เที่ยวญี่ปุ่น ครั้งแรก ก็ครั้งแรกแทบทุกอย่างจริงๆ Day 4

/ต้องขออภัยทุกท่านที่หายไปนานครับ พยายามตามหารูปมาเพื่อลงเล่าให้ฟังนี่ยากมาก เข้าใจแล้วครับว่าคงสมลำบากในการเล่าเรื่องแต่ละครั้งเป็นยังไง แหะๆ
ขอบคุณที่รอติดตามกันนะครับ
ขอต้อนรับสู่เช้าอันสดใสอีกหนึ่งวันครับ ถึงแม้กายจะสะโหลสะเหล แต่ก็ต้องก้าวต่อไปครับ
เพราะจะไม่ทันรถไฟแล้ววววววววว
วันใหม่วันนี้ เป็นวันที่ตื่นเช้าสุดๆ เพราะต้องเดินทางไกลมากกกกกก เพราะว่าเรากำลังจะไปคาวากุจิโกะกันแหละครับ
และเพราะวันนี้จะต้องไปเริ่มต้นที่สถานีชินจูกุแทน
ซึ่งการตื่นเร็วและออกเร็วในครั้งนี้ ทำให้ได้รับประสบการณ์ปลากระป๋องบนรถไฟญี่ปุ่นซะที
แบบเรียลๆ เลย
บรรยากาศมันเหมือนกับบีทีเอสไทยนะ แค่ที่ไทยไม่มีนายสถานีผลักให้เข้าตู้รถไฟเท่านั้นเองครับ ฮ่าๆๆ
เมื่อพร้อมแล้วก็ออกเดินทางกันดีกว่าครับ
มุ่งหน้าสู่คาวากุจิโกะกัน!
จองไว้ก็ได้นั่งหัวขบวนเลยครับ
เพราะวันนี้ไม่ได้เริ่มที่สถานีโตเกียว เลยไม่ได้แวะร้านข้าวร้านเดิมครับ แต่ได้มาที่ร้าน Lumine แทน(เพราะเจออยู่ร้านเดียว...) / ดันมาเจอแฟลชเซลล์ป้ายเหลืองด้วยพอดี เลยเอาเลยสิครับ
ระหว่างทางที่นั่งรถไฟไปสู่เมืองคาวากุจิโกะ เราก็ได้เห็นฟูจิซังออกมาทักทายอยู่ ตั้งแต่ไกลๆ จนได้เข้าใกล้ๆ เลยนะ ซึ่งสิ่งที่เซอไพรส์สุดๆ ก็คงเป็น การที่ได้เห็นไอเย็นลอยออกมาอยู่ตลอดเวลาเมื่อมองดูนั่นแหละครับ
ตลอดทางที่เข้าไปใกล้ๆ ก็ยังเห็นไอเย็นออกมาจากยอดเขาตลอดเลย
ยิ่งใกล้ยิ่งหนาววววววว / ชอบไอเย็นที่เห็นได้ตั้งแต่ตรงนี้เป็นพิเศษจริงๆ ครับ
จุดที่ลงจุดแรก เป็นสถานีที่เราจะได้เดินไปเจดีย์ Chureito ชื่อดังมากๆ อีกที่นึงครับ
แต่เรา(คนเขียน)เองนั้นไม่เคยรู้จักเลย จนได้มาถึงที่เจดีย์ถึงร้องอ๋อเพราะเพิ่งนึกออกนี่แหละครับ
ภาษาไทยอีกแล้ว ชาวไกจินถูกใจสิ่งนี้
เอาจริงๆ ก็ไม่เคยรู้จักมาก่อนเหมือนกันนะครับ เพราะไม่ค่อยจะจำชื่อสักเท่าไหร่ และก็ไม่เคยคิดว่าจะได้มาจริงๆ กับสถานที่ที่เห็นเจดีย์และฟูจิซังคู่กันแบบนี้
สถานที่นี้ไม่ได้เป็นแค่แหล่งท่องเที่ยว แต่เป็นสถานที่ซ้อมเดินป่าด้วยแหละ!
เพราะเริ่มเดินจากสถานีรถไฟ ไปยังทางขึ้นนี่ก็ทั้งไกลและชันแล้วครับ!
