12 พ.ค. 2023 เวลา 11:30 • ท่องเที่ยว

เที่ยวญี่ปุ่น ครั้งแรก ก็ครั้งแรกแทบทุกอย่างจริงๆ Day 3

/หายไปเสียนานครับ ขออภัย
เข้าสู่วันที่สองที่ได้เที่ยวเต็มวัน แต่เป็นวันที่สามของทริป
และเป็นวันที่คิดเอาเองว่าจะไม่มีทางลืมไปชั่วชีวิตของเรา(แต่ตอนนี้กลับจะลืมความรู้สึกแล้วไง(เอ้า))
ดูก็รู้ว่านักท่องเที่ยวครับ ฮ่าๆๆ
เป้าหมายของวันนี้เป็นสถานที่ที่มีชื่อว่า กาลา ยุซาวะ(หรือยุซาว่า)(Gala Yuzawa) ที่อยู่นอกโตเกียวอีกแล้วครับ
แน่นอนครับว่าเราออกจากที่พัก แล้วก็แวะร้านข้าวกล่องรถไฟเช่นเคย
ทริปนี้พึ่งร้านนี้เป็นร้านเดิมแทบไม่เปลี่ยนครับ และคนก็เยอะอย่างเช่นเคย
ได้ใกล้ชิดกับหัวกระสุนนี้ที่สุดขนาดนี้ ก็ไม่พลาดครับ
ถ่ายขบวนอื่นๆ นิดๆ หน่อยๆ ครับ
และอันนี้คือขบวนที่ได้ขึ้นของวันนี้ครับ มุ่งตรงสู่ Gala Yuzawa เลย
ซึ่งรอบนี้ขอเลือกเป็นอะไรที่อยากกินอีกอย่างนึง ก็คือ ข้าวกล่องหน้าอูหนินี่แหละครับ ส่วนแฟนนั้นได้ข้าวหน้าเนื้อมา
กิเลสย่อมระงับได้ด้วยการจ่ายนะครับ / และเราจะคิดได้ก็ต่อเมื่อท้องอิ่มแล้ว
เสียดายนิดครับ ที่แห้งไปนิดหน่อยตามความรู้สึกส่วนตัว แต่รสชาติอร่อยดีครับ แต่ยังไม่สุดอะ!!!
แต่ต่อให้กินแล้วฟินขนาดไหน แต่ความรู้สึกว่ามันไม่พอ ก็ยังลอยมาอยู่ดี แหะๆ
ก่อนจะถึงสถานีกาล่ายุซาวะ ก็ได้เห็นดินแดนที่ขาวโพลนอยู่ข้างนอกแล้ว
แค่นี้ผมก็ตื่นเต้ลแร้วววววว
รู้สึกตื่นเต้นมากจริงๆ ครับที่จะได้สัมผัสหิมะจริงๆ จังๆ ครั้งแรก(ถ้าไม่นับดรีมเวิลด์ และเป็นดรีมเวิลด์เมื่อหลายยี่สิบปีมาแล้ว)
เมื่อลงสถานีมาเพียงก้าวแรก ก็ได้รู้ซึ้งถึงความหนาวเย็นจัดที่สถานีรถไฟและสถานที่นั้นมอบให้
เพราะแม่งหนาวมากเลยว้อยยยยยยยยยยยยยยย
เห็นลมพัดหิมะผ่านหน้าไปแบบเต็มๆ ตา และรุนแรงมากๆ อะครับ สุดยอดมั้ยล่ะ
วันนี้น่าจะไม่ธรรมดาแน่ๆ ไอ้น้องเอ้ยยยยยยยย
คนมหาศาลมากจ้า!!!! เข้ามาแล้ว จากที่หนาวๆ ที่สถานี ก็อุ่นเลย
กาล่า ยุซาวะ น่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว "โคตร" นิยม มากกว่าจะเป็นแค่ยอดนิยมนะครับ การมาถึงครั้งนี้เลยตกใจเล็กน้อยที่เจอ "พนักงานคนไทย" เป็นคนช่วยเหลือนักท่องเที่ยวคนไทยที่มานี่เป็นอย่างดีเลยครับ
เพราะแฟนเรานั้นก็ติดตามเขามา พอเจอเข้าก็เลยกรี๊ดกร๊าด ทำตัวไม่ถูกอยู่เล็กน้อย ฮ่าๆๆ
นี่คือช่องของเขานะครับ ไปติดตามกันได้ : https://youtube.com/@Japanmase
