18 พ.ค. 2023 เวลา 11:55 • การเมือง

ก้าวไกล ในทุ่งสังหารแห่ง "คณาธิปไตย"

ตอนนี้เกมส์จัดตั้งรัฐบาลกำลังเป็นที่จับตามองของสังคม
และมีความไม่ไว้ใจต่อพรรคเพื่อไทย ที่แม้จะประกาศสนับสนุนพรรคอันดับหนึ่ง มาตลอด
แต่ก็ดูไม่มีใครเชื่อนัก
และคิดว่าพวกเขากำลังรอจังหวะ
เพื่อชิงการนำไปจัดตั้งรัฐบาลในฐานะอันดับหนึ่งเสียเอง
ซึ่งก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้
ที่จริงมันเป็นไปได้มากเลยล่ะ
ก้าวไกล อาจชนะเหนือระบอบทหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่
พวกเขามองว่าเป็นศัตรูที่สำคัญที่สุดไปแล้วได้
แต่....
ระบอบทหาร เป็นเพียงแค่กลไกระดับกลางเท่านั้น
ของระบอบอำนาจที่แท้จริงของประเทศนี้....
แล้วกลไกอำนาจที่ใหญ่ที่สุดของสังคมไทย
มันคืออะไรล่ะ ถ้าไม่ใช่ทหาร ?
ขอเชิญพบกับ
"คณาธิปไตย"
นี่คืออำนาจสูงสุดของประเทศนี้ที่แท้จริง....
คณาธิปไตย คืออะไร ?
ถ้าว่ากันตามตำรา รัฐศาสตร์ มันก็คือการที่รัฐใดรัฐหนึ่ง
ที่ถูกครอบงำโดยกลุ่มคนเพียงจำนวนเล็กน้อย
แต่มากด้วทรัพน์สินและอำนาจ
พวกเขาจะปกครองเพียงเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่ม
ตนเป็นหลัก ไม่ใช่ปกครองเพื่อผลประโยชน์ของรัฐ
ภาษาอังกฤษ เรียกระบอบนี้ว่า Oligarchy
ถ้าพูดแบบชาวบ้านที่สุด ก็คือ พ่อค้า ขุนศึก ขุนนาง
ที่รวมหัวกันครองเมือง
เพื่อหาผลประโยชน์จากประเทศนั่นเอง
ช่วงต้นสงครามยูเครนครั้งนี้ เราจะได้ยินข่าวกันมาก
ถึงกลุ่มคนที่เป็น oligarchs ในรัสเซีย ที่เป็นเครือข่าย
ของ ปธน. ปูติน อย่างอดีตเจ้าของทีมฟุตบอลเชลซี
โรมัน อับราโมวิช
หรือในทฤษฎีสมคบคิด ที่มีต่อยิวและสหรัฐ ก็จะเป็นลักษณะนี้เช่นกัน ที่เราพูดถึงตระกูลอย่าง ร็อคกี้เฟลเลอร์ , เคเนดี้ มันก็คือทฤษฎี oligarch ของอเมริกานั่นเอง
และถ้าเป็นเมืองไทย ตามข่าวลือ ก็จะเป็นขุนทหารต่างๆ
รวมหัวกับเจ้าสัวขายของกิน เจ้าสัวขายเหล้า
เจ้าสัวนักปั่นไฟฟ้า ร่วมกันปกครองประเทศ
...ซึ่งก็คือ Oligarchy แบบไทยๆนั่นเอง....
