1 มิ.ย. 2023 เวลา 15:06 • หนังสือ

ข้อคิดที่ได้จากหนังสือ Skill Before Passion

ผู้แต่ง:Cal Newport
ผู้แปล:พรรณี ชูจิรวงศ์
สำนักพิมพ์:Welearn
.
ผมเชื่อว่าหลายๆคนที่เบื่องานประจำ คงเคยได้ยินคำพูดที่ให้ “ทำตามเสียงหัวใจ” “ทำในสิ่งที่ตัวเองรักแล้วคุณจะไม่รู้สึกเหนื่อยกับการทำงาน” หรือ “ไขว่คว้าความฝันซะ” จนเคยชินและคิดว่าเป็นเรื่องที่รู้สึกว่า เราควรจะออกจากวังวนที่น่าเบื่อของงานประจำ ที่ทำให้เรารู้สึกซ้ำซาก จำเจ หรือติดลูป ที่ทำให้ในแต่ละวันผ่านไปโดยไม่มีอะไรใหม่ๆท้าทายเลย
ทำในสิ่งที่ตัวเองรักแล้วคุณจะไม่รู้สึกเหนื่อยกับการทำงาน
ไขว่คว้าความฝันซะ
โดยเราจะเห็นได้จากผลงานจากคนที่ประสบความสำเร็จจากการทำตามความฝันของตัวเองหรือทำในสิ่งที่ชอบ ซึ่ง คุณ”สตีฟ จ๊อบส์” เป็น 1 ในบุคคลที่ถูกยกเป็นตัวอย่างมากที่สุดคนหนึ่ง แต่ในความเป็นจริงแล้วมีคนที่ประสบความสำเร็จดั่งเช่นผู้ก่อตั้ง บริษัท Apple ท่านนี้มากถึงขนาดไหนกันเชียว
หนังสือ Skill Before Passion นั้นไม่ได้พูดถึงเรื่องการไขว่คว้าอิสรภาพในการทำงานและการไล่ตามความฝัน ดังที่หนังสือเล่มอื่นๆต่างพูดถึง
แต่หนังสือเล่มนี้ผู้เขียน คุณ Cal Newport ได้พูดถึง การ”รักในสิ่งที่ทำ” หาใช่การ “ทำในสิ่งที่รัก” ซึ่งการตัดสินใจเลือกทำสิ่งที่รักทำให้หลายคนประสบกับความล้มเหลวหรือความผิดหวัง ซึ่งผู้เขียนได้ยกตัวอย่างเป็นการเปรียบเทียบระหว่างสองบุคคล ที่มีการตัดสินใจไล่ตามความฝันแบบเดียวกันแต่มีผลลัทธ์ที่แตกต่างกันคนนึงล้มเหลว อีกคนหนึ่งได้พบเจอกับอิสรภาพที่เขาใฝ่หา
ซึ่งผู้เขียนได้แบ่งกฎแห่งความสำเร็จนี้ออกเป็น 4 ข้อใหญ่ๆด้วยกัน คือ
  • 1.
    อย่าทำในสิ่งที่รัก เพราะการทำในสิ่งที่รักนั้นน่ากลัว
  • 2.
    เก่งจนใครก็ไม่กล้าเมิน (ความสำคัญของทักษะที่เป็นต้นทุนทางอาชีพของคุณ)
  • 3.
    ปฏิเสธการเลื่อนตำแหน่ง (ความสำคัญของอำนาจในการควบคุมอิสรภาพตนเอง)
  • 4.
    คิดเล็ก ทำใหญ่ (ความสำคัญของภารกิจที่คุณตั้งมั่น)
ซึ่งในแต่ละกฎ จะมีการยกตัวบุคคลตัวอย่างที่ปัจจัยความสำเร็จในการพบเจอกับอิสรภาพ สอดคล้องกับกฎที่ผู้เขียนได้พบขึ้น
14 ข้อคิดที่ได้จากการอ่านหนังสือเล่มนี้
1.การตัดสินใจเพียงชั่วข้ามคืนว่า ”ทำในสิ่งที่รักถึงจะมีความสุข” นั้นเป็นสิ่งที่น่ากลัว ถ้าคุณยังไม่มีต้นทุนที่พร้อมจะทำ
.
