24 พ.ค. 2023 เวลา 09:52 • การเมือง

คิดถึงผลที่จะตามมาบ้าง...

ประเด็นจัดตั้งรัฐบาลตอนนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่สุด
ในสังคมไทย
ใครจะสนับสนุนหรือต่อต้าน มันก็เป็นสิทธิของแต่ละคน
ความเห็นต่างนั้นเป็นเรื่องปกติ
แต่เรื่องที่ถูกยกมามากที่สุด จากฝ่ายอนุรักษ์นิยม
และ ส.ว. ซึ่งผมมองว่ามันค่อนข้างไม่ควรอย่างยิ่ง
ที่จะใช้มาเป็นธงในเกมส์การเมือง
....นั่นคือเรื่อง มาตรา 112 ....
มันเป็นเรื่องอ่อนไหว และไม่บังควร
แม้จะบอกว่าทำเพื่อปกป้องก็ตาม
และต่อให้บริสุทธิ์ใจ ก็ยังถือว่าไม่ควรใช้ประเด็นนี้นำ
เพราะในระยะยาว จะส่งผลเสียกับสถาบันมากกว่าผลดี
ความจริงแล้ว การพิจารณาใดๆ ในการประชุมสภาฯนั้น
มันมีวาระที่ค่อนข้างชัดเจน ว่าเป็นเรื่องอะไร
ในชั้นนี้ คือ การเลือกนายกรัฐมนตรี
พิธา จนถึงตอนนี้ เขายังไม่มีคุณสมบัติต้องห้าม
ตามรัฐธรรมนูญ
แม้แต่ประเด็น 112 ที่เขาบอกว่า ต้องแก้
มันก็ยังไม่ได้ถูกพิพากษาว่าเป็นความผิด
จากการเคยเสนอกับสภาฯไป ในชุดที่แล้ว
ตามหลักกฎหมายไทยนั้น การเปลี่ยนแปลงข้อกฎหมาย
ด้วยวิธีทางรัฐสภา ไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายแต่อย่างใด
แม้แต่รัฐธรรมนูญก็แก้ได้
แม้ว่าพิธาเอง จะบอกว่าต้องการแก้ แต่ตราบที่เขาไม่ได้
ใช้วิธีนอกรัฐธรรมนูญ มันก็ไม่ใช่คุณสมบัติต้องห้าม
การเอาประเด็นนี้มาตั้งรังเกียจ ทั้งที่ไม่ใช่วาระ
ไม่ใช่ความผิดตามกฎหมาย หรือมีคุณสมบัติต้องห้าม
จึงไม่ควรอยู่แล้วถ้าว่ากันตามหลักของกฎหมาย
และในกรณีนี้ มันคือเสียของประชาชนตามกติกา
หลักรัฐศาสตร์ ก็ควรถูกพิจารณาด้วยเช่นกัน
จะมาใช้ความรู้สึก ไม่ได้
พูดแบบบ้านๆ ความประพฤติฝ่ายอนุรักษ์ตอนนี้
คือ ชั้นไม่เอาแก เพราะไม่เห็นด้วยกับแก
เลยเกลียดแก เลยไม่เอา
...เอาความเกลียดส่วนตัว เป็นตัวตั้ง...
...คนเราอาจเกลียดใครก็ได้ แต่สำหรับเรื่องที่ใหญ่กว่าคือผลประโยชน์ของชาติ การใช้ความรู้สึกแบบนี้
มันถูกต้องแล้วเหรอ?...
...และมันใช่เวลาพิจารณาเรื่องนี้งั้นเหรอ?....
