19 เม.ย. 2023 เวลา 10:58 • การเมือง

บทเรียนจากรัสเซีย ถึงนโยบายเกณฑ์ทหารไทย...

การหาเสียงของพรรคการเมืองตอนนี้ มีประเด็นที่ถูกพูดถึงกันมากประเด็นหนึ่ง คือ การเกณฑ์ทหาร
นโยบายหาเสียงมีทั้งเลิกเกณฑ์ และคงไว้ หรือกลางๆ
ซึ่งดูแล้วก็เป็นไปในแนวเดียวกับวิธีคิดทางการเมือง
ของแต่ละพรรค
แล้วก็มีการดีเบตกันหลายเวทีว่า มันดีหรือไม่
กับการเกณฑ์ทหารแบบที่ผ่านมา
ที่จริงแล้ว คำตอบมันมีอยู่แล้ว
ว่าระบบเกณฑ์ทหารนั้นดี หรือไม่ดี
เราสามารถพบคำตอบนี้ ได้ที่ยูเครนทั้งหมด....
....ทหารเกณฑ์ ด้อยประสิทธิภาพ
และใช้งานจริงไม่ได้.....
นี่คือความจริง ที่ถูกพิสูจน์จากหน้าสนามรบจริงในยูเครน
เราจะเห็นว่าแม้กองทัพรัสเซียสั่งเกณฑ์ทหารหลายครั้ง
แต่ปัจจุบัน กำลังรบหลักของพวกเขา ที่มีประสิทธิภาพ
มากที่สุด และถูกคาดหวังมากที่สุด ในการบุกยูเครน
กลับไม่ใช่ทหารของกองทัพรัสเซียโดยตรง
แต่เป็นทหารรับจ้างของ Wagner group
ถ้าไม่นับการที่กองทัพรัสเซียสังกัดกลาโหมโดยตรง
ใช้อาวุธไฮเทค โจมตีทางอากาศใส่ยูเครนอย่างได้ผล
2
เราจะเห็นว่าทหารสังกัดทัพรัสเซียจริงๆ แทบไม่มีผลงานในการรบเลย พวกเขาไม่สามารถยึดครองอะไรได้
จากเคอร์ซอน ถึงบัคมุตที่กำลังจะแตก ล้วนแต่เป็นผลงาน
ของทหารรับจ้าง Wagner ทั้งสิ้น...
ส่วนทหารรัสเซียจริงๆที่ถูกเกณฑ์ไปรบ เหมือนถูกส่งไปตาย ไปล่อเป้าเสียมากกว่า ตายมากจนต้องเรียกระดมพล
ใหม่มาแล้วหลายครั้ง อย่างที่เราเห็นข่าวกันนั่นแหละ
1
ไปตายอย่างเดียวไม่พอ ทหารพวกนี้ไม่มีแก่ใจจะรบ
หนีทัพกันก็มาก
แล้วก็ทิ้งรถถัง ทิ้งอาวุธให้ทหารยูเครน กลับมาใช้
สร้างความเสียหายให้กองทัพรัสเซียเองอย่างมาก
จะเห็นว่าทหารเกณฑ์ มีมาก ก็ไม่ใช่ว่ามีประโยชน์
เพราะทักษะต่ำ และมารบแบบไม่เต็มใจ
1
มันคงไม่มีอะไรบอกเราชัดเจนกว่าสถานการณ์สงครามจริงๆ ที่กำลังดำเนินอยู่อึกแล้ว...
...และนั่นคือกองทัพรัสเซียที่ใหญ่ มีประสิทธิภาพและการฝึกที่เข้มงวดกว่าไทยมาก แต่ถึงแบบนั้นทหารเกณฑ์ก็ยังไม่มีประสิทธิภาพ คาดหวังอะไรไม่ได้....
...แล้วไทยเองจะดันทุรัง เพื่ออะไร .....
ในทางกลับกัน
ทหารเกณฑ์จะยังมีประสิทธิภาพอยู่บ้าง
แม้จะมีเวลาการฝึกที่สั้น
สิ่งนี้เราพบได้ในทหารฝั่งยูเครน
เราจะเห็นว่าทหารฝั่งยูเครนที่ส่วนมากเป็นอาสาสมัคร
ที่เพิ่งเข้ามาเมื่อช่วงต้นสงครามนั้น สามารถทำได้ดี
เลยทีเดียว เมื่อต้องรับมือกับทหารราบรัสเซีย
มันอาจจะด้วยจำนวนที่เหนือกว่ามาก ตามสไตล์
ของฝ่ายตั้งรับ
แต่ด้วยยุทโธปกรณ์ที่ด้อยกว่ามาก
การยันมาได้ขนาดทุกวันนี้ ก็บอกเราได้เหมือนกัน ว่า...
