3 พ.ค. 2023 เวลา 12:55 • การศึกษา

การศึกษาในสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่ 2

การศึกษาของไทยในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2(พ.ศ.2482-2488)  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะสงครามมหาเอเชียบูรพา  ได้รับความกระทบกระเทือนเป็นอันมาก  เมื่อตอนญี่ปุ่นขอเดินทัพผ่านประเทศไทยก็ได้ใช้อาคารสถานที่อันเป็นที่ตั้งโรงเรียนเป็นที่พำนักอาศัย  ทำให้การศึกษาของเด็กต้องชะงักใช้งานไปเป็นครั้งคราว
เมื่อตอนปลายสงคราม  พระนคร ธนบุรีและตามจังหวัดใหญ่ๆ อันเป็นเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ได้ถูกโจมตีทางอากาศ
กระทรวงศึกษาธิการต้องย้ายโรงเรียนที่อยู่ในจังหวัดพระนครและธนบุรีบางแห่ง  ออกไปเปิดทำการสอนในที่ห่างไกลจากเป้าหมายในอำเภอชั้นนอกและในต่างจังหวัด  และเมื่อการโจมตีทางอากาศทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น  ก็ต้องสั่งปิดโรงเรียนเสียตลอดใน พ.ศ. 2487  โดยเฉพาะโรงเรียนรัฐบาลและโรงเรียนราษฎร์ส่วนกลางในเขตอำเภอชั้นใน
อย่างไรก็ตามแม้ว่าประเทศชาติจะอยู่ในภาวะสงคราม แต่รัฐบาลยังได้ตราพระราชบัญญัติครู  พุทธศักราช 2488 แล้วจัดตั้งคุรุสภาอันเป็นสภาของครู  เพื่อควบคุมและช่วยเหลือครูแทนคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนขึ้น  และยังคงทำหน้าที่แทน ก.พ.อยู่จนทุกวันนี้
จนกระทั่งเสร็จสงครามและทหารฝ่ายพันธมิตรได้ถอนกำลังออกจากที่ตั้งตามโรงเรียนต่างๆแล้ว  จึงได้เปิดทำการสอนใหม่  แต่การขาดแคลนเครื่องใช้ไม้สอยเกี่ยวกับการศึกษาเล่าเรียน เช่นหนังสือเรียน  สมุด  ดินสอ  และเครื่องอุปกรณ์การสอนยังคงเป็นอุปสรรคในการจัดการศึกษาอยู่เป็นอันมาก
แต่อย่างไรก็ดีได้มีการเปิดชั้นเตรียมอุดมศึกษาขึ้นตามโรงเรียนใหญ่ๆหลายแห่งด้วยกัน  ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เมื่อ พ.ศ. 2489  เพราะปรากฏว่านักเรียนที่จบชั้นประโยคมัธยมบริบูรณ์ที่มีความประสงค์จะเรียนต่อในชั้นอุดมศึกษามากขึ้น
โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา  และโรงเรียนเตรียมของสถาบันชั้นอุดมศึกษาที่จัดตั้งขึ้นไว้มีไม่เพียงพอ  จึงต้องจัดตั้งเพิ่มขึ้นเพื่อสนองความต้องการ  ส่วนเรื่องหน่วยยุวชนทหารก็เลิกล้มไป
สิ่งที่น่าสนใจในขณะนั้นก็คือ  ความนิยมในการส่งบุตรหลานเข้าศึกษาเล่าเรียนมีเพิ่มมากขึ้นยิ่งกว่าเดิมเป็นอันมาก  เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายไม่เก็บค่าเล่าเรียนในโรงเรียนรัฐบาล  ตั้งแต่ชั้นมัธยมปีที่ 6 ลงมา  ตั้งแต่ภาคกลาง ในพ.ศ. 2491  จึงปรากฏว่ารัฐบาลไม่มีโรงเรียนที่ไม่เสียเงินค่าเล่าเรียนเพียงพอที่จะรับนักเรียนได้  ก่อให้เกิดปัญหานักเรียนไม่มีที่เรียนขึ้น  จนต้องแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้า  โดยเปิดสอน 2 ผลัดขึ้นในโรงเรียนรัฐบาลทั่วไปเป็นการชั่วคราว  และปัญหาอื่นๆก็ตามมาในระยะเวลาไร่เรี่ยกัน
