23 พ.ค. 2023 เวลา 01:00 • ถ่ายภาพ
Sapa

Sapa, Vietnam เมืองแห่งสายหมอก

ซาปาเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่ทางตอนเหนือของเวียดนาม พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงมีอากาศเย็นตลอดทั้งปีและมีหมอกคลุม จึงได้ชื่อว่าเมืองในสายหมอก
3
เนื่องจากซาปาเป็นพื้นที่ภูเขาสูงซะส่วนใหญ่ คนในพื้นที่ก็จะเป็นชาวเขาเผ่าต่าง ๆ กระจายกันอยู่รอบเขต เราว่าที่นี่เหมาะกับคนรักธรรมชาติมาก นอกจากอากาศดี ๆ แล้ว ซาปายังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจให้เพื่อน ๆ มาชมหลายจุดเลยนะ
2
เดินเล่นในเมืองซาปา
เดินทางมาถึงซาปาแล้วก็เดินเล่นในเมืองซะหน่อย ในสมัยก่อนตอนที่เวียดนามยังตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส ที่เมืองนี้ได้กลายเป็นบ้านพักตากอากาศของทหารฝรั่งเศส เราจะเห็นเค้าโครงของยุคอาณานิคมผ่านสถาปัตยกรรมในเมืองที่สร้างแบบอาคารฝรั่งเศสเป็นส่วนใหญ่
1
เดินไปเดินมาเราเจอกับทะเลสาบซาปา เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่อยู่กลางเมือง ผู้คนนิยมมานั่งพักผ่อนและถ่ายรูปเช็กอินกันที่นี่ บริเวณรอบ ๆ ก็มีร้านอาหารและโรงแรมกระจายรอบทะเลสาบ
โบสถ์หินแห่งเมืองซาปา (The Ancient Stone Church)
จากทะเลสาบซาปาเราเดินไปอีกหน่อยก็เจอกับโบสถ์หินแห่งนี้ โบสถ์หินแห่งเมืองซาปาเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่สำคัญของเมือง สร้างขึ้นด้วยหินช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดยชาวฝรั่งเศสที่ย้ายถิ่นฐานเข้ามาร่วมกันออกเงินสร้าง ตัวโบสถ์ถูกออกแบบเป็นไม้กางเขนในสไตล์โรมันคาทอลิกตกแต่งแบบเรียบง่าย แม้ว่าในตอนนี้ชาวฝรั่งเศสจะย้ายกลับไปแล้ว แต่โบสถ์แห่งนี้ก็ได้รับการอนุรักษ์เอาไว้เป็นอย่างดีและชาวซาปาที่เป็นคาทอลิกก็ยังคงใช้ประกอบพิธีจนทุกวันนี้
วิวระหว่างทางกับการเดินทางในสายหมอก
วันต่อมาเราออกเดินทางไปหมู่บ้านกัตกัต เช้าวันนี้หมอกลงหนามาก แต่พอเดินทางมาสักช่วงหนึ่งท้องฟ้าก็เริ่มเปิดจนเห็นวิวสองข้างทาง
ภาพที่เห็นเป็นวิวภูเขาอลังการแบบเต็มตา เรียกได้ว่าเป็นภาพภูเขาที่ล้อมตัวเราแบบพาโนรามาก็ว่าได้ มีหมู่บ้านเล็ก ๆ เรียงรายตลอดเส้นการเดินทางและแปลงนาขั้นบันไดของชาวบ้านกระจายอยู่ทั่ว เราว่าถ้ามาเที่ยวในช่วงที่ทุ่งนาเป็นสีเขียวน่าจะฟินน่าดูเลยล่ะ
หมู่บ้านกัตกัต (Cat Cat Village)
หมู่บ้านกัตกัต (Cat Cat Village) เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ของชาวม้งดำ และยังเป็นหมู่บ้านที่เก่าแก่ที่สุดในหมู่บ้านทั้งหมดของเมืองซาปา จังหวัดหล่าวกาย (Lao cai) เรานั่งรถจากซาปามาที่นี่ใช้เวลาแค่ 10 นาทีก็เดินทางมาถึงแล้ว
1
พอเดินเข้ามาในหมู่บ้านเพื่อน ๆ จะเห็นร้านค้าเรียงรายเต็มสองข้างทาง มีขายทั้งของที่ระลึก อาหาร เครื่องดื่ม ส่วนใครอยากเช่าชุดพื้นเมืองก็มีร้านเช่าชุดให้บริการอยู่หลายร้านเลยล่ะ
ทางเดินในหมู่บ้านจะยาวประมาณ 1 - 2 กิโลเมตร ตามทางเดินเราจะได้เห็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ รวมถึงเสน่ห์ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างลงตัว
