30 พ.ค. 2023 เวลา 02:00 • ประวัติศาสตร์

พระพุทธเลิศหล้านภาลัย…รัชสมัยแห่งการฟื้นฟู

พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๒ แห่งราชวงศ์จักรี ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ ได้ฝากตัวเป็นศิษย์กับพระวันรัต (ทองอยู่) เพื่อเข้ารับการศึกษาเบื้องต้น ณ สำนักวัดระฆังโฆสิตาราม เดิมเรียกว่า วัดบางหว้าใหญ่
ภาพประกอบโคลงพระราชพงศาวดารเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงพระผนวช สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามงกุฎฯ เป็นสามเณร เมื่อ พ.ศ. 2360 ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
ครั้นเมื่อพระชันษาครบกำหนดสมเด็จพระบรมชนกนาถจึงโปรดเกล้าฯ ให้ทรงผนวช ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ขณะนั้นยังดำรงตำแหน่งสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร นับเป็นนาคหลวงองค์แรกในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ และถือเป็นราชประเพณีการผนวชพระบรมราชวงศ์เป็นนาคหลวงในพระบรมราชานุเคราะห์ ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม สืบมา
พระแสงดาบฝักทองเกลี้ยง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงตีขึ้นด้วยฝีพระหัตถ์ เดิมทรงทำเป็นพระแสงฝักไม้ ทารักสีดำ เคยทรงใช้เป็นพระแสงคู่พระหัตถ์ และได้มีการพระราชทานแด่สมเด็จเจ้าฟ้าบรมราชโอรสสืบเนื่องกันมาหลายรัชกาล ถือเป็นพระแสงสำคัญของแผ่นดินองค์หนึ่ง
ต่อมาในปีพ.ศ. ๒๓๔๙ พระองค์ทรงได้รับสถาปนาเลื่อนยศขึ้นเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคลที่พระมหาอุปราช มีฐานะเป็นองค์รัชทายาทสืบราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์ลำดับต่อไป ซึ่งในพระราชพิธีอุปราชาภิเษกนี้ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชได้พระราชทานพระแสงดาบฝักทองเกลี้ยง พร้อมมีพระราชดำรัสฝากพระพุทธศาสนา และพระราชทานพรให้พระองค์ทรงตั้งอยู่ในสุจริตธรรม ด้วยทรงหวังว่าพระราชโอรสจะเป็นพระเจ้าแผ่นดินผู้ปกครองบ้านเมืองให้ร่มเย็นเป็นสุข และยังพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไปในภายภาคหน้า
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒
เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเสด็จสวรรคต สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร ที่พระมหาอุปราชจึงได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ และได้สืบทอดพระราชดำรัสของสมเด็จพระบรมชนกนาถในการปกครองบ้านเมืองด้วยความเป็นธรรม ธำรงไว้ซึ่งพระพุทธศาสนา และให้ราษฎรในแผ่นดินตั้งอยู่ในศีลธรรม
โดยนับแต่ปีแรกของรัชกาลโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติเรื่องห้ามเลี้ยงไก่ นก ปลากัด เพื่อการพนัน และออกพระราชกำหนดห้ามสูบ ขาย หรือซื้อฝิ่น พร้อมกำหนดบทลงโทษผู้ฝ่าฝืนอย่างเด็ดขาด เพื่อให้พสกนิกรงดเว้นจากอบายมุขและสิ่งเสพติดให้โทษ
เวียนเทียนวันวิสาขบูชาจิตรกรรมฝาผนัง วิหารพระศรีศาสดา วัดบวรนิเวศวิหาร