มีเรื่องระทึกของเราเล็กน้อยครับ คือเพราะเรานั้นจะเช่าอุปกรณ์กันนี่แหละ คือ รองเท้าเล่นหิมะ
แต่ไม่มีเบอร์ของเราครับ....เขาเลยให้รองเท้าสโนว์บอร์ดมาแทน
ฉะนั้นนี่ก็คือสิ่งที่เป็นครับ
รองเท้าเท่มากครับ แต่หนักโคตรๆ เลยครับ
นึกว่าจะไม่ได้เล่นหิมะซะแล้ว
แอบบอกหน่อยนึง เจ้าหน้าที่ที่นี่ถ้ารู้ว่าเป็นคนที่ไหน เขาจะส่งพนักงานชาตินั้นมาคุยด้วยหากไม่รู้เรื่องล่ะมั้งนะครับ เขาจึงส่งคนไทยมาคุยเรื่องรองเท้านี่ให้
เป็นการจัดการที่ดีเยี่ยมครับ ชอบเลย
จัดเก็บของเข้าล็อคเกอร์ แล้วก็ออกเดินทางกันดีกว่า
นี่คือภาพแรกที่ขึ้นกระเช้ามาแล้วถ่าย และจะเป็นรูปที่ไม่มีทางลืมไปจนชั่วชีวิตเลยครับ
ทุกๆ อย่างที่เกิดขึ้นที่นี่ ล้วนแต่เป็นประสบการณ์ครั้งแรกเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นแค่การขึ้นกระเช้า, เจอหิมะ เล่นหิมะ, สไลเดอร์หิมะ, ขึ้นกระเช้าสกีอีกที, ดูวิวบรรยากาศภูเขาหิมะ และก็อากาศที่สุดๆ ขนาดนี้
สุดยอดแห่งความปลื้มปิติที่ได้มาจริงๆ ครับ / ดูผ่านจอก็ไม่เท่าได้มายืนอยู่ตรงนี้จริงๆ
เดินไปเล่นถาดเลื่อนครับ ต่อให้เป็นอะไรสั้นๆ แค่นี้ แต่ก็เปิดโลกใหม่แล้ว
กำลังขึ้นไปต่อที่ Bell of Love / ผ่านด่านนักสกีมากมาย และก็ภาพข้างบนนี่สุดยอดมากเลยครับ
ตอนอยู่บนนี้มันเสียวจริงๆ นะครับ เลยยิ้มไม่ออกเท่าไหร่ ฮ่าๆ
ครั้งหนึ่งในชีวิตจริงๆ ครับ
อีกจุดที่น่าจะเป็นจุดไฮไลท์สำหรับถ่ายรูปเลยครับ
ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เจอพี่ๆ ชาวไทยกลุ่มนี้ไหม แต่ถ้าพี่อ่านมาเจอ ก็ขอสวัสดี และขออณุญาตแปะรูปพี่ๆ ไว้ตรงนี้เลยนะครับ / คู่รักชาวมาเลย์ที่ช่วยเราถ่ายรูปคู่ให้ครับ แล้วเราก็ถ่ายให้เขาด้วยเช่นกัน
จับเชือกเหมือนกลัวตกเลยครับ
สุดสายตาที่จะพาให้ทุกคนได้ชมแล้วครับ
แอบถ่ายลิซาร์ดอนคุงมาด้วยแหละ ประทับใจมาก / มังกรไฟมาไถสกี ฮ่าๆๆ
จากนั้นเราก็กลับลงจากระฆังแห่งรัก มาที่จุดสำหรับนั่งสโนว์โมบิลไปยังสถานที่สุดสงบครับ
คือไม่รู้ว่าต้องเรียกว่าอะไรจริงๆ นะ แต่ปลายทางตรงนี้คือจุดที่ถ่ายรูปได้สวยสุดๆ อีกจุดเลยครับ
เนี่ย เป็นแบบนี้ครับ / คุ้มแล้วที่มาครับ
ลงรูปคู่ให้คนอิจฉาหน่อยนะครับ แหะๆ / คนขับสโนว์โมบิลถ่ายให้
ความประทับใจที่สุดยอด ความสุขกับบรรยากาศที่เจอ เอ่อล้นมาก จนกลายเป็นน้ำตาที่อยู่ๆ ก็ไหลออกมา
หลายๆ คนก็น่าจะผ่านความรู้สึกแบบนี้มาเหมือนกันใช่ไหมครับ?