แต่ของไทยมันพิเศษกว่าที่อื่น เพราะไทยมีลักษณะของ
Deep state หรือ "รัฐพันลึก" อยู่ด้วย ภายในระบบของ
Oligarchy
ซึ่งที่อื่นจะไม่เป็นแบบนั้น อย่างในรัสเซีย พวกเขาจะไม่มีข้ามขั้ว ใครตั้งตัวเป็นศัตรูทางการเมือง ก็จะต้องถูกทำลายไป จนสิ้นซาก
ในไทยไม่ใช่แบบนั้น
ของเรา แม้ว่าฉากหน้าในสังคม และการเมือง
จะเล่นกันหนัก ส่วนตัวก็เกลียดกันจริง
แต่พวกนี้ยังคุยกันได้ เพราะมีผลประโยชน์ร่วมกันอยู่มาก
ในลักษณะตัดขาดกันไม่ได้ เพราะจะเจ็บเองไปด้วย
กรณีคุณทักษิณ เป็นอะไรที่ชัดเจนที่สุด
สำหรับสิ่งนี้ในเมืองไทย
เราจะเห็นว่า ทั้งเขา ครอบครัว และบริษัทในเครือคุณทักษิณ โดนเล่นงานกี่ครั้ง ผู้มีอำนาจในขณะนั้น
ก็จะไม่เล่นงานกันจนถึงที่สุด แบบหรือยึดกิจการไปเลย
ทั้งที่ทำได้
เหตุผลคือ พวกเขายังมีผลประโยชน์ร่วมกัน
ถ้าเล่นงานกันถึงที่สุด แบบเอาเป็นเอาตาย
ก็จะเจ็บตัวกันหมด
ดังนั้น จึงต้องทำแค่ในส่วนที่
ตกลงกันได้ ไม่เจ็บกันเกินไปเท่านั้น
...เพื่อให้เห็นภาพชัด ผมขอสมมุติเหตุการณ์แล้วกัน
....อันนี้ไม่ได้ว่าใครนะ
แต่ถ้าบังเอิญไปตรงกับใคร ก็ขออภัย 555....
เหตุการณ์สมมุติมีอยู่ว่า...
...ในอดีต ขุนทหารซึ่งมีอำนาจรัฐกลุ่มหนึ่ง ได้ให้สัมปทานรัฐกับนักธุรกิจคนหนึ่งไป ในวันที่ยังหวานชื่น
...ต่อมา นักธุรกิจคนนั้นก็ประสบความสำเร็จในกิจการที่ได้ไป สร้างกำไรได้มหาศาล จนเป็นธุรกิจผูกขาด
...เขาเริ่มเบื่อหน่ายกับการส่งส่วยผู้มีอำนาจรัฐ เลยนึกถึงการเข้าสู่อำนาจด้วยตัวเอง และทำสำเร็จ
...ขุนทหารที่เคยให้สัมปทานไป แม้หมดอำนาจจากตำแหน่งไปแล้ว แต่ก็ยังมีอิทธิพลอย่างมากในกองทัพ
และมีขุนทหารรุ่นน้องเป็นจำนวนมาก ที่เป็นหนี้บุญคุณ
เป็นมือเท้าทำงานให้อยู่ในกองทัพ และระบบราชการอื่น ก็เริ่มกลัว จึงใช้เครือข่ายอำนาจรัฐในมือ ทำลายล้างนักธุรกิจคนนั้น
...ซึ่งก็ทำสำเร็จ เอานักธุรกิจคนนั้นลงจากอำนาจรัฐได้
...แต่ อนิจจา
...ในระหว่างที่นักธุรกิจคนนั้นโตขึ้นมา เขาก็ให้ผลประโยชน์กับขุนทหารผู้ให้สัมปทานกับเขา และเครือข่ายอำนาจรัฐเป็นจำนวนมาก ทั้งเงิน หุ้น
และการเป็นคู่ค้าทางธุรกิจ
...แถมนักธุรกิจคนนี้ยังมีทรัพย์สินและหนี้สินในระบบธนาคาร ของกลุ่มทุนอีกกลุ่มอยู่มหาศาล ถ้าเขาถอนออกไป หรือธุรกิจของเขาล้มไปเลย ธนาคารพวกนี้ก็จะเสียหายอย่างมาก
...ทำให้ในที่สุด ทางขุนทหารไม่กล้าที่จะทำลายล้างนักธุรกิจคนนั้นจนถึงที่สุด เพราะกลัวกลุ่มตนเอง และกลุ่มนายธนาคารจะเดือดร้อนไปด้วย
1
...จึงได้แต่ทำแบบลูบหน้าปะจมูก นักธุรกิจคนนั้น ก็เลยไม่ต้องติดคุก เงินก็โยกหนีไปต่างประเทศได้ทัน จนเสวยสุขมาอีกนับสิบปี แม้จะเสียอำนาจรัฐไปก็ตาม...