เนื่องจากการศึกษาได้รับความกระทบกระเทือนมามากในระหว่างสงคราม  จึงได้มีการผ่อนผันการตัดสินสอบไล่ได้ตกลงมาเหลือเพียงร้อยละ 45 สำหรับการสอบไล่ชั้นเตรียมอุดมศึกษา และไม่ถือคะแนนหมวดวิชา  ทั้งนี้ตั้งแต่พ.ศ. 2490  แต่การสอบไล่ชั้นอื่นๆยังคงให้เป็นไปตามเดิม  ทั้งนี้ทำให้มาตรฐานการศึกษาพลอยตกต่ำลงด้วย
ข้อที่น่าสนใจในระหว่างระยะเวลาภายหลังสงครามโลกครั้งที่สองก็คือ  ความเคลื่อนไหวทางการศึกษามีมากขึ้นกว่าแต่ก่อนในทุกๆประเทศ  โดยเฉพาะในประเทศที่ด้อยพัฒนาหรือกำลังพัฒนา  ทั้งนี้เนื่องมาจากการจัดตั้งสหประชาชาติขึ้น  ในสหประชาชาตินี้มีองค์การย่อยที่เรียกว่า  องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม(UNESCO)  มีหน้าที่ให้ความช่วยเหลือประเทศต่างๆ  ในเรื่องการศึกษา ฯลฯ
องค์การนี้ได้มีส่วนช่วยเหลือการศึกษาของไทยด้วยเป็นอันมาก  เช่นส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาให้คำแนะนำช่วยเหลือจัดการศึกษา  ให้เครื่องอุปกรณ์การศึกษา  และหนังสือตำรับตำราต่างๆ  ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวทางการศึกษาขึ้น
นอกจากนั้นยังมีมิตรประเทศอื่นๆ  เช่นสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นประเทศชั้นนำของโลกในฐานะเป็นผู้ชนะสงคราม  และมีความเจริญก้าวหน้าในทุกวิถีทาง  ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยพัฒนาประเทศต่างๆที่ต้องการความช่วยเหลือ  เช่นประเทศไทยได้รับความช่วยเหลือทางด้านการศึกษาเป็นอย่างมาก  ทั้งในด้านส่งผู้เชี่ยวชาญมาประจำ  ช่วยเหลือด้านเครื่องอุปกรณ์การศึกษา  และให้ทุนแก่ครูไทยไปศึกษาเล่าเรียน  ปรากฏว่าประเทศไทยได้ส่งนักเรียน นักศึกษาและครูอาจารย์ไปศึกษาต่อและดูงานในประเทศนี้มากยิ่งขึ้นกว่าแต่เดิมมา
อิทธิพลทางการศึกษาและอื่นๆของสหรัฐอเมริกาจึงได้แพร่เข้ามาในประเทศไทยยิ่งกว่าสมัยใดๆ  อิทธิพลทางการศึกษาของอังกฤษและประเทศในภาคพื้นยุโรปลดน้อยลงกว่าเดิม   ดังนั้นแนวจัดการศึกษาจึงโน้มเอียงผิดแผกไปจากเดิมบ้าง  โดยเฉพาะในด้านวิธีสอน  ตลอดจนการให้สิทธิเสรีภาพแก่นักเรียนก็มีมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
ความเคลื่อนไหวทางการศึกษาตั้งแต่ระยะสิ้นสงครามโลกครั้งที่สองมาจนถึงก่อนสมัยปฏิวัติ  มีเรื่องที่น่าสนใจอยู่หลายเรื่องด้วยกัน  เพราะได้รับความร่วมมือช่วยเหลือจากสหประชาชาติและมิตรประเทศดังกล่าวแล้ว  ประกอบกับประชาชนสนใจในการศึกษามากยิ่งกว่าแต่ก่อน  ทั้งจำนวนประชากรได้ทวีขึ้นอย่างรวดเร็ว
ประมวล/สรุปจาก..พงศ์อินทร์ ศุขขจร(ประวัติการศึกษาไทย, 2512)
Cr. เจ้าของภาพ
โฆษณา