เพราะเป็นจุดที่เห็นฟูจิซัง จึงต้องไขกาชาฟูจิซังนะ
ทำไมสถานที่ที่อากาศหนาวเย็นต้องมีตู้ไอศครีมมาตั้ง.... / อีกตู้จำไม่ได้อะว่าคืออะไร
คงเพราะเจอเหตุมาเยอะ เลยทำป้ายไว้แบบนี้เลย
ถึงแล้ว!!!
แต่ยังก่อน!
ก่อนจะขึ้นไปเก็บรูปสวยๆ ได้ ก็ต้องผ่านการเดินขึ้นบันไดสุดดุดันก่อนนะเจ้ามนุษย์
ไม่ว่าจะสูง แค่ไหนก็(จะ(พยายาม))ไปถึง แฮ่กๆๆ
มันไม่ค่อยมีอะไรยากนะครับ ยกเว้นหายใจไม่ออกนี่แหละ!
หัวหน้าทัวร์กับลูกทัวร์นี่หอบยังกับไปเข้าฟิตเนสเลยครับ
ตอนไปนี่ฟ้าเปิด แดดดี แต่อากาศหนาวมากครับ ทำให้หายใจไม่ค่อยได้เท่าไหร่ ต้องพักเป็นระยะๆ เหมือนกันนะ
แต่โชคดีที่จุดพักนี่ วิวสวยทุกตรงเลย
ถ้าจำไม่ผิด นี่เป็นรูปที่ถ่ายตอนเดินลงแล้วครับ แต่หารูปตอนแวะพักขาขึ้นไม่เจอ มีแต่รูปนี้แหละ....
ถึงแล้วโว้ยยยยยยยยย แฮ่กๆๆ
เมื่อถึงยอดแล้วก็เจอคนจำนวนมหาศาลที่มาถ่ายรูปเก็บบรรยากาศไป ซึ่งไม่แปลกใจนะ ทั้งอากาศ สถานที่ และมุมที่สวยงามสุดๆ แบบนี้ ใครก็อดใจไม่ไหวทั้งนั้นแหละ
เมื่อขึ้นมาถึงแล้วก็ตื่นตาตื่นใจเป็นที่สุดครับ / เพิ่งเคยนึกออกว่าเคยเห็นจากในรูปที่ไหนสักที่เมื่อมาอยู่มุมนี้นี่แหละครับ
มีเรื่องตลกนิดๆ เล่าให้ฟัง
เรากำลังนั่งพักจากการถ่ายรูปถ่ายวีดีโอไปเรื่อยๆ และก็คุยกับแฟนไปด้วย สักครู่นึงก็มีหนุ่มสาวชาวไทยนี่แหละ มาคุยข้างๆ เราก่อน คุยเป็นภาษาไทยเลย แต่มาขอให้เราช่วยถ่ายรูปให้หน่อย แต่เป็นภาษาอังกฤษนะ
ตอนคนเยอะๆ ก็จะเป็นแบบนี้แหละครับ แต่พอถึงช่วงที่โล่งๆ ทุกคนก็จะดูเชิง และก็รีบลงไปจองพื้นที่กันแล้วค่อยขอให้ถ่ายให้ครับ / อนึ่ง คนในรูปนี้ไม่ใช่คู่ที่เรากล่าวถึงนะครับ แค่อยากให้ชมบรรยากาศในคอนที่คนเยอะเฉยๆ แหะๆ
เราตอบไปว่า "ได้ครับ" เขาก็อึ้งไปสักครู่ แล้วก็ถ่ายรูปคู่ให้
เขาก็คงตกใจแหละนะ แต่ก็คือตอนเขาอยู่ข้างๆ น่ะ เราก็คุยกับแฟนเรานะ สปีกกิ้งไทยชัดเจนเลยนะ ฮ่าๆๆ
มีอีกโมเมนท์นึง ก็คือเรากำลังถ่ายรูปคู่กันกับแฟนแหละ ทีนี้น่าจะเก้ๆ กังๆ กัน มีลุงญี่ปุ่นพูดเล้ย ว่า มานี่มา ถ่ายรูปให้
เราก็ยิ้มและขอบคุณเขาเป็นการใหญ่เลยนะ
ความน่ารักของคนที่มาเที่ยวด้วยกันนี่เป็นเรื่องที่ดีนะครับ เราควรส่งต่อให้กันได้โดยไม่ต้องคิดนั่นคิดนี่กันดีกว่าเนอะ
รูปที่โอจี้ซัง(คุณลุง)ถ่ายให้ครับ / อาริกาโตะให้เป็นการใหญ่เลย ชอบมาก
แผ่นไม้ขอพรครับ / เลือกอะไรก็ตามที่มันดูไม่ธรรมดาๆ เลยได้อันนี้มา....