การใช้ประเด็นนี้ค่อนข้างสุ่มเสี่ยงมาก ที่จะทำให้เกิดความวุ่นวายในสังคม
และในอีกทาง มันก็อาจส่งผลที่ไม่ดีนักกับสถาบัน
โดยเฉพาะการให้ความเห็นของฝ่ายอนุรักษ์สุดขั้ว
หลายคน มันเป็นการดูถูกประชาชนมากจนเกินไป
คือ คุณจะเอาไม่เอาพิธาเนี่ย มันเป็นสิทธิส่วนตัว
ทุกคนยอมรับได้
แต่การออกมาด่ากราดชาวบ้าน ว่าไม่รู้
หรือ โง่ หลงผิด มันไม่ควรอยู่แล้วล่ะ
กับประเด็น 112 การแสดงออกที่รุนแรงต่อฝ่าย
ปฏิรูปนั้น มันไม่ค่อยเข้าท่านัก
และสมมุติว่า พิธาต้องตกไปเพราะประเด็นนี้
เคยคิดกันบ้างไหมว่า สุดท้ายชาวบ้านจะโทษใคร?
ถ้าชาวบ้านมองว่า เงื่อนไขมันไกลกว่าตัว ส.ว. ล่ะ ?
...ผลมันจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะในอนาคต....
...ทำอะไรใช้สมองกันบ้างเถอะครับ....
ในความเป็นจริงทางกฎหมาย ระเบียบปฎิบัติ
มันไม่ใช่ว่า พิธาและก้าวไกล ได้เป็นรัฐบาลแล้ว
จะสามารถแก้กฎหมายอะไรก็ได้ตามใจ
แม้แต่การออก พ.ร.ก. ก็ยังต้องผ่านมติ ค.ร.ม.
และประเด็น 112 ก็ไม่เข้าเงื่อนไขที่จะทำแบบนั้นได้
การโหวตในสภาทั้งสูงและล่าง
ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะผ่าน
มันมีกลไกอีกหลายชั้นมากที่จะทำแบบนั้นได้
ดังนั้นถ้า ส.ว. และ ฝ่ายที่เป็นห่วงเรื่องนี้จริงๆ
ต้องการยับยั้งการกระทำเหล่านี้ ก็แค่ไปค้านในสภา
มันก็จบ ก้าวไกลก็ทำอะไรไม่ได้
...ซึ่งฝ่ายอนุรักษ์ก็รู้ดีถึงเรื่องนี้ ...
มันจึงไม่ใช่ประเด็นเลย ที่จะต้องหนิบยกมาเป็นเงื่อนไข
เพียงเพราะวิธีคิดของพรรคแกนนำ สุ่มเสี่ยงให้สังคมแตกแยกแบบที่ทำกันอยู่ตอนนี้
คำถามก็คือว่า
ทุกท่านก็รู้ว่า การแก้ 112 มันเป็นไปแทบไม่ได้
เนื้อหาการแก้ ก็ยังไม่เห็น มันอาจดีกว่าเดิมก็ได้
แล้วจะมาตั้งแง่อะไรกันตอนนี้ล่ะ มันควรจะมาพูดกันเมื่อมันเป็นวาระการประชุมมากกว่าไหม ?
ความไม่มั่นใจทางการเมืองตอนนี้ กำลังส่งผลกระทบ
ต่อเศรษฐกิจ การลงทุน เป็นวงกว้ามากขึ้นเรื่อยๆ
และยิ่งเวลาทอดยาวออกไป มันก็ยิ่งมาก และจะกระทบ
ต่อเศรษฐกิจระดับฐานรากในที่สุด
ท่านเคยสนใจสิ่งเหล่านี้หรือไม่
และเมื่อชาวบ้านเขาเดือดร้อนขึ้นมาจริงๆ เขาจะโทษใคร
...พวกท่านทำแบบ เพื่ออะไร ???.....
ถ้าจะไม่เอาพิธา ไม่เอาก้าวไกล เพราะรักสถาบันจริงๆ
แน่นำว่าหุบปากซะ กับประเด็นนี้ เลิกพูดเลิกโหนซะ
เพราะพิธาเอง ก็ยังมีเรื่องถูกร้องอยู่ที่ กกต.