ในขณะเดียวกันทรงส่งเสริมให้ไพร่ฟ้าประชาราษฎร์ทุกชนชั้นหมั่นบำเพ็ญกุศลเป็นอาจิณ โดยพระองค์ทรงประพฤติตนเป็นแบบอย่างในการให้ทาน รักษาศีล และไถ่ชีวิตสัตว์เป็นทานอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะเมื่อคราวฟื้นฟูการประกอบพระราชพิธีวันวิสาขบูชาซึ่งเลือนหายไปตั้งแต่สมัยอยุธยา โปรดเกล้าฯ ให้จัดพระราชพิธีตามอย่างประเพณีที่ถือปฏิบัติกันมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย
โดยเริ่มในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ ถึงแรม ๑ ค่ำ เดือน ๖ ตลอดระยะเวลา ๓ วัน พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงรักษาพระอุโบสถศีล และปรนนิบัติพระสงฆ์ ปล่อยนก ปล่อยปลา ห้ามเสพสุรา ห้ามฆ่าสัตว์ เวลาเพลให้มีพระธรรมเทศนาในวัดราษฎร์และพระอารามหลวง เวลาค่ำให้ถวายประทีป ตั้งโคม แขวนเครื่องสักการะ และเวียนเทียนบูชาพระรัตนตรัย
เมื่อครั้งบ้านเมืองประสบภัยพิบัติครั้งใหญ่จากอหิวาตกโรค ผู้คนล้มตายหลายหมื่นคน พสกนิกรต่างหวาดกลัวต่อมรณภัยที่ระบาดไปทั่วแว่นแคว้น พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยโปรดเกล้าฯ ให้ดำเนินการด้านการรักษาพยาบาลเพื่อเยียวยาโรคทางกาย และนำพิธีกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับพระพุทธศาสนามาเป็นเครื่องเยียวยาสภาพจิตใจ
โปรดเกล้าฯ ให้ตั้ง พระราชพิธีอาพาธพินาศ อัญเชิญพระบรมธาตุและพระแก้วมรกตออกแห่ พระราชาคณะประพรมน้ำพระปริตรทั้งทางบกและทางน้ำเพื่อขับไล่โรคร้าย ให้สวดพระพุทธมนต์ทั่วพระนคร ส่วนพระองค์เองก็ทรงรักษาอุโบสถศีล และให้ชีวิตสัตว์เป็นพระราชกุศล เพียงระยะเวลา ๑๕ วัน โรคระบาดที่คร่าชีวิตผู้คนไปจำนวนมากก็หายไปจากพระนครอย่างอัศจรรย์
พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ภายในพระบรมมหาราชวัง
การบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นธรรมทานในครั้งนี้ยังเป็นที่มาของการสังคายนาบทสวดมนต์แปลเป็นภาษาไทยเป็นครั้งแรกของกรุงรัตนโกสินทร์ โปรดดกล้าฯ ให้แปลบทสวดมนต์เป็นภาษาไทย และให้เจ้านายรวมทั้งข้าราชการฝ่ายในฝึกสวดมนต์ที่หอพระและพระที่นั่งไพศาลทักษิณทุกวันจนชำนาญ ถูกต้องทั้งอักขระและท่วงทำนอง กล่าวกันว่า
ช่วงเวลากลางวันเจ้านายและข้าราชการฝ่ายในแบ่งหัดซ้อมสวดกันเป็นหมู่เป็นพวก ส่วนในเวลากลางคืนพร้อมกันไปสวดถวายพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยในท้องพระโรงในเป็นประจำทุกคืน โดยมุ่งให้เกิดบุญกุศลมาคุ้มบ้านคุ้มเมืองให้ปลอดภัยจากอุปัทวันตรายต่างๆ และเพื่อรักษาประเพณีอันดีงามของพระพุทธศาสนาให้คงอยู่ ประเพณีการสวดมนต์ทั้งคำบาลีและคำแปลเป็นภาษาไทยนี้ยังคงสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน
ในด้านการคณะสงฆ์ ทรงปรารถนาให้คณะพระภิกษุสามเณรมีความงดงามทั้งด้านปฎิบัติและปริยัติ เป็นที่ตั้งแห่งศรัทธาของมหาชน จึงทรงอาราธนาสมเด็จพระสังฆราชให้แต่งหนังสือโอวาทานุสาสนีแจกจ่ายไปตามพระอารามให้คณะสงฆ์ทั่วพระนครรับทราบข้อวัตรปฏิบัติอันสมครแก่สมณะ และทรงยกมาตรฐานความรู้ของพระภิกษุสามเณรเพื่อให้แตกฉานในภาษาบาลีและพระไตรปิฎก
1