อันที่จริงคือขากลับ เราได้แวะศาลเจ้าที่อยู่ตรงบันไดเริ่มทางขึ้นด้วยครับ แต่เพราะไม่ค่อยได้เก็บรูปเท่าไหร่ ทั้งคนเยอะและก็สถานที่เขาห้ามถ่ายบางจุดครับ เลยไม่ได้เก็บรูปมา
มีร้านรถอยู่ที่หน้าศาลเจ้าด้วยครับ แต่คนเยอะนี่แหละเลยเลือกไม่แวะ
ในขณะที่กำลังจะเดินกลับไปยังสถานีรถไฟ แฟนก็พูดขึ้นมาว่า "จำไอ้ถนนที่คนขอบถ่ายรูปได้มั้ย?
ที่ๆ ถ่ายถนนแล้วเห็นฟูจิอยู่ข้างหลังน่ะ"
ไอ้ตอนแรกนั้นก็นึกไม่ออกหรอกครับ เพราะลืมไปแล้วว่ารูปที่เคยเห็นคืออันไหนบ้าง
ปฏิบัติการตามหาโลเคชั่นก็จึงเริ่มขึ้น
เริ่มจากสถานีรถไฟ เดินไปไม่ไกลเท่าไหร่ เราก็ถึงจุดที่ว่าครับ
เราจึงร้องอ๋อออกมา เพราะนี่ก็คงเป็นแลนด์มาร์คที่ใครๆ ก็ชื่นชอบแน่นอนครับ
นี่ครับ จุดนี้แหละ
มาถึงจุดนี้แล้วก็ต้องตกใจกับการรอคิวของนักท่องเที่ยว
และก็ใช่ครับ พฤติกรรมบางอย่างของนักท่องเที่ยวด้วย
แต่ก็ยังดีนะครับที่หลายๆ คนก็ร่วมมือ และก็ช่วยกันเตือนดีครับ
และหลังจากรอคิว รอจังหวะไฟแดง รถน้อย และก็เลือกช็อตถ่ายอยู่นานสองนานก็ได้สมหวังสักทีครับ
ถ้าจังหวะดีแบบนี้ ทุกคนจะรักแน่นอนครับ / อยากเห็นรูปเต็มๆ ต้องเชิญติดตามที่เพจเฟซบุค Pursuer MA ครับ
หลังจากหนำใจแล้ว ก็กลับมาสถานีอีกที และจากนั้นก็นั่งรถไฟต่อไปที่สถานีคาวากุจิโกะเสียทีครับ หลังจากอยู่ที่นี่กันเสียนานมาก แหะๆ
รู้จักยี่ห้อนี้ตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มน้อย ไม่คิดว่าตอนนี้แก่น้อยแล้วยังมีอยู่อีกนะครับ
และเมื่อรถไฟมา เราก็รีบขึ้นไปกันต่อเลย เพราะคนที่ตะไปนั้นก็เยอะพอสมควรครับ
และก็มีเรื่องที่ทำให้นึกเสียดายจนถึงตอนที่กลับมาแล้วอย่างนึง คือ รถไฟที่ขึ้นจากสถานีนี้ ไปยังคาวากุจิโกะเนี่ย สวยมากเลยครับ!
ดูใบประกาศในรถไฟ เขาบอกว่ารถไฟขบวนนี้เป็นขบวนเดียวกับที่สวิสเซอร์แลนด์เลยนะ
เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปมา ทั้งใบปิดและขบวนรถไฟเลย
แต่เมื่อลงรถมา ก็ดันมาเจอขบวนที่เป็นรถไฟที่แปะลายนารูโตะแทน แล้วก็ถ่ายรูปขบวนนี้มาแทน
....ทัมมัยว้าาาาาา
รถไฟขามาไม่ได้ถ่าย มาถ่ายรถขบวนนี้แทนครับ...
เมื่อถึงสถานีคาวากุจิโกะแล้ว ก็หิวแล้ว
และด้วยที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง ที่มีนักท่องเที่ยวโคตรมหาศาล ฉะนั้นแล้วร้านอาหารที่มีแต่คนแนะนำมา เต็มไปหมด เลยต้องมาจบที่ลอว์สันแทนแหละครับ
ร้านเด่นร้านดังที่คนล้นมากครับ....