2.ผู้คนที่พบเจออิสรภาพเหล่านี้ไม่ได้ชื่นชอบสิ่งใดสิ่งหนึ่งตั้งแต่แรก แต่เกิดจากการสำรวจไปทีละเล็กน้อย จนพบว่าตนเองนั้น “รักในสิ่งที่ทำ”
.
3.ทักษะในการทำงาน เป็นต้นทุนสำคัญที่จะให้คุณพบเจอใน’สิ่งที่รัก’
.
4.ถ้าคุณอยากมีอิสรภาพให้แก่ตัวเอง คุณต้องมีสิ่งที่สามารถแลกมันมาได้ สิ่งนั้นคือ ต้นทุนทางการงานหรืออาชีพ
5.ความคิดแบบยึดความหลงใหล หรือ’การทำในสิ่งที่รักนั้น เป็นการให้ความสำคัญในตัวกระบวนการทำงาน ซึ่งบางกรณีไม่ทำให้ผลงานออกมาดีเสมอไป
.
6.ความคิดแบบช่างฝีมือ หรือ’การรักในสิ่งที่ทำ’ จะเป็นการยึดตัวผลงานเป็นหลัก เมื่อผลงานออกมาดี สิ่งนี้จะหล่อหลอมให้คุณรักในงานของคุณเอง
.
7.ฝึกฝนและเปิดรับคำวิจารณ์อยู่เสมอ เพื่อให้เก่งจนไม่มีใครสามารถเมินคุณได้ เมื่อคุณเก่งจนไม่มีใครสามารถจำกัดความสามารถคุณได้ คุณจะพบกับอิสรภาพที่แท้จริง
1
8.ความต้องการที่จะควบคุมตนเอง หรือมอบอิสระให้แก่ตนเอง จะนำไปสู่ความคิดที่จะ “ทำในสิ่งที่รัก” ซึ่งจะส่งผลให้คุณตัดสินใจลาออกจากงานที่”คุณอาจจะรักมันได้เหมือนกัน”
.
9.กฏความเป็นไปได้ทางการเงิน คือการทำในสิ่งที่คนอื่นเต็มใจที่จะจ่ายเงินให้คุณ
.
10.’ภารกิจ’หรือ’Mission’ นั้นจะเป็นตัวที่พลักดันทำให้คุณรักในสิ่งที่คุณทำ เพราะมันจะให้
เป้าหมายที่สำคัญแก่คุณและทำให้คุณเก่งจนใครก็ไม่กล้าเมิน สิ่งนี้จะสามารถให้อิสรภาพแก่คุณได้
11.ภารกิจจะเกิดขึ้นต่อเมื่อ คุณ รักในสิ่งที่ทำ และเลือกที่จะตั้งเป้าหมายว่าจะสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างไร
.
12.เริ่มด้วยการเดิมพันและตั้งเป้าหมายในสิ่งเล็กๆก่อน ซึ่งมันจะนำพาคุณไปสู่เป้าหมายที่ใหญ่ขึ้นได้อย่างแน่นอน
13.ภารกิจที่จะทำให้คุณไปสู่ความสำเร็จ ต้องโดดเด่นและสร้างการรับรู้ให้แก่คนอื่น ซึงเป็นหลักการเดียวกับการตลาดที่จะทำให้คุณโดดเด่น จนใครก็ไม่กล้าเมินคุณ
.
14.เมื่อคุณอยากออกจากงานประจำที่คุณทำอยู่แล้ว ย่อมมีคนโต้แย้งคุณ ขึ้นอยู่กับว่า เขาโต้แย้งเพราะ’คุณยังไม่เก่งพอที่จะออกมาเพียงเพราะความหลงใหลของตัวเองที่ขับเคลื่อนคุณ’ หรือ ’คุณเก่งมากจนเขาไม่อยากเสียคุณไป’ ถ้าเป็นอย่างแรกจงฟังคำเตือน ถ้าเป็นอย่างหลังคุณตัดสินใจเลือกได้เลย
คำแนะนำสำหรับหนังสือเล่มนี้ เหมาะแก่ผู้เริ่มต้นทำงานและผู้ที่กำลังตัดสินใจจะลาออกจากงานเพื่อทำตามความฝัน ว่าคุณพร้อมหรือยังในการที่จะ’ทำในสิ่งที่คุณหลงใหล’
โฆษณา