...ทหารไม่จำเป็นต้องประจำกรมกองเป็นเวลานาน
ก็ใช้รบได้ ถ้ามีการฝึกที่ดีพอในช่วงเวลาไม่มาก
...และทหารเกณฑ์จะมีประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อ พวกเขามีแรงบันดาลใจที่จะรบเท่านั้น....
ทหาร ก็เหมือนคนทั่วไป คือ ถ้าทำอะไรด้วยความเต็มใจ
ผลมันก็จะออกมาดี
สิ่งที่ต่างกันของทหารเกณฑ์รัสเซียและยูเครนมันอยู่ตรงนี้
ฝ่ายหนึ่งไม่อยากรบ แต่ถูกบังคับมา
อีกฝ่ายก็ไม่อยากรบ แต่สถานการณ์บังคับให้สู้เพื่อถิ่นฐานของตนเอง
ประสิทธิภาพมันจึงต่างกันมาก
...ในกรณีของไทยนั้น เราเกณฑ์ทหารมากมายในสถานการณ์ที่มันไม่ได้มีอะไรเลย
...นั่นย่อมทำให้เกิดการต่อต้าน และต่อให้รบจริงๆ
ทหารเกณฑ์เหล่านี้ก็ไม่น่าจะมีประโยชน์อะไร ถ้าเงื่อนไขมันไม่ดีพอที่จะทำให้พวกเขาอยากสู้...
ที่จริงไม่ต้องมองไปไกลถึงรัสเซียหรอก
ทหารเกณฑ์ไทยนี่คือพวกแรกๆที่จะตายในการปะทะ
ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะขาดทักษะ
และไม่มีความเต็มใจที่จะรบ นี่ก็ชัดเจนมากพอแล้ว
ดังนั้น เรื่องการเกณฑ์ทหารด้วยระยะเวลาที่ยาวนาน
ในกรมกอง มันถูกต้อง จำเป็น หรือไม่
นี่ก็คือคำตอบที่ชัดเจน
ในแง่ขาดแคลนกำลังพลเมื่อเกิดสงคราม
มันก็ไม่น่าจะกังวลอะไรนัก
...ถ้าประเทศเราถูกรุกรานจริงๆ ค่อยมาระดมเอาแบบที่ยูเครนทำ มันก็ไม่น่าจะสายไป
...และเชื่อเถอะ ถ้าชาติมีภัยจริงๆ ชายไทยก็พร้อมโดยไม่ต้องมาบังคับกันหรอก ....
สำหรับเมืองไทยแล้ว นอกจากประสิทธิภาพการรบ
ที่ไม่น่าจะได้จากทหารเกณฑ์แล้ว
สิ่งนี้ยังเป็นเครื่องเหนี่ยวรั้งเศรษฐกิจไทยเป็นอย่างมาก
เพราะอะไรน่ะเหรอ?
การเกณฑ์ทหาร มันทำให้เสียแรงงาน ไปสร้างความลำบากให้คนจน และสร้างความเหลื่อมล้ำน่ะสิ
1
ในแง่ความเหลื่อมล้ำนั้นชัดเจนมาก
ทหารเกณฑ์เหมือนถูกตีวงจำกัดเอาไว้ที่คนจน
ในขณะที่คนพอมีจะกิน ก็เรียน ร.ด. จนได้รับการยกเว้น
สามารถเริ่มทำมาหากินได้ ไม่เสียเวลาไปหลายปี
อย่าบอกว่า ร.ด. ใครๆก็เรียนได้
เพราะมันไม่จริง
หลายโรงเรียนมัธยมในพื้นที่ต่างจังหวัด
ไม่มีการจัดเรียน เพราะห่างไกล และผู้เรียนนัอย
จนไม่สามารถจัดได้
ซึ่งคนในพื้นที่เหล่านี้ก็คือคนจน ที่ต้องช่วยที่บ้าน
ทำมาหากิน โดยเฉพาะในภาคเกษตรกรรม
คนเรียนจึงน้อยมาก เพราะไม่มีเวลา ต้องใช้แรง
กับการทำการเกษตร ให้กับครอบครัว
และมันกลายเป็นปัญหาไก่กับไข่ ระหว่าง
คนเรียนน้อย กับโรงเรียนไม่จัดเรียน ร.ด.