เราได้แต่คิดว่า เรานั้นรู้สึกโชคดีและสุดแสนประทับใจมากนั่นแหละ เลยมีอาการนี้ออกมาน่ะแหละครับ
หากมีคนไปเที่ยวที่นี่กัน มาเล่าบรรยากาศตอนไปให้ฟังกันได้นะครับ อิอิ
สิ่งที่เป็นกิจวัตรประจำที่หนาวๆ ก็คือกินไอศครีมนี่แหละครับ / แต่ในอาคารนี้มันอุ่นนะครับ ฮ่าๆๆ
ในอาคารด้านบนลานสกี ก็มีฟู้ดคอร์ท กับร้านขายอุปกรณ์อยู่ด้วยครับ / ถุงมือราคาดีมาก แต่ไม่ได้ซื้อครับ ขนาดเตรียมไปนี่ยังไม่ได้ใช้เลยครับ แหะๆ / ร้านขนมที่ยั่วใจดีเหลือเกิน
ไม่มั่นใจนะครับว่าเป็นเครื่องดื่มอะไร แต่ตู้กดเครื่องดื่มนี่มีสองตู้ ตู้เครื่องดื่มเย็นและเครื่องดื่มร้อนที่มีแต่เจ้านี่เต็มตู้เลยครับ / ไม่กล้าลองอะ
By Salomon ทั้งนั้นเลย
ตอนที่ไปนี่คือได้ข่าวว่ามีเรื่องฮือฮาที่นี่ คือ มีตู้ขายราเมงอัตโนมัติมาตั้งเป็นครั้งแรก ซึ่งก็คือตู้นี้แหละครับ ราคาน่ารักด้วยนะ แต่ไม่ได้กินครับ เสียดาย
มีร้านข้าวปั้นด้วยครับ / และสิ่งที่วัดความโคตรนิยมได้คือ มีภาษาไทยอยู่บนป้ายนั่นแหละครับ / รับรองว่าซื้อทานได้อย่างสบายใจแน่นอน / ใช่ครับ ไม่ได้ซื้อนะ เพราะมีเป้าหมายแล้วน่ะครับ
และนี่ก็คือรองเท้าที่เราได้ใส่เข้าไปลานสกีนั่นเองงง / ชอบมากจนอยากได้ แต่เห็นราคาแล้วก็ได้แต่มองครับ แหะๆ
นักล่าแสตมป์อย่างเราก็ต้องไม่พลาดสิ!!! ขากลับมาที่สถานีก็เจอพอดีครับ เลยจัดการบันทึกซะ
ความสุขเอ่อล้นขนาดไหน สุดท้ายก็ต้องกลับมาอยู่ดีครับ แง
ออกจากโลกความฝัน นั่งรถไฟ กลับมาที่สถานีตั้งต้นกันอีกครั้งครับ
ขอย้อนความไปที่บทแรกเล็กน้อย
แพลนส่วนตัวของเราเองนั่นน่ะ ที่บอกไปตอนบล็อกแรกสุดน่ะครับ ที่ไม่ได้คิดอะไรไว้สักเท่าไหร่เลย และก็ไม่ได้มีจุดหมายจริงๆ จังๆ อย่างที่เคยบอกไป
ทำให้ความตั้งใจส่วนมากมันเป็น "การไปตามหาเกมเซนเตอร์ และเข้าไปเล่นสักครั้ง"
มันอาจจะเพราะว่า ตอนนี้ที่ไทยเราเองนั้นหาบรรยากาศแบบเมื่อก่อนที่มีทุกห้างไม่ค่อยได้แล้ว และมันก็ไม่ได้หลากหลายเหมือนเมื่อสมัยก่อนอีกต่อไปแล้ว
มันเลยดูเป็นอะไรที่เราอยากทำเป็นอันดับต้นๆ เลยนะครับ
แต่แล้วก็มานึกอะไรออกเฉยเลยครับ แล้วก็ขอให้แฟนลิสต์และแพลนการเดินทางไว้ให้ด้วยอีกหนึ่งอัน
เพราะได้ยินมาแบบจางๆ ว่าที่ๆ จะไปนี่มันแทบจะมีครบเลยนะ ทั้งเกมเซ็นเตอร์, ชอปปิ้ง และสิ่งที่เป็นสมบัติของชาติ(ใคร?)ของญี่ปุ่นที่เราเกือบลืมไปแล้ว
นั่นก็คือ
การไปสักการะ Unicorn Gundam ที่โอไดบะนั่นเองครับ
