19 พ.ค. 2023 เวลา 06:14 • ท่องเที่ยว
Mount Nemrut

Mt. Nemrut ซากเทวรูปบนยอดเขา [2]

ครั้งนี้เดินทางท่องเที่ยวภูเขาเนมรุต และที่เที่ยวในละแวกนั้นกันค่ะ
02/10/2022
เราเดินทางมาถึงโรงแรม Kommagene Nemrut ในเวลาเกือบ 9 โมงครึ่ง
เนื่องจากติดต่อบอกเวลาไว้ล่วงหน้า เลยมีพนักงานโรงแรมมารอถึงรถทัวส์ ช่วยยกกระเป๋าให้
เราต้องขอพูดจากใจจริงๆ ว่าความประทับใจแรกที่มีต่อโรงแรมนี้ คือเหมือนหลงมาอยู่ในรังมาเฟียค่ะ
อาจเพราะเป็นเมืองไม่ใหญ่ แล้วโรงแรมนี้เขาเป็นขาใหญ่สุด + บุคลิกของเจ้าของโรงแรมก็เหมือนเจ้าพ่อมาก พนักงานส่วนใหญ่เห็นแต่ผู้ชาย เราเลยรู้สึกถึงฟีลนี้สุดๆ
แต่ไม่ต้องกลัวนะคะ จากที่ได้ใช้เวลาอยู่โรงแรมนี้ บอกได้ว่าพวกเขาเป็นคนดีกันค่ะ ไม่ใช่มาเฟียจริงๆ 5555555555
ตอนเช็คอิน จ่ายเงิน คุยเรื่องทัวส์
ต้องบอกอีกอย่างว่าทางโรงแรมถามเรากลับว่าได้จองมาในราคาเท่าไร
แล้วตอนจอง เขาได้บอกไหมว่ารวมค่าห้องพัก
โชคดีที่ตอนคุยเราถามรายละเอียดทุกอย่าง ดังนั้นเลยไม่ได้บวกค่าอะไรเพิ่มค่ะ
แนะนำทุกคนที่มาพักให้ทำเหมือนกันนะคะ
ห้องพักโรงแรมที่เราได้เป็นฝั่งตึกไม้ ห้องกว้าง แต่แอบเก่า และเน็ตไม่ดี (ตอนเราไปเจอเน็ตเสียใช้ไม่ได้ แต่เราไม่มีปัญหาเพราะตารางทัวส์แน่นมาก นอกจากเข้าห้องอาบน้ำ นอน ก็ไม่ได้ว่างเล่นเน็ตอะไรอยู่แล้ว คิดว่าตัดขาดเน็ตสักวันไปเลย)
หลังจากอาบน้ำ พักผ่อนสั้นๆ ยังเหลือเวลาก่อนหน้าทัวส์จะเริ่ม ก็เลยหาอะไรกินก่อนค่ะ ความจริงทางโรงแรมถามด้วยว่าจะกินข้าวเที่ยงกับเขาไหม (แต่ถ้ากินข้าวเที่ยงจะไม่มีมื้อเย็นให้) เราเลยออกไปหาอะไรกินข้างนอกแถวนั้นแทนค่ะ เอามื้อเย็นดีกว่า
14:30 น. ทัวส์สตาร์ท
ตอนแรกเรานึกว่าจะเป็นทัวส์ใหญ่ มีคนอื่นร่วมทางด้วย
แต่ไม่รู้ว่าเพราะช่วงที่ไปมันโลว์ซีซั่นหรือยังไง กลายเป็นว่าเราได้ไพรเวททัวส์ซะงั้นค่ะ
จากที่เคยคิดว่าค่าทัวส์แอบแพง ตอนนี้รู้สึกว่าคุ้มเลย 555
ไกด์ของเราเป็นคุณลุงอายุมากแล้ว ชื่อว่าคุณโจเซฟ ตอนแรกที่เจอกันแอบกังวลใจ แต่ปรากฏว่าเขาพูดภาษาอังกฤษได้ดีเลย แล้วก็ขับรถดีมากๆ นิสัย nice มากๆ ด้วย รู้สึกเหมือนลุงพาหลานเที่ยวอารมณ์นั้นเลยค่ะ