คนจนจึงเหมือนถูกบังคับให้เป็นทหาร
และเพราะพวกเขาอยู่ในวัยที่จะต้องสร้างตัว
การเสียเวลาไปสองปี หรือทำได้แต่งานชั่วคราว
ระหว่างผ่อนผัน มันก็สร้างภาระให้คนกลุ่มนี้
มีไม่น้อยเลยในภาคเกษตร ที่ลูกชายไปวัดดวงจับสลาก
แล้วโดนทหาร ในขณะที่ที่บ้านมีหนี้อยู่ ครอบครัวมีแต่คนแก่ไม่มีแรงทำงาน จนต้องหยุดทำไร่ทำนา ขาดรายได้
กลายเป็น สองปีเพิ่มภาระหนี้จากดอกเบี้ยหนี้นอกระบบสุดโหดให้คนเหล่านี้ จนไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดกัน
ลูกชายพ้นทหารออกมา ก็ต้องมาตามใช้หนี้กันไม่จบสิ้น
ไปอีกหลายปี ไม่มีโอกาสสร้างตัว จนอายุมากเกินไป
และหมดโอกาสไปในที่สุด
เราจะเห็นได้ชัดเจนว่า การเกณฑ์ทหารนั้น
มันมีความเหลื่อมล้ำในตัวมันเองอยู่แล้ว
และซ้ำเติมปัญหาความเศรษฐกิจภาพรวมของ
ประเทศอย่างมาก
...โดยที่ประเทศชาติ แทบไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย
ในสถานการณ์ปกติแบบปัจจุบัน ....
ที่เขียนมาทั้งหมด ไม่ใช่จะบอกว่า ทหารไม่มีความจำเป็น
แต่ต้องการบอกว่า เราควรเปลี่ยนวิธีรับคนเข้าเป็นทหารเสียที เราควรสร้างระบบมืออาชีพขึ้นมา
ผมเชื่อว่าถ้าเรารับสมัคร และนับพลทหารเป็นข้าราชการ
มีสิทธิ์แบบข้าราชการ ขี้คร้านคนจะแย่งกันสมัคร
จะเป็นการรับแบบสัญญาจ้างระยะสั้น
หรือมีเงื่อนไขในการเติบโตทางวิชาชีพ อย่างไร
ก็ว่ากันไปให้เหมาะสม
ยังไงมันก็ดีกว่ารับทหารเกณฑ์ที่ละมากๆแน่
ที่จริงแล้วเราควรทบทวนนโยบายกองทัพไปด้วยเลย
จริงอยู่ ที่สถานการณ์โลกอาจร้อนแรงในปัจจุบัน
มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดสงครามได้
แต่นั่นไม่ได้หมายถึงว่าเราจะต้องเพิ่มกำลังพลประจำ
กรมกองให้มากขึ้นตามไปด้วย
เพราะสงครามยุคใหม่ ตัดสินกันที่อาวุธมากกว่าจำนวน
ของกำลังพล ซึ่งเราก็เห็นแล้วในสงครามยูเครน
แล้วจะมีไปทำไมมากมาย เอาค่าใช้จ่ายเหล่านี้ ไปซื้ออาวุธทันสมัยไม่ดีกว่าเหรอ ?
เมื่อปี 2560 มีข้อมูลว่า ทหารเกณฑ์มีค่าใช้จ่ายรายหัวอยู่ที่ 13,000 บาทต่อคน และมีจำนวนถึง 103,000 คน
ถ้าคูณเลขแบบกลมๆ 1 ปี กองทัพมีภาระต้องจ่ายแล้ว
1.6 หมื่นล้านบาท !
ลองคิดง่ายๆว่า ถ้าเราลดคนลงครึ่งหนึ่ง หรือลดเวลาประจำการลงครึ่งหนึ่ง กองทัพจะเหลือเงินมากถึง
8 พันล้านบาท
8 พันล้านนี่ เอาไปซื้อระบบป้องกันภัยทางอากาศ
มันจะปกป้องประเทศเราได้มากกว่าทหารราบไหม?
