24 มี.ค. 2023 เวลา 07:20 • ปรัชญา
จิตของเราเป็นนามธรรม เกิดมาอาศัยอยู่ในเรือนกายของพ่อแม่ ของเราเป็นผู้ที่ใช้กายวาจาใจ ไปตามอารมณ์ที่นึกคิดตลอดเวลา อารมณ์ที่หมุนเข้ามา ในเรือนกายไม่เคยหยุดนิ่ง แล้วเราก็ใช้กายเคลื่อนที่ไป ตาไปเห็นรูป หูได้ยินเสียง
สมมุติว่า เราไปเจอะเจอคนมายืนตรงหน้าเรา ด่าเราเอาๆ หูที่เราได้ยินเสียงเค้าด่าเข้ามา วิญญาณหูก็ส่งต่อไปให้จิต จิตส่งไปที่ธาตุทั้งสี ไปกระทบเสียดสีดำสีม่วงฟุ้งเป็นหมอกควันขึ้นมา ส่งผ่านจิตขึ้น สู่ที่หน้าตา เกิดมีอารมณ์ไม่พอใจ โมโหโกรธ น่าตาเป็นยักษ์..จิตเราก็ยึดอารมณ์โมโหโกรธ ทิฐิความคิดไม่ยอมก็เกิด มีสภาะเห็นตัวเองดีแล้ว ฉันอยู่ของฉันดี(หลงดี) มาด่าว่าฉันทำไม มันก็เกิดการทะเลาะวิวาทเกิดขึ้น
ในเรื่องของชีวิต..ที่เราใช้วิญญาณทั้งหกตลอดเวลา จิตของเรานั่นไม่สามารถ เข้าไปศึกษารับรู้ สิ่งที่ไหลเข้ามาในวิญญาณทั้งหก นั่นเป็นอย่างไร ในสัมผัส ต่างๆ ที่เกิดขึ้น จิตของเรามันไม่ละเอียดพอ ไม่นิ่งพอ หรือจิตของเรายังไม่ขยาย
เหมือนแว่นขยาย ที่จะไปรับรู้สิ่งที่เกิดในวิญญาณนั่นได้ ลมหายใจของเรามันไหลเข้าออกด้วยอารมณ์ เค้าจึงให้เราฝึกหัดหายใจด้วยสติ เอาจิตไปอยู่กับลมที่ไม่มีตัวตน ให้เอาจิตไปอยู่ไปยึดลมหายใจที่ไม่ตัวตนก่อน แล้วก็ให้จิตมีสติภาวนาคำว่าพุทโธ เพื่อขจัดอารมณ์ออกไป
..นั่นคือการฝึกหัด เพื่อที่จับจะได้มีสติใช้กายวาจาใจของเราเอง ควบคุมกายวาจใจของเรา ไม่ได้ไปเกี่ยวข้องกับคนรอบข้าง หากเราควบคุมอารมณ์ที่เกิดที่เราไม่ได้ อารมณ์ที่ปั่นป่วนกายวาจาใจของเรา มันก็ทำให้เราฝืนอารมณ์ไม่ได้ ไม่อาจจะละอารมณ์นึกคิดที่เกิดที่เราไปได้เลย
การที่เราใช้วิญญาณทั้งหก ไปตามอารมณ์ ใช้กายวาจาใจไปตามอารมณ์ทิฐิความเห็นที่เกิดในตัวตนของเรา โดยไม่ระมัดระวัง ใช้วิญญาณทั้งหก ..ไม่ถูก . เอาไปสัมผัสในสิ่งที่ไม่ดี .เหมือนสัมผัสจับของร้อน มันก็นำความร้อนมาสู่กายสู่จิต มันก็เกิดอารมณ์ปั่นป่วนหงุดหงิดในกายของเราเอง ไม่ได้ไปเกิดที่ใครความทุกข์ก็เกิดที่ตัวตนของเราเอง ไม่ใช่ไปเกิดที่คนอื่น เกิดที่ตัวเราเองไม่สติระมัดระวังการใช้วิญญาณทั้งหกของเราเอง
เมื่อเวลาที่เราอยู่กับคนรอบข้าง วิญญาณทั้งหก โดยเฉพาะตากับหูของเรา ตาเห็นรูป หูรับเสียง เสียงที่เจือด้วยอารมณ์กรรม มีความโลภโกรธหลง เสียงของคนที่มีอารมณ์ไม่พอใจ เสียงของคนที่โกรธ หรือ แม้แต่เสียงของคนนินทา วิตกวิจารณ์ มันเป็นเสียงของผู้ที่มีกรรม ..ไหลเข้าไปที่วิญญาณหู ส่งเข้าไปภายในจิต มันปั่นป่วนอารมณ์ ทำให้เกิดอารมณ์สับสนวุ่นวายภายในกายในจิต มันก็ทำใจจิตใจเราวุ่นวายไปด้วย ..ตรงนี้แหละที่คนเรายากที่จะฝึกหัด หรือหยุดยั้งสิ่งที่เกิดขึ้นในเรือนกายของตน ที่มันสับสนวุ่นวาย..ใจ
นั่นจึงเป็นเรื่องราวของแต่ละบุคคลจะสนใจเรียนรู้ ฝึกหัด หาวิธีหยุดยั้งอารมณ์ที่มันไหลเข้ามา ในเรือนกาย เมื่อเราอยู่ร่วมกัน ค่างคนต่างมีอารมณ์ ..มีทั้งดีและไม่ดี เมื่อเจอคนอารมณ์ไม่ดี ..เราไปเห็นไปดู ไปได้ยินเสียงเค้าไหลเข้ามาด้วยอารมณ์กรรมที่ครองกายครองจิตเค้าอยู่ มันก็ไหลเข้ามาเป็นอารมณ์ที่กายเราจิตเรา แล้วมันก็มีแต่การเก็บสะสมเป็นกรรมเป็นสีดำสีม่วง ที่เราไม่เคยเรียนรู้จักวธีที่จะเอามันออกไป และมันก็ยากที่จะเรียนรู้ เพราะจิตเรามันไม่นิ่ง..ไม่มีกำลังที่จะเรียนรู้เรื่องเหล่านี้ได้
โฆษณา