ขนาดแค่อยู่ข้างหน้าร้านก็ยังมีจุดเช็คอินแบบเวรี่เฟมัสครับ เลยมีป้ายเตือนเต็มไปหมด
ได้ยินกิตติศัพท์ของลอว์สันมานาน แต่เพราะออกเที่ยวตลอดเลยไม่ได้หาครับ พอมาเจอที่นี่ก็จะอึ้งๆ หน่อย / มีเยลลี่รามูที่ซื้อแบ้วแถมแก้วด้วยครับ แต่ไม่ได้ซื้ออะ แง
ใจนึงก็เศร้านิดๆ แต่ใจนึงก็ดีใจนะ เพราะสุดท้ายแล้วเรามาขึ้นรถบัสได้แบบคนไม่เยอะสักเท่าไหร่นะ
มารอรถกันที่หน้าสถานีครับ
เราเลือกเส้นทางท่องเที่ยวเป็นสายสีแดง ที่จะไปยังวิวทะเลสาบแถวๆ ใต้ภูเขาไฟฟูจิครับ
รถสายสีแดงนี่อาจจะเหมือนๆ กับสายอื่นๆ ที่มีป้ายรถเมล์แต่ละจุดให้ลงเพื่อไปเดินเที่ยว หรือแวะนั่นนี่ครับ ซึ่งที่แรกที่เราลง เป็นจุดที่ 20 ที่เป็นจุดสุดท้ายของรถเมล์สายนี้ ซึ่งเป็นจุดที่ทุกๆ คนเลือกมากันทั้งนั้นเลยครับ
ขออภัยครับ จำชื่อไม่ได้ / ในอาคารนี้อบอุ่นเพราะคนเยอะครับ อาจจะเพราะมีร้านอาหารด้วยแหละ
และก็ขอคอนเฟิร์มเพิ่มอีกหนึ่งเสียงจริงๆ ว่า
ถ้าไม่นับเรื่องการไปเที่ยวฝั่งฟูจิซังโดยตรง มุมฝั่งนี้สวยมากจริงๆ ครับ
ถือได้ว่าสดชื่นและสุดยอดจริงๆ
ถึงแล้วครับ จุดเช็คอิน / ก่อนมาที่ญี่ปุ่น น้องที่เคยทำงานด้วยกันบอกว่า 'ที่ญี่ปุ่นแสงโกงมากเลยพี่' ซึ่งวันนี้ได้เห็นอย่างขัดเจนที่สุดแล้วครับว่าแสงโกงมากจริงๆ ถ่ายอะไรก็สวยไปโม้ดดดดดดดด
อันนี้ภาพจากอีกกล้องนะครับ / เป็นช่วงจังหวะที่เมฆเคลื่อนออกไปพอดีครับ ยอดออกมาแบบสวยๆ เลย
ยอดเยี่ยมครับ
ที่จุดจอดนี้ มีของขึ้นชื่ออย่างนึง ก็คือ "ซอฟต์ครีม" ครับ
ปกติแล้วเราสองคนเหมือนเป็นคนบ้าครับ...ไปจุดชมวิว 1715 ที่น่านตอนอากาศหนาวสุดๆ ก็ยังอุตส่ามีรถไอติมจอด
ปากก็บอกไปว่า "ใครมันจะไปซื้อกินวะ"
แต่สุดท้ายก็เรานี่แหละครับที่ไปจ่ายตังเค้า แหะๆ
และใช่ครับ ซอฟต์ครีมที่นี่เราก็ไม่พลาด!
และไหนๆ ก็มาแล้ว เราก็เลยกินมันกันทั้งสองคนนี่แหละ สองรสชาติไงล่ะ!!!
แล้วเราก็ได้มาแล้วววว / ลาเวนเด๋อ กับ ไชน์มัสแคท
อากาศเย็นๆ บวกกันลมเย็นๆ ก็ต้องกินอะไรที่มันเย็นๆ แบบนี้เซ่!!!!!!!!