จากนิทานเรื่องนี้ เราจะเห็นชัดเจนมาก ว่าระบบรัฐพันลึกของไทย ที่เป็นรูปแบบคณาธิปไตยเฉพาะตัวไทยนั้น
เป็นเช่นไร
รูปแบบนี้ มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาแล้วล่ะ
พ่อค้า รวมหัวกับศักดินาเนี่ย
และมันก็ยังคงอยู่ในรูปแบบนี้มาจนถึงปัจจุบัน
...จึงยากมากที่จะมีใครโค่นล้มระบบเหล่านี้ได้....
ตัดมาที่ปัจจุบัน
พรรคก้าวไกล มีนโยบายหาเสียงกับประชาชน
ที่แข็งกร้าวมากกับระบอบคณาธิปไตยของไทย
ดังนั้น เหล่า Thai oligarch ทั้งหลาย จึงพยายาม
เหลือเกินที่จะสะกัดกั้นพวกเขาจนออกนอกหน้า
เกมส์ตั้งรัฐบาลตอนนี้ พรรคก้าวไกล จึงอยู่ในสภาพ
หัวเดียวกระเทียมลีบ กลางทุ่งสังหารของกลุ่มที่มีผลประโยชน์ร่วมกันมาตลอด จากทุกฟากฝั่งของสังคม
พ่อค้ารายใหญ่ ข้าราชการ นักการเมือง
ว่ากันตามตรง พวกเขาไม่อยากได้ก้าวไกลนักหรอก
มันคุยกันยากเกินไป และไม่รู้ด้วยว่า พวกเขาจะเอาอุดมการณ์มากจนไม่เข้าร่วมกับขบวนการแบบดั้งเดิม
ด้วยหรือเปล่า
ในตอนนี้ ผมเชื่อว่าทั้งทหาร พ่อค้าผูกขาด และข้าราชการ
มองไปที่การพลิกเกมส์ให้เพื่อไทยมากกว่า
เพราะถึงฉากหน้าจะไม่ใช่พวกเดียวกัน
แบบสนิทใจเหมือนกลุ่มลุงทหาร
แต่มันก็คุยกันง่ายกว่า จากผลประโยชน์ที่มีร่วมกัน
ดังนั้น แม้เพื่อไทย จะประกาศจับมือกับก้าวไกล
เพื่อตั้งรัฐบาลแบบขึงขัง ไม่น่ามีปัญหาอะไร
มันก็ไม่มีความน่าเชื่อถืออะไรนัก นั่นเอง
ไม่ได้พยายามบอกว่า ก้าวไกล คือฮีโร่ที่เป็นตัวแทนของความเปลี่ยนแปลง ที่จะมาสู้กับระบอบอันเลวร้ายนี้
และส่วนตัว ก็ไม่เชื่อนักว่าพวกเขาจะทำสำเร็จ
เพราะอยู่ในแวดวงธุรกิจมาพอสมควร จึงเข้าใจกลไกต่างๆของอำนาจในประเทศนี้เป็นอย่างดี
ก้าวไกล และกองเชียร์วัยรุ่น อาจมองว่า
ทหารคือตัวปัญหาหลักที่ต้องจัดการ
2
และเชื่อว่าถ้าทำได้ ก็จะเปลี่ยนทุกอย่างได้
แต่ความจริงแล้ว
ทหารเป็นเพียงกลไกระดับกลางตัวหนึ่งเท่านั้น
ในกลุ่มอำนาจที่แท้จริงของประเทศไทย
ดังนั้น สิ่งที่ตอนนี้ก้าวไกลกำลังเจอ
มันหนักกว่าการสู้กับทหารเป็นร้อยเท่า
1
เพราะเค้ากำลังสู้กับระบอบคณาธิปไตย
ที่พันกันอย่างลึกซึ้ง ลึกลับ ทั้งระบบ
ไม่ต่างอะไรกับการถูกลากไปอยู่กลางทุ่งสังหารนั่นเอง
...พวกเขาจะรอดมาได้ไหม...
...จะโต้กลับได้อย่างไร...
...จะทำสำเร็จในสิ่งที่ต้องการ และที่เคยให้สัญญากับประชาชนเอาไว้หรือไม่...
1
...เวลาจะให้คำตอบกับทุกคนในไม่ช้า....
...แต่เชื่อผมเหอะ รอดยาก 😅😅😅....
ภาพ
โฆษณา