยุโรป แล้วต้องไปค้างที่เมืองแบบเล็ก ๆ เสิร์ชดูจะต้องเจอ ibis ทุกเมือง 😂)
ทั้งนี้ข้อมูลเกี่ยวกับเครือโรงแรมใหญ่ ๆ ที่หยิบเลือกมานี้ ค่อนข้างกว้างและมีรายละเอียดปลีกย่อย(แบรนด์ย่อย) เยอะมาก ซึ่งพวกเราอาจไม่สามารถ cover ได้ทั้งหมด (ไม่งั้นภาพจะอัดแน่นและบทความจะหนาจนไม่น่าอ่านเลย)
และหากมีข้อมูลผิพลาดประการใด ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้านะคร้าบ 🥰🙏
แต่ถ้าเพื่อน ๆ อยากรู้เพิ่มเติม เดี๋ยวพวกเราจะจัดทำโพสแยกออกมาให้น้าคร้าบ
โฆษณา