ไปฟันเขาเอาตรงนั้น ด้วยอำนาจที่มีดีกว่าไหม
คือ ถ้าจะหักเสียงประชาชนจริงๆ ทำไงมันก็
น่าเกลียด และต้องทะเลาะกับชาวบ้านอยู่แล้วล่ะ
แต่ถ้าฝ่ายอนุรักษ์จะใช้ กกต. หรือเงื่อนไขอื่น
ที่ยังมีอำนาจในมืออยู่ เพื่อจัดการพิธาแทน
มันจะไม่กระทบกับประเด็นอ่อนไหว ที่ท่านห่วงนักหนา
ทำไม ไม่ทำแบบนั้นไปเลย แล้วรับเสียงด่าจากชาวบ้าน
ไว้แต่พวกเดียว รับผิดชอบกันเอง แบบแมนๆ....
...ผมถือว่าพวกท่าน ขี้ขลาดเกินจะรับผิดชอบ
ด้วยตัวเอง ถึงได้เอาเรื่องนี้มาบังหน้า
1
...และสิ่งที่ทำมันก็ไม่ควรเป็นอย่างยิ่ง...
เท่าที่เห็น ฝ่ายอนุรักษ์กำลังเล่นประเด็นอ่อนไหว
ในหมู่มวลชนของตัวเอง ให้เกิดความเกลียดชัง
ทั้งเรื่องสถาบัน และเรื่องที่เกี่ยวกับต่างชาติ
และในอีกทาง คือยั่วยุฝ่ายตรงข้ามให้เกิดความเคียดแค้น ต่อฝ่ายอนุรักษ์นิยม
การทำเช่นนี้ มีโอกาสสูงมาก
ที่จะทำให้คนลงถนนหลังจากนี้ไป
หรือว่า.....
ท่านต้องการแบบนั้น เพราะจุดมุ่งหมายที่แท้จริงแล้ว...
คือ การล้างไพ่ด้วยวิธีพิเศษ แบบที่เคยๆมา???
ผมอดคิดไม่ได้ ว่านี่คือแผนที่แท้จริงของพวกท่าน
เพราะสื่อฝ่ายท่านยิ่งมายิ่งแรง เพ้อเจ้อได้มากขึ้นทุกวันๆ
และรับลูกกันเป็นทอดๆ ในลักษณะที่ทำเป็นกระบวนการ
ข้าเก่าเต่าเลี้ยงสมัยเคยเป็น สนช. กรรมการปฏิรูป
ตอนนี้ออกมาเอาด้วยหมด...
รัฐบาลรักษาการ ก็ไม่เคยออกมาดูแลสิ่งนี้
ว่าเป็นข่าวจริงเท็จแค่ไหน โดยเฉพาะเรื่องต่างชาติ
เรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ก่อนรัฐประหารปี 49...
...ใครที่ตามการเมืองมานานๆ จะพบรูปแบบของการทำซ้ำ ด้วยประเด็นเดิมชัดเจน
... ผมจำได้ดี ในสมัยยังไปม็อบกับเสื้อเหลือง กับเพลง "เหลี่ยม" ที่มีเนื้อหาว่าคุณทักษิณรับใช้สิงคโปร์
และล้มสถาบัน ทำตัวเสมอเจ้า สร้างความเคียดแค้น
จนนำไปสู่เงื่อนไขในการรัฐประหารในที่สุด...
...และตอนนี้ มันเหมือนหนังเรื่องเก่า ที่ถูกเปลี่ยนชื่อตัวละครเท่านั้นเอง...
...และฉากจบจะลงเอยแบบเดิม ใช่หรือไม่???....
เอาเถอะ ตอนนี้กำลังทหาร อำนาจรัฐมันอยู่ในมือท่าน
ทำได้ก็ทำไป
แค่อยากให้รู้ว่า สิ่งที่ท่านทำ มันจะให้ผลในทางตรงข้าม
กับสิ่งที่ท่านพร่ำบอกว่าต้องการปกป้อง เทิดทูน
...รักกันจริง เขาไม่ทำแบบนี้ครับ ....
โฆษณา