22 พ.ค. 2023 เวลา 01:01 • ความคิดเห็น
ก่อนอื่นต้องบอกว่า คำตอบของเพื่อน ๆ ทุกคนดีมาก 👑 เราขออนุญาตเสริมก็แล้วกัน
และขอชม จขพ. ที่คุณรู้ทันความคิด คือดีมากแล้ว และยังมีความกล้าที่จะออกจากปัญหา มองหาวิธีแก้ไข เก่งมากค่ะ
ความคิดของคนเราเขาขี้อาย พอเรารู้ทันปุ๊บ มันจะหยุดคิดทันที จุดนี้คือข้อแตกต่างของคนคิดมาก กับคนคิดเป็น
คนคิดมากจะปรุงความคิดนั้นต่อเนื่อง จินตนาการไปต่าง ๆ ด้วยความกลัวที่ยังติดค้างอยู่ในใจ
ส่วนคนคิดเป็น พอจับความคิดได้แล้ว (รู้ทัน สติ ) แยกความคิดได้
เมื่อมีความคิดที่เป็นลบ ความคิดที่ไม่สบายใจเข้ามา เมื่อเห็นหรือรู้ทันแล้ว เขาจะสลัดมันออก
เราทุกคนมีสิทธิ์ควบคุมความคิดของตัวเองได้ แค่ไม่ปรุงความคิดลบนั้นเพิ่ม
พาตัวเองออกจากหลุมดำทางความคิด ด้วยสติ และปัญญา
ถ้าคุณมีศรัทธาต่อสิ่งใดเป็นพิเศษ ให้ตั้งจิตอธิษฐานขอกำลังเสริม
ทางพุทธ พระพุทธเจ้า ทำความดีถวายท่าน
ทางคริสต์ ขอพระเจ้าเสริมกำลัง
หรือตัวเรานี่แหละคือคนที่จะพาตัวเองออกไปได้
ทำได้ด้วยการเขียนระบายเรื่องราวที่ติดค้างอยู่ในใจนั้นออกมาให้หมด
เขียนด้วยใจที่ยอมรับ ศิโรราบแล้ว ใจดีกับตัวเอง ยุติธรรมต่อคนอื่น (ใจเป็นกลาง)
เขียนแล้วไม่ต้องให้ใครอ่าน เขียนแล้วฉีกทิ้งก็ได้ หรือถ้าจะอ่านให้ทิ้งไว้ก่อนสักเดือนหรือสองเดือนค่อยกลับมาอ่าน
การยอมรับความผิด แค่รู้แล้วว่าผิด ขอโทษนะ อาจไม่ได้ผล
ต้องยอมรับแบบ สำนึกผิดแล้วจริง ๆ
การเขียนจะพาคุณไปถึงจุดนี้ได้
ในระหว่างเขียน อาจพบความรู้สึก โกรธ เกลียด คับแค้นใจ อึดอัด ร้องไห้ ก็ปล่อยให้มันเป็นไป เขียนไปจนกว่าจะเจอกับความสบายใจ โล่ง เบา อิสระ
ปลดปล่อยเรื่องราว สิ่งที่ค้างคาในใจ ไว้กับน้ำหมึกและกระดาษ นั่นไม่ใช่ภาระของคุณอีกต่อไปแล้ว
เขียนให้จบ แล้วคุณจะไม่คิดวกวนอีกต่อไป
น้ำตาจะช่วยสลายม่านหมอกในใจ ชำระล้างความทุกข์เศร้า
เป็นเพื่อนยามเหงา
ทำให้มองทุกอย่างได้ชัดเจนขึ้น
โฆษณา