เราเองก็ไม่ได้จะยกทัพไปยึดใครอยู่แล้วนี่
จะมีทหารราบเพื่อยึดพื้นที่อะไรมากมายล่ะ
คิดสิ แพทริออทของสหรัฐ หรือจรวดต่อต้านขีปนาวุธของรัสเซีย ที่จะสามารถป้องกันในกรณีเราถูกโจมตีทางอากาศได้ มีราคาลูกละประมาณล้านเหรียญ
หรือ 35 ล้านบาท
เงินจำนวนนี้จะซื้อได้ถึง 228 ลูก
นึ่คือปีเดียว ถ้าลดกำลังพลหรือเวลาลงครึ่งหนึ่งนะ
ถ้าหลายๆปี มันเท่าไหร่ ซื้ออาวุธไฮเทคได้มากแค่ไหน
และอะไรป้องกันการบุกของข้าศึกได้ดีกว่ากันล่ะ
...ผมเชื่อว่าขุนทหารไทยก็รู้...
...แต่ก็นั่นแหละนะ....
ผมเคยคุยกับอดีตนายทหารใหญ่ท่านหนึ่ง
ที่มาจ้างผมสร้างบ้าน
เขาบอกว่า กองทัพไทย ต้องการกำลังพลเยอะ
ด้วยเหตุผลสองข้อ
คือ
1 ) เพื่องานด้านสาธารณประโยชน์
2) เพื่อบริหารการเมืองในเหล่าทัพเอง ไม่ให้มีใคร
ในระดับบนๆขาลอย
กับข้อแรกนั้นเข้าใจได้ แต่เชื่อว่าถ้ารับสมัครด้วยจำนวนครึ่งเดียวขอกจำนวนปัจจุบัน ก็ยังมากพอที่จะใช้ทำงาน
หรือถ้าไม่อยากทำ ก็โอนงาน โอนงบกลับต้นสังกัดดั้งเดิมเช่น กรมป้องกันฯสาธารณภัยไปเลยก็ได้ มันไม่ใช่ปัญหา
( ปัจจุบัน ปภ.ไทยงบน้อยมาก เพราะถูกตัดไปแปะไว้กับกองทัพ ที่มีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญเช่นกัน )
ส่วนข้อสองนี่ผมว่างี่เง่านะ
มันเป็นการสนองด้านผลประโยชน์ของระดับสูงในกองทัพมากกว่าประเทศชาติ
อันนี้แก้ง่าย ถ้าผู้มีอำนาจ มีเกียรติทั้งหลายแหล่ จะลดความโลภในยศฐาบรรดาศักดิ์ลงบ้าง ปัญหามันก็จบ
...ทั้งสองประเด็น กองทัพน่ะรู้แก่ใจทุกคน...
...แต่จะแก้ไข หรือยอมให้ใครแตะไหม...
... นั่นแหละครับ ปัญหา...
อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนยังเห็นว่า
การตัดอำนาจเรียกเกณฑ์ทหารไปเลย
ก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง
หน้าที่ชายไทยที่ต้องเป็นทหารเมื่อชาติต้องการ
จะต้องยังคงอยู่ เผื่อไว้ในสถานการณ์ที่จำเป็นจริงๆ
เพราะปัญหาจริงๆ มันอยู่ที่การเรียกเกณฑ์
หรือรับคนมากเกินความจำเป็นอยู่ทุกๆปีมากกว่า
ซึ่งที่ควรเปลี่ยนแปลง มันคือจุดนี้ ไม่ใช่ไปตัดอำนาจ
การเรียกเกณฑ์ทหารของรัฐไปเลย
แบบที่บางพรรคเสนอ...
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว เชื่อว่าท่านที่อ่าน
คงพอนึกออกบ้างแล้ว นะครับ
ว่าเราควรเลือกพรรคที่มีนโยบายเกี่ยวกับกองทัพอย่างไร
เราจะเปลี่ยนแปลง หรือ ปฏิรูป หน่วยงานนี้กันดี ?
ประชาชนคนไทยมีอำนาจสั่งการกับพวกเขา
แค่ตอนนี้แหละ เลือกกันให้ดีนะครับ....
ส่วนถ้ามีสงครามก็ไม่ต้องห่วงนะครับ
คนเรียน ร.ด. ที่จะต้องรับหมายตามกฎหมาย
มีอยู่เป็นสิบล้าน ให้พวกนี้ออกไปรักชาติก่อนได้เลย
...ก็เขารักชาตินี่ ทำหน้าที่สิ รอไร ...
...ส่วนผู้เขียน สบายหน่อย บ้านอยู่เขตทหาร
คนสมัครเต็มเกือบทุกปี เลยรอดมาได้ 555....
1
โฆษณา