สถานที่เที่ยวสำหรับทัวส์อาทิตย์ตกดิน เริ่มต้นจากขับพาเราไปที่ Karakus Hill
วิวแถวนั้นก็สวยอลังมากๆ Karakus แปลว่าอินทรีย์ค่ะ
ต่อด้วย Roman Bridge ได้แวะดื่มชาด้วย เจ้าของร้านรู้จักกับคนขับ แถมคนขับดันจ่ายเงินเลี้ยงพวกเราด้วยค่ะ
สะพานตั้งแต่สมัยโรมัน อยู่มานานแล้ว ตรงลำธารใต้สะพานผู้คนจะนิยมมานั่งปิกนิคกัน
จากนั้นก็เริ่มพาเราขึ้นภูเขาแล้วค่ะ เพราะในวันนั้นดูเวลาแล้ว ดวงอาทิตย์จะตกดินราว 18:00 น. แน่นอนว่าไปชมวิวบนยอดเขา ต้องเผื่อเวลาเดินเขาด้วย รถขึ้นไปจอดได้ถึงแค่จุดหนึ่งเท่านั้น
ตอนที่เราไปถึงก็พบรถมาจอดอยู่หลายคันแล้ว
มีตั้งแต่รถเก๋ง จนถึงรถทัวส์คันใหญ่
เวลาตอนนั้นน่าจะราว 4 โมงครึ่ง
ระหว่างการเดินขึ้นเขามีเพื่อนเดินด้วยเพียบเลยค่ะ ไม่ต้องห่วง ได้ให้กำลังใจกันตลอดทาง
ระยะการเดินน่าจะราว 2 กิโลฯ ค่ะ ขึ้นเขาสูงกว่าระดับน้ำทะเล 2,050 เมตร ระหว่างทางจะมีเก้าอี้ให้หยุดพักเป็นช่วงๆ ระยะแรกที่เดินค่อนข้างง่าย เนื่องจากมีการทำเป็นขั้นบันได แต่จะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่เป็นทางเดินหินกรวด แล้วเป็นเนินชันขึ้นไป ตรงนั้นจะแอบยากหน่อย
แต่เรามากันเร็วอยู่แล้ว ไม่ต้องรีบ ก็เดินๆ หยุดๆ ชิลๆ
สภาพทางเดิน และวิวระหว่างทาง
อีกอย่างทั้งอากาศและวิวก็ดีมาก ถึงจะเหนื่อยมากแต่ไม่ทรมานค่ะ
รูปปั้นหินเทพเจ้า หรือเทวรูปจะมีอยู่สองด้าน เรียกว่าฝั่ง EAST กับ WEST ค่ะ
ไกด์พาเราปีนขึ้นมาฝั่ง EAST ให้ถ่ายรูปทางนี้ก่อน ค่อยพาเดินอ้อมไปฝั่ง WEST
พอมาถึงฝั่งนี้ไกด์ก็จะไปจองที่มุมดูพระอาทิตย์ตกให้ ระหว่างที่เราถ่ายรูปเล่น
มุมฝั่งตะวันออก
เดินผ่านไปฝั่งตะวันตก
มุมตะวันตก แสงอัสดง
อยากบอกว่าบรรยากาศดีมากกกกก อากาศดีมากกกกกก
อุณหภูมิบนเขาค่อนข้างหนาวกว่าข้างล่างเยอะ
คือตอนเดินไม่ต้องใส่เสื้อกันหนาว แต่หลังจากขึ้นมาถึง ระหว่างรอดวงอาทิตย์ตกต้องเอาออกมาใส่ เพราะหนาวลงจริงๆ ค่ะ ลมพัดเย็นเลย