ก่อนจะเดินทางต่อ ต้องเติมพลังกันหน่อย / เบียดป๊ะป๋า(Beard Papa)ที่ไทยก็มี แต่ไม่ยอมซื้อ และก็เคยซื้อแต่ตอนอยู่ในสนามบินอย่างเดียวเลยนะ
On the way to Unicorn
จากโลกหิมะสู่โลกของเกมเซนเตอร์ ก็ไม่ใช่ว่าจะง่าย เพราะเดินทางไกลแบบสุดๆ อยู่เช่นกันนะ
ต้องต่อรถไฟสองสามครั้ง และก็เพลียแบบเอนจอยสุดๆ จึงนั่งบนรถไฟก็สัปหงกไปหลายรอบเลยครับ แหะๆ
เพิ่งจะรู้ว่าขบวนที่นั่งไปโอไดบะนี่ หัวขบวนเป็นกระจกที่มองบรรยากาศข้างหน้าได้หมดเลย / และมันก็เต็มไปแล้วครับ
เมื่อครั้งลงจากสถานีรถไฟ สิ่งแรกที่ได้เจอคือ ลมแรงมากกกกกกกกกก
มากขนาดที่ถุงขยะที่ใส่ไว้ในถังขยะที่อยู่แถวๆ นั้น ปลิ้นออกมาจากช่องอะ(ที่ทิ้งขยะเป็นช่องตะแกรงกลม)
(เนี่ย แล้วพอเจออะไรแบบนี้ก็ไม่ยอมถ่ายมาด้วยนะ ฮ่าๆ)
และสำคัญคืออากาศมันเย็นมากเลยด้วย
เสื้อกันหนาวที่ไม่มีที่ซุกมือจะไม่มีประโยชน์ทันทีในเวลานี้.....
ตอนที่ไปนี่ ซากุระบนเกาะไกลๆ หลังเทพีนั่นยังไม่บานครับ แต่ตรงข้างๆ ห้างนี้บานแล้วเรียบร้อย / ที่โล่งๆ แบบนี้แหละ ลานเชือด!!!
เดินดื่มด่ำบรรยากาศแถวๆ สถานี ลงมาเดินหาฝั่งที่มีเทพีเสรีภาพและวิว Rainbow Bridge เสร็จแล้ว ก็เดินทางยาวต่อไปที่ห้าง Diver City
ณ ที่แห่งนี้มี RX-0 Unicorn Gundam สถิตย์อยู่
ถึงห้าง / ถึงหุ่น / ถึงแล้ววววววว
แค่นี้ก็ฟินาเล่! สุดยอดแล้วครับ!!!
ดูความอลังการนั่นสิ!
ที่เรานั้นตั้งใจจะต้องมาให้ได้ เพราะว่าดันเป็นหุ่นในซีรีส์ที่เราดูจบ และก็ชอบหุ่นมากสุดๆ นี่แหละครับ มันดูเท่มาก
และอีกข้อหนึ่งคือ ไหนๆ ก็จะมาแล้ว แต่ก็ไม่อยากเดินทางไกลไปดูตัว Rx-78 Gundam นั่น(อยู่โยโกฮามา) ก็เลยเลือกมาที่นี่ดีกว่า
แต่ตอนนี้ขอชื่นชมแปบเดียวก่อนละกันครับ เพราะว่ากระเพาะมันหิวสุดๆ ไปเลยล่ะ
เลยเดินเข้าห้าง Diver City ไปเลย
ณ วันที่ไปวันนั้น ไม่มั่นใจครับว่ามีอีเวนท์ของศิลปินหรืออะไร แต่คนมารอที่หน้าบันไดนี้เพียบ รวมถึงคนในฟู้ดคอร์ทที่เหมือนกับมานั่งรอเวลาของงานนี้อยู่เพียบเลย
เดินเข้าห้างไป ฟู้ดเซนเตอร์ก็รอหราอยู่ตรงหน้าเลย
ลืมถ่ายตรงทางเข้าครับ เลยมาถ่ายตอนรออาหารแล้วแทน
หลังจากที่เลือกหาของกินอยู่พอสมควร ก็เลือกราเมงจุ่ม(ชื่อจริงคือไรไม่รู้อะ จำไม่ได้ ไม่ได้ถ่ายรูปมาด้วย)มากินครับ
ร้านนี้ครับ ที่เราเลือก / เหมือนที่สั่งคือเบอร์ 7 ในรูปนี้นะ
เป็นร้านที่ประทับใจสุดๆ ในทริปนี้ละ สั่งขนาดใหญ่สุดมา(890 เยน) แล้วก็ต้องจึ้งและตกใจสุดในปริมาณที่ได้รับมาแหละ
พอเดินมาที่โต๊ะ แฟนเห็นแล้วยังตกใจ พร้อมกับคำถามประจำโต๊ะเลย
"จะกินหมดมั้ยวะ!?"
