10 พ.ค. 2023 เวลา 23:51 • อาหาร

Coronation Quiche - อาหารของวันบรมราชาภิเษก

เมื่อเอ่ยถึง “คีช” (Quiche) หลายคนก็คงเคยกินมาแล้ว ขนมพายแป้งกรอบที่มีไส้อยู่ตรงกลางนิ่ม ๆ หอมมันเพราะอุดมไปด้วยไข่และครีม
1
“คีช” เป็นภาษาฝรั่งเศส และเป็นอาหารจานหนึ่งของอาหารฝรั่งเศสมานานหลายศตวรรษ แต่โดยแท้จริงแล้ว คีชมีต้นกำเนิดในประเทศเยอรมนี
คืชมีอายุย้อนไปถึงยุคกลางโดยเป็นอาหารท้องถิ่นในอาณาจักร Lothringen เชื่อกันว่าคำว่า "quiche" มาจากคำภาษาเยอรมันว่า “kuchen” ซึ่งแปลว่าเค้ก (ถึงแม้ว่าคืชจะหน้าตาไม่เหมือนกับ “เค้ก” ที่เรารู้จักกันในปัจจุบันก็ตาม)
โดยผลของสงครามที่เกิดขึ้นไปทั่วยุโรปตลอดยุคกลาง ฝรั่งเศสก็รุกราน Lothringen ภายหลังจากที่ฝรั่งเศสมีชัยชนะแล้ว Lothringen จึงถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Lorraine ตั้งแต่นั้นมา และอาหารอร่อยประจำเมือง Lothringen ก็ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในประเทศฝรั่งเศสภายใต้ชื่อใหม่ว่า Quiche Lorraine
ความนิยมของคีชได้แพร่หลายขึ้นเรื่อย ๆ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารอังกฤษที่ไปรบในฝรั่งเศสได้นำคีชกลับเผยแพร่ในแผ่นดินมาตุภูมิ แล้วก็ได้รับความนิยมอย่างมาก จนกระทั่งแพร่หลายไปประเทศสหรัฐอเมริกาในเวลาต่อมา คีชเลยกลายเป็นอาหารฝรั่งที่มีรับประทานกันไปทั่ว
Quiche Lorraine ขอบคุณภาพประกอบจาก bakerbynature
Quiche Lorraine เป็นคีชที่ขึ้นชื่อที่สุดในบรรดาคีชด้วยกัน วิธีทำก็ไม่ยุ่งยากอะไร เอาถาดที่เป็นแป้งพายมา( ใช้ของสำเร็จรูปกันเลยนะครับ ส่วนใครจะทำเองก็ไม่ผิดกติกาอะไร )เอาเบคอนสับพร้อมกับฉีกเนยแข็งเป็นชิ้นเล็ก ๆ วางลงไป
เอานมและครีมมาตีให้คลายตัวและขึ้นเนียน ต่อยไข่ 3 ฟองลงไปตีให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อย และเพิ่มลูกจันทน์เทศบดอีกนิดหน่อย แล้วเทส่วนผสมน้ำลงไปในถาด แล้วโรยเนยแข็งที่ขูดฝอยแล้วลงไปด้านบน โรยหน้าด้วยเบคอนสับอีกเล็กน้อย แล้วเอาเข้าเตาอบประมาณนี้ 25 นาที ก็จะได้คืชสีเหลืองทองที่มีไส้ตรงกลางที่อ่อนนุ่ม
1
ทิ้งไว้ประมาณ 4-5 นาทีเพื่อให้เซ็ตตัว จะทานตอนอบเสร็จใหม่ ๆ ร้อน ๆ ก็ได้ หรือจะทิ้งไว้ให้เย็นก็ได้เหมือนกัน ตามปกติ คืชมักจะถูกเสิร์ฟให้เป็นอาหารว่างโดยทานพร้อมกับสลัด แต่บางท่านก็ทานคีชเป็นอาหารกลางวันหรืออาหารเย็นไปเลย
1
คีชได้ถูกพัฒนาให้เป็นหน้าต่าง ๆ จากอาหารที่เป็นมังสวิรัติ( เพราะไม่ใส่เนื้อสัตว์ ) ก็มีการเติมเบคอน ต่อมาก็เติมเนื้อสัตว์อย่างอื่นเช่น หมูแฮมอิตาลี(prosciutto) ปลาแซลมอน ไปจนถึงล็อบสเตอร์ มีการเติมผักต่าง ๆ เช่น หัวหอมใหญ่ ถั่วลันเตา บล็อกโคลี่ มันฝรั่ง ไปจนถึงลูกอินทผาลัม ตามแต่ใครจะคิดสูตรขึ้นมา