บางคนเอาว่าวมาเล่นด้วย เรารู้สึกประทับใจมากๆ ยิ่งคิดถึงว่ากว่าจะมาถึงที่นี่ เราดั้นด้นและเหนื่อยขนาดไหน แต่วิวไม่ได้ทำให้เราผิดหวัง เรายิ่งดีใจค่ะ
ชมดวงอาทิตย์ค่อยๆ ลับขุนเขา
ท้องฟ้าหลังดวงอาทิตย์ลาลับ เดินลงกลับไปที่รถ
ทริปภูเขาเนมรุตจบลงที่มื้ออาหารเย็นค่ะ
เหมือนจะเป็นร้านของคนรู้จักเจ้าของโรงแรม
ให้อาหารมาเยอะมากๆ กินเหลือเยอะเลยค่ะ
หลังจากกินอิ่มแล้วก็รีบกลับโรงแรมไปอาบน้ำนอน เพราะว่าทัวส์พระอาทิตย์ขึ้นจะเริ่มขึ้นเวลา 04:00 น. มีเวลาพักผ่อนไม่มากค่ะ
03/10/2022
04:00 น. เจอกับลุงไกด์คนเดิมอีกครั้ง
เวลานี้รอบด้านยังคงมืดมาก และอากาศก็หนาวมาก
ขนาดข้างล่างยังหนาว ข้างบนภูเขายิ่งไม่ต้องพูดถึง
ทางโรงแรมเอาผ้าห่มหนาๆ ยื่นให้เราพกติดไปด้วยค่ะ
ทริปดวงอาทิตย์ขึ้น เราจะมุ่งตรงไปที่ภูเขาเลย
บริเวณทางขึ้นเขาจะมีร้านคาเฟ่กึ่งพิพิธภัณฑ์อยู่ที่นึงค่ะ
ไกด์พาเรามาแวะที่นี่ก่อน เพราะเส้นทางขึ้นภูเขาเปิดตอนตีห้า
ขึ้นมาแค่ตรงนี้เราก็หนาวมากกกกกกแล้ว ลมแรงมาก
แบบว่าพอเข้าคาเฟ่แล้วรู้สึกว่าตัวจะละลาย โดยเฉพาะตอนที่ได้จิบชาร้อนๆ
นั่งอยู่ราว 20 นาที ทางขึ้นถึงเปิดค่ะ
รถจะยังขับขึ้นไปได้อีกช่วงหนึ่ง ก่อนจะต้องลงเดินที่เดิม
ใช่แล้ว ที่เดิมกับเมื่อวานเย็นนั่นแหละค่ะ ทางเดิมเลย
ต่างกันแค่ว่ามันมืดมากกกก แบบที่ต้องเปิดแสงไฟฉายส่องทางเดินค่ะ
ลำบากกว่านั้นคือเพราะว่าหนาวมาก เราต้องเอาผ้าห่มห่มตัวเดินด้วย
(ตอนแรกที่ได้ผ้าห่มมาตั้งใจทิ้งไว้บนรถ เพราะมันหนาหนัก แต่เจออากาศแล้วยอมแพ้)
แล้วผ้าห่มก็ช่างหนักเหลือเกิน ก้าวแรกๆ หนาวสั่น พอเดินถึงกลางๆ กลายเป็นเหงื่อออกท่วมแทน
แถมอากาศตอนเช้าเบาบางลง เราถึงขั้นต้องหายใจทางปากแทนค่ะ
ท้องฟ้ามืดมาก
แต่มันก็ได้เสน่ห์ที่แตกต่างออกไปจริงๆ
ในตอนที่นั่งพักด้วยความเหนื่อย แล้วเงยหน้ามองเห็นดาวระยิบระยับบนฟ้า
สูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดหลายๆ เฮือก
โอเค หายเหนื่อยอีกแล้วค่ะ :)
เงยหน้าชมดาว หายเหนื่อยเลย
หลังจากเดินถึงข้างบน ไกด์พาเรานั่งที่โต๊ะปลายผา
คนตุรกีใจดีมาก มีคนพกชาร้อนขึ้นมา ก็รินแบ่งให้พวกเราด้วย
