29 พ.ค. 2023 เวลา 00:17 • ปรัชญา
ในเรื่องหนังสือพัฒนาตัวเอง เวลาเข้าไปในร้านหนังสือ เราก็เห็นหนังสือที่เรียกว่าพัฒนาตัวเอง ส่วนมากก็เป็นหนังสือแปลมา (หาหนังสือที่เป็นคนไทยเขียนไม่ค่อยมี เป็นเพราะอะไรน่ะ)..เรื่องพัฒนาตัวเอง ทั้งเรื่องความอารมณ์ อะไรต่างๆ บางครั้งก็เหมือน ไปรับอารมณ์ ไปยึดถือ ทับถมเข้าไปในตัวตนให้มันมากขึ้นไปอีก ..พัฒนาอะไรกัน พัฒนาให้ทะเยอทะยาน อยากเป็นอย่างนั้น อยากเป็นอย่างนี้ มันไม่สามารถไปแก้ไขในคำว่านิสัย อารมณ์พอใจไม่พอใจ ความโลภโกรธหลง
..อีกทั้งวิบากกรรมของตนเองขึ้นมาได้เลย โรคซึมเศร้า ..ก็ผุดเป็นดอกเห็ด ..เราเห็นเป็นอย่างนั้น สิ่งนั่นเป็นเรื่องที่เค้าว่าดีของโลก เป็นเรื่องโลกธรรม
แต่นั่นเมื่อคนเราอยู่กับโลก โลกเค้าก็ดึงจิตใจมนุษย์ให้จมอยู่กับโลก ปิดหนทางที่จะแก้ไขตนเอง ที่ถูกปิดบังด้วยอารมณ์นึกคิดในตัวตน จนคนเราไม่สามารถรู้จักจิตของตนเองเลย ไม่รู้ว่าจิตที่มาอาศัยอยู่ภายในเรือนกาย นั้นจะรับรู้อะไรได้ ก็ต้องอาศัยวิญญาณทั้งหก สื่อเข้าไปในจิตให้รับรู้
จิตที่อยู่ภายในกายนั้นก็ เหมือนนั่งอยู่ในคอก นั่งอยู่ในหุ่นยนต์ ที่เหมือนเป็นคอกสี่เหลี่ยมกักขังจิตอยู่ การเรียนรู้การจดจำอะไรต่างๆอารมณ์ต่างๆ มันก็จดจำบันทึก ลงไปในธาตุทั้งสี่ ดินน้ำลมไฟ ทำดีก็บันทึก ทำไม่ดีก็บันทึก..บันทึกเก็บไว้ตั้งแต่เกิดจนตาย
คราวนี้..การที่เราไม่รู้จักคำว่าธาตุทั้งสี่บันทึกสิ่งที่เราทำดีชั่วนี้แหละ ไม่รู้จักด้วยซ้ำไปว่า ธาตุทั้งสี่บันทึกการกระทำ บันทึกการใช้กายวาจาใจของตน แล้วยังมีเรื่องเจ้ากรรมนายที่เราเคยคล้องกรรมมา เคยเบียดเบียนกันมา เคยทำร้ายกายกันมา ก็ไหลออกมาจากธาตุทั้งสี่ ปรุงแต่งให้เป็นอารมณ์โมโหโกรธหรือทวงเวรกรรมกัน เป็นลักษณะที่ว่าทวงกรรม..ชดใช้กรรมกัน เราจึงเห็นคนที่อยู่ๆด้วยดีๆ ไหนบอกว่ารักกัน ..ก็ลุกขึ้นมาเข่นฆ่ากัน บางคู่ก็รักกันอุปถัมภ์กันดี บางคู่ก็ต้องทะเลาะกัน ..แต่ก็ไม่แยกจากกัน
เราก็มองดูหนังสือ..ที่เรียกว่า พัฒนาตนเอง ..มันพัฒนาไปทางไหนกัน ..ไปแก้ไขอะไรกันน่ะ มันแก้ไขนิสัยสันดานคนได้จริงหรือ เพราะคำว่านิสัยสันดาน อารมณ์นั้นส่วนหนึ่งมันมาจากนิสันดานที่สะสมมา ไหลออกมาแต่เหตุที่เราเคยสร้างกรรมไว้ ..มีแต่สะสมกรรมไว้ทั้งนั้น.
แล้วก็ไม่รู้จักด้วยซ้ำไปที่ พระอัสสชิ..บอกว่า สิ่งต่างๆไหลมาแต่เหตุ เราก็ดับเหตุนั้นเสีย .คนยุคสมัยนี้ได้ยืนคำนี้ นึกถึงเรื่องราวอะไร..จะเข้าใจเหมือนพระสารีบุตรเข้าใจหรือไม่
นั้นก็คือ คำพูดประโยคเดียวกัน คำจากวาจาของพระอัสสชิ ที่ท่านมีบารมี สามารถส่งเข้าไปสะกิด จิตของพระสารีบุตรได้ เหมือนเคยอุปถัมภ์ค้ำขูกันมา นั้นก็เป็นเรื่องราวของคำว่า ธรรมที่สะกิดจิตของผู้ที่มีบุญบารมี ..แล้วพระสารีบุตร ก็ถามว่าใครน่ะ เป็นอาจารย์ของท่าน ..เราอยากพบอาจารย์ของท่าน..ช่วยพาเราไปพบอาจารย์ท่านด้วย ..นั่นก็เป็นเรื่องของผู้ที่มีปัญญาธรรม..พร้อมที่จะไปฟังธรรมต่อเบื้องพระพักตร์ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า..เพื่อชำระสะสางจิตจนบรรลุเป็นพระอรหันต์อัครสาวกของพระพุทธเจ้า ..
แม้แต่เรื่องอริยสัจสี่ คนเราหากินอยู่กับโลก ก็นำไปแปลความหมายเพื่อไปทำมาหากิน ..มันก็จมอยู่กับโลกอยู่กับกรรม ไม่รู้จักคำว่าทุกข์ด้วยซ้ำไป เรื่องอริยสัจสี่ ..เค้าเรียนรู้กันเป็นชาติๆ อเนกชาติ ..ที่ได้กายมาเป็นมนุษย์…เมื่อจิตออกจากกายมนุษย์ต้องเดินทางไปไหน…จมอยู่ในวัฏฏะ ..เกิดๆตายๆ ..ไปอยู่สถานที่ใด มีกายอะไรให้อาศัยต่อไป..คนยุคนี้ไม่สนใจ ..เห็นว่าเกิดตายเป็นของธรรมดาสามัญ ..จึงไม่เห็นความสำคัญของเรือนกายที่อาศัย เพื่อนำมาแก้ไข ..สร้างบุญกุศลบารมี ..เพราะจิตไม่รู้จักคำว่าบุญกุศลบารมีเอาเสียเลย
…ธัมมัง..จักรวาลัง วิมุตติยา ทัศนะวิสุทธิ…
โฆษณา