.....คำตอบก็คงเดาได้ไม่ยากนะครับ เอ็นจอยอีตติ้งขนาดนี้ ฮ่าๆๆ
นี่! / นี่!!!!!!!
และนี่ฮ์!!!!!!!!
หลังจากที่อิ่มแล้ว และนั่งอืดเรียบร้อยแล้ว แต่จะให้นั่งรอเวลาที่ยูนิคอร์นกันดั้มมีโชว์ไปอีกนานก็กระไรอยู่ จึงขอไปเดินที่ Gundam Base หน่อยละกันครับ
สวรรค์คนรักกันดั้ม แต่นรกสำหรับคนอยากได้โมเดลกันดั้ม / มีเงินเป็นล้านก็น่าจะหมดล้านนะ
ถ้ามีหุ่นอยู่หน้าห้างขนาดนี้ จะไม่มีร้านขายของของอนุสาวรีย์นี้ก็กระไรอยู่ ใช่ไหมล่ะครับ
สิ่งที่น่าเสียดายไปนิดหน่อยเมื่อเข้ามาที่นี่ ก็คือว่า "ตังไม่พอแล้วโว้ยยยยยยยย"
ไอ้สิ่งนี้แหละที่ช่วยให้ใจนิ่ง ไม่งั้นคงสงบสติและกระเป๋าตังไม่ได้แน่นอน เพราะยังไงซะ ร้านนี้ก็คือแหล่งละลายทรัพย์ที่จะกลายเป็นโมเดลดอง รอต่อแน่นอนครับ
(จนเที่ยวกลับมาและเพิ่งลงนึ่ ก็ยังไม่ได้แกะกล่องมาต่อเลยครับ /ยกนิ้ว)
เอาสองคนนี้มาตั้งแถวทางเข้าซะด้วย
มีโชว์ดิโอรามาในบางจุด / หุ่นลิมิเตด / อีเปี้ยนเมทัลลิค!!!! / เดธไซท์เมทัลลิค!!!!! / กรี๊ดดดดด
เดนโดรเบียมมมมมมมมมมมมมมมม
ทั้งนี้ทั้งนั้น จะไม่เสียเงินก็กระไรอยู่นะครับ(แหะๆ) แต่ก็ถ้ามาแล้ว แล้วมันเยอะขนาดนี้ แล้วเลือกไม่ถูกนี่ จะเป็นเรื่องที่เสียหมามาก
แต่ก็เพราะด้วยกระแสกันดั้มน้องใหม่อย่าง Witch from Mercury กำลังฉายอยู่เลย
เราก็เลยต้องมุ่งมั่นเสียเงินให้ Aerial ก่อนแน่นอน
กับยูนิคอร์นตัวพิเศษที่มีแต่ที่นี่ไปด้วยแหละ
.....ต่อเมื่อไหร่นั้นค่อยว่ากันอีกทีนะ
มีแทบทุกจุดที่เดินผ่าน / ดิสเพลย์หุ่นใหญ่ๆ และก็น้องทานุกิแหละ / สารภาพว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ดูเลยครับ....
