19 พ.ค. 2023 เวลา 14:00 • การเมือง

"MOU" สำคัญอย่างไร ทำไมต้องลงนามหลายฝ่าย

คำว่า “เอ็มโอยู” (#MOU) กำลังเป็นที่พูดถึงอย่างมากในสังคมไทยขณะนี้ จากข่าวการเตรียมจัดตั้งรัฐบาลผสมชุดใหม่จาก 10 พรรคการเมือง นำโดย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่จะมีการหารือรายละเอียดข้อตกลงในการทำงานร่วมกัน ก่อนจะมีการแถลงร่วมเซ็น MOU อย่างเป็นทางการในวันที่ 22 พ.ค.นี้
1
สำหรับบันทึกความเข้าใจ หรือ MOU มาจากคำว่า Memorandum of Understanding เป็นข้อตกลงระหว่าง 2 ฝ่ายหรือมากกว่านั้น โดยมีการสรุปเนื้อหาในรูปแบบเอกสารเป็นทางการ
อย่างไรก็ตาม MOU #ไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย แต่เป็นการส่งสัญญาณถึงความยินยอมพร้อมใจของฝ่ายที่ลงนาม เพื่อเตรียมเดินหน้าสู่การทำสัญญาระหว่างกัน
หลายฝ่ายอาจมองว่า MOU เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการเจรจาตามที่กำหนดขอบเขตและจุดประสงค์ของการพูดคุยกัน ข้อตกลงลักษณะนี้ส่วนใหญ่ถูกใช้ในการเจรจาสนธิสัญญาหรือข้อตกลงระหว่างประเทศ แต่ก็อาจใช้ในการทำข้อตกลงธุรกิจที่มีมูลค่าสูง เช่น การเจรจาควบรวมกิจการ ด้วยเช่นกัน
📍MOU มีหน้าที่อย่างไร
MOU เป็นการแสดงเจตจำนงที่จะทำข้อตกลง และบ่งชี้ว่าฝ่ายที่ลงนาม #มีความเข้าใจตรงกัน และจะเดินหน้าข้อตกลงนี้ แม้ไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย แต่ถือเป็นคำประกาศอย่างจริงจังว่าจะมีการทำสัญญาในเร็ว ๆ นี้
ยกตัวอย่างกฎหมายของสหรัฐ MOU เป็นเหมือนกับหนังสือแสดงความจำนง แต่จริง ๆ แล้ว เป็นเรื่องยากที่จะแยกความแตกต่างระหว่าง MOU บันทึกข้อตกลง หรือ Memorandum of Agreement (MOA) หรือหนังสือแสดงความจำนง
1
แต่ข้อที่แตกต่างชัดเจนคือ MOA #มีผลผูกพันทางกฎหมาย เอกสารทั้งหมดนี้ล้วนสื่อถึงข้อตกลงเกี่ยวกับเป้าหมายเรื่องผลประโยชน์ระหว่างกันและความประสงค์ที่จะทำให้ข้อตกลงนี้มีผลสมบูรณ์
นอกจากนี้ MOU ยังหมายถึง #ความคาดหวังที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน ของบุคคล องค์กร หรือรัฐบาลที่เกี่ยวข้อง
ในกรณีส่วนใหญ่ MOU มักถูกใช้ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพราะสามารถทำขึ้นได้อย่างรวดเร็วและเป็นความลับ หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐหลายแห่งนิยมใช้ MOU เช่นกัน โดยเฉพาะช่วงระหว่างวางแผนทำสัญญาสำคัญ ๆ
1
📍 เนื้อหา MOU ประกอบด้วยอะไร
MOU จะสรุปประเด็นเฉพาะเจาะจงของความเข้าใจร่วมกันไว้อย่างชัดเจน โดยมีการระบุชื่อฝ่ายที่ทำ MOU อธิบายโครงการที่มีการตกลงกัน กำหนดขอบเขต และรายละเอียดเกี่ยวกับบทบาทและความรับผิดชอบของแต่ละฝ่าย
ในการทำ MOU ฝ่ายที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องมีความเข้าใจตรงกัน และระหว่างนั้น แต่ละฝ่ายต้องรับทราบว่าสิ่งใดมีความสำคัญที่สุดสำหรับอีกฝ่าย ก่อนจะเดินหน้าเพื่อทำสัญญาต่อไป
ขั้นตอนนี้มักเริ่มด้วยการที่แต่ละฝ่ายร่าง MOU ที่เป็นคุณกับฝ่ายตนมากที่สุด และพิจารณาถึงผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ที่สุด สิ่งที่ฝ่ายตนเชื่อว่าจะต้องเสนอให้กับอีกฝ่าย และประเด็นใดสำหรับฝ่ายตนที่ไม่อาจต่อรองได้ ถึงตรงนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการเจรจา
📍ข้อเสียเปรียบของ MOU
ไม่ใช่ทุกคนที่เห็นด้วยกับประโยชน์ของ MOU ย้อนไปช่วงที่มีการเจรจาการค้ากับผู้แทนของรัฐบาลจีนในกรุงวอชิงตัน เมื่อปี 2562 โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐในขณะนั้น ถูกผู้สื่อข่าวถามว่าเขาคาดหวังให้ MOU ระหว่างสหรัฐกับจีนมีผลนานเพียงใด
1
“ผมไม่ชอบ MOU เพราะมันไม่มีความหมายอะไรเลย” ทรัมป์ตอบ
หลังจากมีการหารือกันระดับหนึ่ง รัฐบาลสหรัฐก็ตัดสินใจว่า เอกสารใด ๆ ก็ตามที่มาจากการเจรจาดังกล่าวจะถูกเรียกว่า “ข้อตกลงการค้า” ไม่ใช่ MOU
อ่านเพิ่มเติม: https://www.bangkokbiznews.com/world/855684
โฆษณา