หลักฐานคามือครับ / เห็นว่าหนาวๆ เย็นๆ ยังงี้ ยังไม่ทันไรมันก็ละลายไหลลงมือแล้วนะครับ
เลือกกินแต่ละอย่างนี่เหมือนเอาสะใจล้วนๆ ฮ่าๆๆๆ
ต่อจากนั้น เราก็เลือกที่จะไปอีกจุดหนึ่ง ที่เป็นทะเลสาบใหญ่ๆ เลยครับ จำชื่อสถานีไม่ได้ แต่ลงที่ป้ายหยุดรถที่ 17 ครับ
ซึ่งเราว่าเป็นจุดที่ถ่ายรูปคู่กับฟูจิซังได้สวยกว่าจุดที่ 20 อีกนะ
อาจจะเพราะไม่ค่อยมีคนก็ได้ เลยรู้สึกว่ามันสวยกว่า เท่านั้นแหละ
ดูสิครับ ว่าโล่งสงบขนาดไหน
เป็นอีกจุดที่สวยไม่แพ้จุดก่อนหน้าเลยครับ
ประกอบกับฟ้าที่สวยงามมาก ทำให้เรารู้สึกถึงว่า "เป้าหมายชีวิตของเราถูกเคลียร์แล้วอีกหนึ่งอย่าง" จริงๆ
จริงๆ แล้ว มีภารกิจส่วนตัวเล็กๆ อย่างนึงที่มาที่คาวากุจิโกะแล้วจะลองหาให้เจอครับ
ก็คือ จุดที่ชิมะ ริน ในอริเมะ Yuru Camp มากางเตนท์ดูวิวฟูจิซัง ครับ
ภาพจากอนิเมะครับ / เอาภาพมาจากที่นี่ครับ ( https://www.wayfarerdaves.com/?p=4943 )
แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจหาแบบจริงๆ จังๆ หรอกนะครับ เพราะไม่ได้ทำการบ้านมาก่อนว่าอยู่นรงไหน
แต่ก็ได้เข้าใจและเข้าถึงว่าถ้ามากางเตนท์ดูฟูจิซังแล้วจะเป็นยังไง
ถ้ามีโอกาสมาอีกสักครั้ง จะลองดูนะ
จริงๆ รูปนี้ถ่ายตั้งแต่ลงรถไฟแล้วครับ แต่ลากมาเล่าตรงนี้ เลยเพิ่งลงให้ดู
มีอีกอันนึงที่เพิ่งมาเห็นที่นี่ และพอเห็นมาแล้วก็ดูน่าสนใจดีเหมือนกัน ก็คือสาว Onsen Musume Project ครับ
เพราะตั้งแต่ลงสถานีมา สิ่งแรกที่เจอก่อนรถไฟนารูโตะอีกก็คือสาวเจ้าคนนี้แหละ
อีกจุดหนึ่งที่เจอแสตนด์ตั้งครับ ที่เหลือก็น่าจะอยู่ตามจุดยอดนิยมอีกแน่ๆ / เพิ่งมาเห็นว่าน้องถือคุกกี้ที่ร้านนี้ขายอยู่ด้วยนะ อร่อยดีด้วยครับ
พยายามหาป้ายที่อ่านแล้วพอเข้าใจ ก็เลยได้ความว่าเป็นโปรเจคที่มีการร่วมมือจากภาครัฐเลยนะ และเป็นการโปรโมตออนเซนในแต่ละที่ไปด้วยในตัว ซึ่งที่นี่ก็เป็นสาว คาวากุจิโกะ ทากามิ เลย ซึ่งถ้าไปท่องเที่ยวหลายๆ จุด เราก็จะเห็นป้ายและของชำร่วยพิเศษเฉพาะจุดด้วยนะ
 
อยากให้มีอะไรแบบนี้ในบ้านเราบ้างจัง
เมื่อใกล้ถึงเวลากลับ ก็กลับมาที่สถานีและแวะหาของฝากสักหน่อย ซึ่งด้านนอกก็มีร้านอยู่บ้าง แต่ร้านในสถานีนี่เด็ดกว่า เพราะสาเกก็ถูก ไวน์ก็ถูก!! และมีทั้ง Goods ของสาวออนเซน และยูรุแคมป์ด้วยครับ
ถ้าซื้อนี่คงหมดหลายตังนะ แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้อะไรเลยจากร้านในสถานี เพราะคนต่อคิวเยอะมาก และรถไฟก็มาแล้ว เลยต้องรีบไปโดยเสียดายครับ
สินค้าของสาวๆ ชมรมกางเตนท์นี่ล่อตาล่อใจมากครับ
สาวน้อยออนเซนที่มีของเยอะเหลือเกินนนนน
และก็ขอต้อนรับตัวเองสู่ชินจู้กรุ๊กอีกครั้ง
เดินเล่นชินจูกุวันนี้ลมแรงสุดๆ ครับ / เดินไปเจอเวนดี้ด้วย แต่ไม่ได้กินเพราะไม่ใช่เป้าหมายแหละ ฮือออ
ครานี้แผนคือจะไปกินซูชิร้านดังที่แฟนเรานั้นปักหมุดไว้ คือร้าน "ฮิมาวาริซูชิ" ที่ชินจูกุครับ
เตรียมตัวเตรียมใจไว้เรียบร้อย แต่เมื่อไปถึงร้านก็เจอว่าคนเต็ม.....