โดยจัดระเบียบการสอนและการสอบพระปริยัติธรรมใหม่ จากเดิมในสมัยกรุงศรีอยุธยากำหนดหลักสูตรเป็นเปรียญ ๓ ขั้น คือ เปรียญตรี เปรียญโท และเปรียญเอก มาเป็นระบบเปรียญ ๙ ประโยค กำหนดหลักสูตรให้ยากขึ้นตามลำดับ และพระราชทานพระราชทรัพย์เป็นทุนสร้างคัมภีร์ใบลานเพื่อเป็นอุปกรณ์ช่วยในการศึกษา นับว่าหลักสูตรการเล่าเรียนบาลีที่ปรับปรุงใหม่นี้ทำให้การศึกษาพระไตรปิฎกได้มาตรฐานและเจริญขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก
1
พระไตรปิฎกฉบับทองใหญ่ สร้างขึ้นในปีพ.ศ. ๒๓๓๑ หลังเสร็จสิ้นการสังคายนา
ทั้งยังทรงมีรับสั่งให้สำรวจตรวจสอบคัมภีร์พระไตรปิฎกใบลานหลวงที่ประดิษฐาน ณ หอพระมณเฑียรธรรมภายในพระบรมหาราชวัง ซึ่งสร้างขึ้นหลังสังคายนาพระไตรปิฎกในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทำให้พบว่าคัมภีร์พระไตรปิฎกหลวงบางชุดได้สูญหายไป เนื่องจากในรัชกาลก่อนทรงอนุญาตให้พระภิกษุสามเณรขอยืมคัมภีร์พระไตรปิฎกไปคัดลอกตามพระอารามต่าง ๆ ได้ แต่ภายหลังก็ไม่นำส่งต้นฉบับคืน และทางฝ่ายเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ดูแลก็มิได้ติดตามเรียกคืนมาให้ครบ
2
จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างคัมภีร์พระไตรปิฎกหลวงขึ้นซ่อมแซมฉบับที่สูญหายไปจนครบบริบูรณ์ และได้สร้างคัมภีร์ใหม่ขึ้นอีกฉบับ เรียกว่า ฉบับรดน้ำแดง มีลักษณะเด่น คือ ใบลานปกหน้าและปกหลังตกแต่งด้วยลายรดน้ำบนพื้นรักแดง ขอบลานทั้ง ๔ ด้านปิดทองทึบ กึ่งกลางขอบลานด้านยาวมีชาดล่องกลาง ที่รอยต่อของทองกับชาดมีเส้นดำคั่นเป็นขอบคิ้วทั้งสองข้าง
คัมภีร์ขนฺธวารวคฺคปาลิ สํยุตฺตนิกาย ฉบับรดน้ำแดง ไม้ประกับลายทองจีนมีรูปสัญลักษณประจำรัชกาล เป็นรูปวงรีตรงกลางเป็นภาพครุฑยุดนาค ขนาบด้วยฉัตร ๕ ชั้น พื้นที่ว่างเป็นลายช่อกนกเปลว อยู่ที่ริมขวาและซ้ายของลานที่ใบปกรองและใบปกหลังของคัมภีร์แต่ละผูก : Cr. คัมภีร์ใบลานฉบับหลวงในสมัยรัตนโกสินทร์
ตลอดรัชสมัย ๑๖ ปี ที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเสด็จขึ้นครองราชย์ ทรงสืบทอดพระราชปณิธานและพระราชภารกิจน้อยใหญ่จากพระบรมชนกนาถ ทั้งในยามบ้านเมืองปกติสุขและประสบเภทภัย ทรงนำคำสอนในพระพุทธศาสนามาเป็นแนวทางเพื่อการบริหารแผ่นดิน ปลูกฝังให้ประชาชนทุกระดับชั้นมีพื้นฐานศีลธรรมในใจ โดยทรงลงมือปฏิบัติเองเป็นแบบอย่างแก่ข้าราชบริพาร และจัดระบียบการคณะสงฆ์ให้เป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใส
1
ราชธานีในยุคของพระองค์จึงมั่นคงร่มเย็น เป็นยุคแห่งการฟื้นฟูด้านศิลปวัฒนธรรมทุกสาขาให้วิจิตรตระการตาเป็นเกียรติยศยิ่งของพระนครดั่งร่ายเฉลิมพระเกียรติว่า
“พระบาทบรมพงศ์ ลงทั่วท้าวถวายมือ ฦาพระยศฟุ้งฟ้า หล้าศิระสยบ ลบสุรมลาย หายเศิกเสี้ยนเสียราบ ทาบทุกทิศด้าว น้าวนครดาลเดช เขตขัณฑกว่ากว้าง ช้างเผือกผู้มากมี พระนครศรีอยุธยายิ่งแล้ว ฤาทิพยรัตนกรุงแก้ว เกียรติล้ำใดเสมอแลฤาฯ”
1
อ้างอิงท้ายบทความ
ก่องแก้ว วีระประจักษ์ และวิรัตน์ อุนนาทรวรางกูร. คัมภีร์ใบลานฉบับหลวงในสมัยรัตนโกสินทร์. กรุงเทพ : กรมศิลปากร, ๒๕๔๖.
สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์. มกุฏกษัตริยานุสรณ์. กรุงเทพฯ : อมรินทร์พริ้นติ้ง, ๒๕๕๓.
 
สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร. วิวัฒน์การอ่านไทย. กรุงเทพฯ : สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, ๒๕๕๖.
ติดตามความรู้เนื้อหาสาระดีๆ ได้ที่
โฆษณา