ระหว่างรอดวงอาทิตย์น้อยๆ โผล่มา เราก็เดินถ่ายรูปเล่นเหมือนเดิมค่ะ เก็บบรรยากาศของเทวรูปกับแสงยามเช้า
แสงระหว่างรอดวงอาทิตย์ขึ้น
แสงตอนดวงอาทิตย์ขึ้นแล้ว
ดวงอาทิตย์วันนี้ขึ้นราวๆ 6:22 น. ค่ะ
นั่งรอฟ้าค่อยๆ สว่าง ดวงอาทิตย์ปรากฏตัว
หลังจากดื่มด่ำเสร็จก็เดินกลับลงข้างล่าง
ตอนนี้อากาศกำลังดีแล้ว ไม่ต้องห่มผ้าห่มแล้ว
ลุงไกด์ใจดีรับไปถือเอาลงให้เราแทนค่ะ
วิวขาลง
ลงจากภูเขาจะมีการแวะเที่ยวต่ออีกสองที่
ที่แรกคือ Arsameia antic city
ส่วนอีกที่คือ Kahta Castle
ความจริงตอนไปถึงปราสาท มันยังไม่ถึงเวลาเปิดเข้าไปชมข้างในไม่ได้
เราก็เลยบอกเขาว่าไม่เป็นไร เพราะถ้ารอถึงเวลาเปิด เรากลัวกลับโรงแรมไปกินมื้อเช้าไม่ทันค่ะ เพราะ 10:00 น. เราจะเดินทางต่อไปเมืองอื่น
(อีกอย่างคือเหนื่อยแล้ว 55555 ถ้าเข้าปราสาทต้องเดินขึ้นๆ ลงๆ อีกเยอะ)
ปรากฏไม่รู้เขาคุยกันยังไง กลายเป็นว่ามีเจ้าหน้าที่มาเปิดปราสาทพาชมแบบไพรเวทให้ก่อนถึงเวลา
รู้สึกประทับใจมากๆ ภายในปราสาทมีการจัดแสดงงานศิลปะของศิลปินจากหลายๆ ประเทศเอาไว้ด้วยค่ะ
ถ้าถามความเห็นเรา สำหรับคนที่ต้องเลือกว่าจะชมพระอาทิตย์ขึ้นหรือตก
เราเชียร์ให้มาชมพระอาทิตย์ตกดินค่ะ
สาเหตุเพราะอากาศดีกว่า ไม่หนาวไป เดินทางง่ายกว่า ไม่มืด ไม่ต้องเปิดไฟฉาย
ตอนตีสี่ตีห้ามันมืดมากจริงๆ เราคิดว่าถ้าไม่ใช่เพราะเคยขึ้นเขามารอบนึงแล้ว ถ้าเพิ่งมาขึ้นตอนเช้ามืดครั้งแรก ต้องเดินไม่ถูกแน่ๆ ค่อนข้างอันตราย มันไม่ได้มีรั้วกั้น จะตกภูเขาเอาได้
นอกจากนี้คือความชิล ตอนเย็นชิลกว่าเช้าเยอะค่ะ มันคือการมาดื่มด่ำกับวิวในตอนจบวัน รู้สึกดีกว่ามากๆ
แต่ถ้าใครที่สามารถเก็บได้ทั้งสองเวลา ก็ไม่เสียหายที่จะเก็บค่ะ
อุตส่าห์มาถึงตรงนี้แล้วเนอะ ช่วงแสงอรุณเบิกฟ้าก็มีมนตร์เสน่ห์ของตัวมันเองเหมือนกัน
แถมคนน้อยกว่าช่วงเย็นมากด้วย ถ่ายรูปสบายมากๆ
ช่วงเย็นมีข้อเสียหลักที่จำนวนคนหลักพัน ขณะที่ช่วงเช้าแค่หลักสิบเท่านั้นค่ะ
เจ้าของโรงแรมให้เป็นที่ระลึกก่อนกลับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา