28 เม.ย. 2023 เวลา 01:00 • ธุรกิจ

การเข้าซื้อกิจการครั้งใหญ่ของ L’Oréal

กลุ่มบริษัท L’Oréal ประกาศการเข้าซื้อกิจการแบรนด์ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวระดับพรีเมียม Aesop ด้วยมูลค่า 2,500 ล้านยูโร เป็นการซื้อกิจการที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท L’Oréal ในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้มีเพียงการเข้าซื้อแบรนด์ขนาดเล็กสำหรับสินค้าเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) ที่มีแนวโน้มการเติบโตที่น่าสนใจเท่านั้น
โดยแบรนด์ Aesop ก่อตั้งโดย Dennis Paphitis ช่างทำผมชาวออสเตรเลียในปี 1987 ที่เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย มีที่มาจากนักเขียนนิทาน “อีสป” มาตั้งเป็นชื่อแบรนด์ผลิตภัณฑ์บำรุงผมและผิวระดับลักชัวรี ซึ่งเอกลักษณ์ของแบรนด์ คือ รูปลักษณ์ที่เรียบง่าย สูตรเครื่องสำอาง Vegan ผลิตจากวัตถุดิบจากธรรมชาติ ด้วยวิถีแบบยั่งยืน และให้บริการเลือกส่วนผสมตามที่ลูกค้าต้องการได้
ซึ่งในช่วงเวลาที่ก่อตั้งแบรนด์ในตอนนั้น ผลิตภัณฑ์สำหรับผมที่มีในท้องตลาดใช้ทั้งส่วนผสมที่เต็มไปด้วยสารเคมี ทั้งซิลิโคนและสารกันบูดเป็นส่วนใหญ่ จึงส่งผลให้แบรนด์ Aesop สร้างความแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ นอกจากนี้ แบรนด์ Aesop ยังเป็นแบรนด์แรกๆที่ผลิตสินค้าโดยไม่มีการแยกประเภทสินค้าสำหรับผู้หญิงหรือผู้ชาย (Unisex) และเป็นแบรนด์ระดับลักชัวรีส่วนน้อยที่ได้รับตรารับรองมาตรฐานนานาชาติ B Corp
ผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ Aesop สามารถหาซื้อได้จากร้านค้าปลีก สถานเสริมความงามและโรงแรมชั้นนำในปีที่ผ่านมามียอดขายมูลค่า 537 ล้านยูโร จากจุดขาย 400 ทั้งในทวีปอเมริกา ยุโรป ออสเตรเลียและเอเชีย โดยในปี 2022 เปิดร้านสาขาแรกในประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดสำคัญที่ L’Oréal วางแผนในการขยาย
ข้อเสนอแนะ/ข้อคิดเห็นของสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
จากการจัดลำดับ 50 บริษัทที่มีอิทธิพลที่สุดในฝรั่งเศสในปี 2023 ที่ผ่านมา (Kantar Brandz France 2023) กลุ่มบริษัท L’Oréal ได้ลำดับที่ 4 และเป็นอันดับที่หนึ่งในหมวดสินค้าผลิตภัณฑ์บำรุงผิว แบรนด์สินค้าในเครือบริษัทแบ่งออกเป็น 4 ประเภท
1. สินค้าอุปโภค Consumer Product
2. ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้เชี่ยวชาญ Professional
3. ผลิตภัณฑ์เวชสำอาง Dermatological Beauty
4. ผลิตภัณฑ์ลักชัวรี L’Oréal Luxury
ซึ่งแบรนด์ Aesop เข้าเป็นส่วนหนึ่งของสินค้ากลุ่มสุดท้ายนี้จากแบรนด์เดิมที่มีอยู่ของกลุ่มบริษัท L’Oréal ทั้งสิ้น 26 แบรนด์
นอกเหนือจากนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่กลุ่มบริษัท L’Oréal ให้ความสำคัญกับทุกแบรนด์แล้ว สินค้าในหมวดผลิตภัณฑ์ L’Oréal Luxury แตกต่างจากสินค้าในหมวดอื่นๆ ด้วยแนวการตลาดแบบ Tailor made คือ การบริการให้คำแนะนำและออกแบบผลิตภัณฑ์เฉพาะสำหรับบุคคล การสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ และการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ซึ่งจะเห็นได้ชัดว่าการสร้างประสบการณ์เหล่านี้บางครั้งจำเป็นต้องทำผ่านร้านค้าเท่านั้น ซึ่งช่องทางการขายออนไลน์ไม่สามารถนำเสนอได้
ผู้ประกอบการไทยที่ต้องการสร้างแบรนด์ไม่ว่าจะเป็นสินค้าประเภทผลิตภัณฑ์บำรุงผิว หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆออกสู่ตลาดโลก ควรให้ความสำคัญต่อการจัดวางตำแหน่งของสินค้า (Positioning) เหมือนกับที่บริษัท L’Oréal แบ่งประเภทสินค้าออกเป็น 4 ประเภท ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถวางแผนในการพัฒนาสินค้าได้อย่างชัดเจน ควบคู่ไปกับการสร้างเอกลักษณ์ของสินค้า การพัฒนาคุณภาพ ซึ่งหากสามารถมีตรารับรองคุณภาพที่เป็นมาตรฐานสากลจะช่วยส่งเสริมให้การส่งออกสินค้าสู่ต่างประเทศทำได้ง่ายขึ้น
Reference
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
โฆษณา