หยำแล้ว 1
ครั้นจะรอต่อคิว ก็ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ จะเอาไงต่อ แล้วอยู่ๆ ก็มีคนเดินเข้าร้านไปเพื่อต่อคิว
...อ้าว
เพราะเราก็เห็นเก้าอี้คิวอยู่ข้างนอก เราก็เลยรอแต่พอเห็นแบบนี้แล้วก็เลยงงๆ
สุดท้ายก็ขอไม่รอดีกว่า ไปหาอย่างอื่นกินแทนละกัน หิวมากแล้ว
เดินไปเรื่อยๆ จนเจอร้านโซบะร้านนึง เดินเจอแล้วเห็นว่าคนไม่ค่อยมี เลยแวะเลย
ร้านน่าจะชื่อ Hakosoba ครับ จำไม่ได้แล้ว
ขนาดนี้ ราคามิตรภาพมากครับ / รอดตายจากอากาศหนาวเพราะโซบะชามนี้เลย
อย่างนึงที่มันแว้บขึ้นมาในหัว ตั้งแต่ตอนที่เดินทางมาถึงญี่ปุ่นแล้ว และก็รวมไปถึงเมื่อได้กินร้านแฮมเบอร์กเมื่อวันแรก คือ ร้านแบบนี้นี่ ตกลงว่ามันเป็นร้านแบบธรรมดาๆ หรือเป็นร้านที่พรีเมียมกันแน่นะ?
เพราะดูและคิดดีๆ มันก็คงคล้ายๆ กับร้าน "ตามสั่ง" ในรูปแบบที่เน้นไปทางนี้ทางเดียว แต่มีร้านหลายที่ให้เลือกกินอะ
แต่คือมันดันอร่อยและคุ้มค่ากับเรามากเลยไง ซึ่งมันก็กลายเป็นเรื่องดีสำหรับเราไป เพราะมันยังง่าย และสะดวกกับเราดีจัง
ร้านโซบะ Hakosoba ที่เราเข้านี่ ก็น่าจะเป็นร้านที่มีหลายสาขาเฉกเช่นกับโยชิโนยะแหละมั้งนะ
ร้านที่มีตู้กดสั่งอาหาร หยอดเหรียญ และก็รอรับ อะไรแบบนี้มันก็สะดวกดีจัง ประเด็นที่สำคัญคือมันดันอร่อยด้วยนี่แหละนะ สำหรับเรา
เซ็ทโซบะชามใหญ่ๆ กับข้าวราดยามะอิโมะ แค่นี้ก็แฮปปี้แล้ว กับอากาศที่หนาวๆ แบบนี้
HP หมดหลอดแล้ว วันนี้ แต่ก็มาเติมถัง E (จะเคยมีคนเล่นร็อคแมนแบบเรามั้ยนะ? ถ้าเคย คุณจะเก็ตครับ อิอิ) ด้วยเบียร์กันสักหน่อยครับ
อย่างน้อยจะได้หลับแบบสบายๆ บ้าง ฮ่าๆๆ
พักผ่อนให้เต็มที่ เพราะมีเวลาอีกแค่วันเดียวแร้ววววว
ไม่ค่อยเจอรูปจองไอ้คนเขียนเท่าไหร่นะครับ หายากเพราะมันอยากโดนถ่ายครับ แหะๆ
รูปแถม
มาที่นี่แล้วเพิ่งจะเจอร้านอาหารต่างประเทศแบบจริงจังๆ ขนาดนี้ครับ
อาหารตุรกีเลยนะ เสียดายที่เจอช้าไป
โฆษณา