คราวนี้พอถึงงานฉลองพระราชพิธีราชาภิเษกของกษัตริย์อังกฤษ ก็มีธรรมเนียมของงานนี้อยู่อย่างหนึ่งก็คือ การที่องค์พระมหากษัตริย์ที่ได้รับการราชาภิเษกจะทรงเลือกอาหารอย่างหนึ่งเป็น “อาหารของวันบรมราชาภิเษก” ที่เรียกเป็นภาษาฝรั่งว่า Coronation Dish
ในปีนี้ พระเจ้าชาร์ลส์ทรงเลือกคีชให้เป็นอาหารของวันบรมราชาภิเษก โดยคีชของพระเจ้าชาร์ลส์นี้นอกจากจะประกอบด้วยนม ครีม และไข่ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของคีชแล้ว วัตถุดิบที่ทำให้คีชนี้แตกต่างจากคีชอื่นก็คือ ผักโขม ถั่วปากอ้าหรือ broad bean และทาร์รากอน(tarragon) ซึ่งเป็นผักสมุนไพรใช้เป็นเครื่องเคียงประกอบอาหาร
Coronation Quiche ขอบคุณภาพประกอบจาก whatagirleats
วิธีทำก็เช่นเดียวกับคีชทั่วไปคือ เอาเนยแข็ง Cheddar มาขูดแล้วตั้งพักไว้ ผสมนมสดและครีมเข้าด้วยกัน แล้วตอกไข่ลงไป 2 ฟอง ตีไข่ให้เข้ากับนมผสมครีม เสร็จแล้วตั้งพักไว้เช่นกัน
คราวนี้เอาถาดที่เป็นแป้งขนมพายขึ้นมา ใส่เนยแข็ง Cheddar ที่ขูดไว้ลงไปครึ่งหนึ่ง แล้วก็เทส่วนผสมที่เป็นนม ครีมและไข่ไปจนเต็ม เอาผักโขมต้มสุกแล้วมาตัดออกเป็นท่อนเล็กๆ แล้ววางลงไปในคีช เอาถั่วปากอ้าที่ต้มแล้ว(ไม่ใช่แบบกรอบ ๆ ที่เราเอามาเคี้ยวเล่นกันนะครับ) และปิดท้ายด้วยทาร์รากอนสดเล็กน้อย จากนั้นก็เอาเนยแข็งขูดส่วนที่เหลือมาวางโปะหน้าจนหมด
นำเข้าเตาอบประมาณ 20 นาที ก็จะได้ Coronation Quiche สีเหลืองทอง ตรงกลางมีไส้เป็นผักหลายชนิด เป็นอาหารมังสวิรัติและมีคุณประโยชน์มากมาย
ขอบคุณภาพประกอบจาก whatagirleats
เป็นที่ทราบกันดีว่า พระเจ้าชาร์ลส์ทรงเน้นอาหารที่เป็นธรรมชาติ ( ไปดูได้จาก Gourmet Story ตอนที่แล้ว ) และพระองค์เองก็จะเสวยอาหารมังสวิรัติสัปดาห์ละ 2 วัน ดังนั้นจึงไม่น่าจะประหลาดใจอะไรที่พระองค์ทรงเลือกอาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์เป็นอาหารของวันบรมราชาภิเษก
นอกจากนี้ เหตุที่ พระเจ้าชาร์ลส์ ทรงเลือก Coronation Quiche ก็เพราะเป็นอาหารที่รับประทานร่วมกันได้หลายคน(sharing dish) จะเสิร์ฟแบบร้อนหรือเย็นก็ได้ ตามความต้องการและความชอบของแต่ละคน ดัดแปลงได้ ไม่ยุ่งยาก และมีต้นทุนค่าใช้จ่ายในราคาที่ย่อมเยาว์ สมเป็นอาหารของกษัตริย์และประชาชนจริง ๆ
เรื่องตอนที่แล้ว "ไข่ของพระราชา"อ่านได้ที่ https://www.blockdit.com/posts/645446c96983c8d3a2184335
Gourmet Story - เรื่องราวเกี่ยวกับอาหารที่เป็นเกร็ดความรู้ เล่าสู่กันฟัง เพิ่มความอร่อยของอาหารที่เรารับประทาน ติดตามได้ที่ https://www.blockdit.com/pages/5ec8e61ec4d9510ca73a2d34
โฆษณา