น้ำตกในหมู่บ้านกัตกัต
หมู่บ้านแห่งนี้อยู่ติดกับน้ำตกเล็ก ๆ ระหว่างเดินเล่นในหมู่บ้านเราจะได้ยินเสียงน้ำตกตลอดเวลา จนเดินมาอีกหน่อยก็เจอกับน้ำตกกัตกัต หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าน้ำตก Tien Sa Waterfall
2
แม่น้ำของน้ำตกแห่งนี้ไหลผ่านหมู่บ้านเลยล่ะ เราจะเจอกับชั้นน้ำตกเล็ก ๆ อยู่กลางหมู่บ้านเลย บริเวณโดยรอบน้ำตกมีม้านั่งให้เพื่อน ๆ ได้นั่งพักผ่อนกินลมชมวิวด้วยนะ
1
ร้านกาแฟริมทางกับวิวภูเขาไกลสุดลูกหูลูกตา
หลังจากเที่ยวหมู่บ้านกัตกัตเสร็จแล้ว เราก็ออกเดินทางไปที่ยอดเขาฟานซีปันกันต่อ แต่ก่อนอื่นขอแวะชาร์จแบตที่ร้านกาแฟข้างทางซะหน่อย
ด้วยตอนแรกเราแค่อยากจะมานั่งชิลทานกาแฟกับเพื่อนเท่านั้น แต่พอเดินเข้ามาก็ตะลึงกับวิวภูเขาน้อยใหญ่ที่เรียงตัวสลับซับซ้อนทอดยาวออกไปไกลสุดลูกหูลูกตา เราเลยขอเก็บภาพมาฝากเพื่อน ๆ ซะหน่อย
1
ตอนยกกล้องขึ้นมาถ่ายก็คิดในใจว่านี่แหละที่เค้าร่ำลืมกันว่าเป็นสวิสเซอร์แลนด์ของเวียดนาม มันเป็นแบบนี้นี่เอง
ยอดเขาฟานซีปัน (Fansipan)
เดินทางมาอีกแป๊บเดียวก็ถึงทางขึ้นยอดเขาฟานซีปันแล้ว ที่นี่ห่างจากเมืองซาปาประมาณ 9 กิโลเมตร เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในเวียดนามและคาบสมุทรอินโดจีนตั้งอยู่ในเทือกเขา Hoang Lien Son
1
วิธีเดินทางขึ้นยอดเขาฟานซีปานมีอยู่ 2 วิธี ใครที่เป็นสาย Adventure สามารถปีนขึ้นยอดเขาโดยต้องมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญคอยกำกับดูแลตลอดทั้งทริป อาจใช้เวลาเดินทางจากพื้นราบสู่ยอดเขา 2 - 3 วัน
ส่วนเราเป็นสายประหยัดเวลาก็เลือกการขึ้นไปยอดเขาโดยการนั่งกระเช้าไฟฟ้า ซื้อตั๋วเสร็จแล้วก็ใช้เวลาประมาณ 15 - 20 นาทีก็เดินทางถึงยอดเขาแล้ว ระหว่างการนั่งกระเช้าไฟฟ้าก็มองเห็นวิวสวย ๆ จากมุมด้านบนได้ตลอดเส้นทาง
ส่วนราคาขึ้นกระเช้าอยู่ที่
- ผู้ใหญ่ : 737,000 ดอง / คน
- เด็ก สูง 1 - 1.4 เมตร : 540,000 ดอง / คน
- เด็กสูงไม่เกิน 1 เมตร : ฟรี
2
หลังคาแห่งอินโดจีน
เดินทางมาถึงสถานีของกระเช้าบนยอดเขา เราสามารถเลือกขึ้นไปบนยอดได้ 2 วิธี คือการเดินขึ้นไป ใช้เวลาประมาณ 20 นาที หรือนั่งรถรางใช้เวลา 2 นาที ในราคา 99,000 ดอง / คน
วันที่เราไปถึงยอดเขามีหมอกลงหนาจัดเลย แต่ได้ฟีลดีนะ เราชอบอากาศเย็น ๆ แบบนี้แหละ มาที่นี่ต้องถ่ายรูปคู่กับอาคารเจดีย์แบบจีนซะหน่อย แล้วก็เดินไปถ่ายรูปกับจุดไฮไลต์ นั่นคือพีรามิดสามเหลี่ยมที่ตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของยอดเขาบนความสูงถึง 3,143 เมตรจากระดับน้ำทะเล ซึ่งถือได้ว่ายอดเขาฟานซีปานเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในแถบอินโดจีน จึงได้รับฉายาว่า “หลังคาแห่งอินโดจีน”
เป็นไงล่ะ ทริปตะลุยซาปาของเรา เราชอบที่นี่เพราะว่าธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และอากาศที่เย็นตลอดทั้งปี ซึ่งซาปาเป็นเมืองเล็ก ๆ สามารถเดินทางไปไหนมาไหนก็งสะดวกสบายด้วย
1
โฆษณา