จบจากตรงนี้ ออกมาข้างนอกนึดนึง ก็เจอกับเกมเซ็นเตอร์ที่ปรารถนาอยากมาเหลือเกินแล้วครับ(ถ้าไม่นับที่ Taito Station ที่แค่เดินผ่านเมื่อวันก่อน)
เข้าไปถ่ายแค่นี้ แล้วก็เจอป้ายว่าห้ามถ่าย เลยไม่ค่อยมีรูปนะครับ / เน้นแต่เกม Rhythm เป็นหลักครับ เพราะชื่นชอบเป็นพิเศษ ถึงจะลาจากวงการแล้วก็เถอะ
แล้วก็ไม่วาย ลงบันไดเลื่อนมาก็เจอแต่ตู้คีบบบบบบบ
ดังนั้น จึงตัองแวะไปคีบตุ๊กตากันนิดหน่อยด้วยแหละนะ ซึ่งโชคของเราก็มาจริงๆ ซะด้วย เย่
คนละหนุบสองหนุบครับ / เคอร์บี้กับอาเนียในราคาพันเยนเด้ะๆ
ดูเวลาอีกที
และเมื่อใกล้ถึงเวลาแสดง ก็เดินออกมารอที่หน้าหุ่นครับ
ตอนแรกก็คิดไว้ว่าคนญี่ปุ่นเองก็คงจะมาดูกันเยอะแล้วมั้ง ไม่น่าจะมีคนเท่าไหร่น่า
แต่ออกมาแล้วก็เจอคนอยู่พอสมควรเลยนะ ที่มารอดูแสดงโชว์
วัดได้จากคำว่าสุโก้ยๆ มาจากหลายๆ ทิศครับ
ม้าแดงยามค่ำคืน สวยสุดๆ ไปเลยครับ
และเมื่อถึงเวลา ทุกๆ อย่างก็กลายเป็นบันทึกประวัติศาสตร์ของเราเรียบร้อยครับ
รอบที่ได้ดูครั้งนี้คือ AMV ประกอบแสงสีเสียงและหุ่นแปลงร่างครับ / จะมีภาพวีดีโออยู่ข้างหลังด้วยครับ
เป็นอีกครั้งที่น้ำตาแห่งความประทับใจไหลออกมาครับ
ความรู้สึกสุดแสนดีใจที่บางครั้งมันออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ ได้แต่เก็บไว้ในใจเราเอง แต่แสดงออกมาที่สีหน้าเรานี่ เป็นสิ่งที่ยืนยันได้จริงๆ นะครับว่าเรายังมีชีวิตอยู่ และเราก็มีความสุขที่สุดในโลกของเราเองแล้ว
จบโชว์แล้ว ก็ได้เวลากลับสู่ที่พัก เพื่อชาร์ตแบตเตอรี่ใหม่ ทั้งอุปกรณ์ และก็มนุษย์นี่แหละครับ
ถ้าไม่พัก ก็พังแน่นอนครับ ใช้พลังงานทั้งวัน อุด้งนั้นก็ไม่พอ ฮ่าๆๆๆ
แถม
ขากลับ เดินในสถานีรถไฟ เจอร้านหลายๆ อย่าง 200 300 เยนครับ แฟนแวะดูของนิดหน่อย แต่เราเจอร้าน Kaldi ที่พยายามส่งกลิ่นรบกวนสมองตลอดเวลา ว่า "จงเข้ามา! จงเข้ามาดื่มกาแฟสุดหอมกรุ่นของเราซะ!!"
น่าเสียดายครับที่เราไม่ได้กิน จริงๆ เพราะตอนนั้นมันก็หลายทุ่มแล้ว ได้แต่เดินเข้าไปดูภายในร้าน
แต่ตอนนี้ก็มี Kaldi มาเปิดที่ไทยแล้วครับ ว่าจะไปชำระบาปจากญี่ปุ่นให้ได้อยู่ครับ แหะๆ
ร้านกาแฟที่มีขนมและเครื่องเทศขาย! แน่ใจนะว่าเป็นแค่ร้านกาแฟ!
ของในร้านที่แวะไปดูครับ สนใจหูฟังเป็นพิเศษ และดูราคานั่นสิ!!
มีไอ้กรอบมือถือติดห้องน้ำขายด้วยครับ / ที่น่าตลกคือ ก่อนจะมาเจออันนี้ เพิ่งดู reel ในเฟซบุค เป็นโฆษณาสินค้าของร้านค้าที่จีนขายอันนี้เลยครับ
โฆษณา