2 มิ.ย. 2023 เวลา 12:25 • ความคิดเห็น

Latte Factor : ค่ากาแฟที่จ่ายในวันนี้จะเป็นเงินเท่าไหร่ในวันหน้า?

คำว่า " Latte Factor " นั้นเป็นคำที่ดังขึ้นมาจากนักเขียนที่ชื่อว่า David Bach ซึ่งเป็นนักเขียนหนังสือแนว Personal Financeหรือการเงินส่วนบุคคลท่านหนึ่ง
คอนเซปต์ของคำๆนี้เข้าใจได้ง่ายๆคือ การที่เราใช้จ่ายไปกับอะไรสักอย่างเล็กๆน้อยๆในแต่ละวัน เมื่อรวมค่าใช้จ่ายในแต่ละวันเข้าด้วยกันแล้วก็อาจค้นพบว่ามันเป็นค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงมากเลยทีเดียว
ในที่นี้ที่ใช้คำว่า Latte จึงมีที่มาจากการที่คนซื้อกาแฟดื่มในทุกๆวัน จนเมื่อรวมค่าใช้จ่ายที่จ่ายให้กับกาแฟแล้วเป็นเงินที่ค่่อนข้างสูงมาก และอาจนำเงินก้อนนี้ไปทำอย่างอื่นต่อยอดได้
Latte Factor ของแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป บางคนอาจไอศกรีม เบียร์ ของหวาน บุหรี่ หรืออะไรก็ตามที่เรามักจะซื้อใช้ในชีวิตประจำวันอยู่บ่อยครั้ง
สำหรับความเห็นส่วนตัวของผมนั้น มีอยู่สองกรณีเกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ เพราะเคยมีดราม่าว่าเป็นเรื่องของส่วนบุคคล แต่ก็เข้าใจสิ่งที่คนช่วงนั้นต้องการจะสื่อครับ
กรณี 1 : ถ้าเราไม่มีเงินเก็บเลย แล้วพยายามหาต้นตอของการใช้จ่าย และค้นพบว่า Latte Factor ของเรานั้นทำให้เราใช้จ่ายไปค่อนข้างเยอะมากและไม่ได้สร้าง Value Add เพิ่มอะไรขนาดนั้น สำหรับผมแล้วผมก็จะมองว่าสิ่งนี้เป็น Cost หรือ Expense ที่อาจเกินความจำเป็นครับ
กรณี 2 : ถ้า Latte Factor ของเรานั้นช่วยทำให้เราทำงานหรือทำสิ่งต่างๆที่ดีขึ้น เช่นหลายๆคนถ้าไม่ได้กินกาแฟ Work Performance ของคนๆนั้นก็มีแนวโน้มที่จะน้อยลง บางคนเครียดจากการทำงาน การได้กินชานมไข่มุกเย็นๆสักแก้วก็คงจะดีไม่น้อย
ณ ตรงนี้ผมจะมองเป็น Investment ประเภทหนึ่งครับ เพราะทำให้เราสามารถทำงานไปต่อได้
แน่นอนครับว่าพวกเรานั้นเป็นมนุษย์ (แต่ ณ ปัจจุบันอาจมี AI มาอ่านบทความผมก็เป็นได้) การจะห้ามใจตัวเองนั้นเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่มนุษย์ทำได้ยากเป็นอย่างยิ่ง
ในกรณีที่เราอยากจะเก็บเงินจริงแต่เราก็ไม่สามารถที่จะลบ Latte Factor ของเราออกไปจากชีวิตได้นั้น เราก็อาจลดตัวระดับความแพงของ Latte Factor แทนก็ได้
เช่น กาแฟก็อาจดื่มที่ไม่แพงเกินตัวเกินไป โดยราคาที่เราจ่ายก็สามารถจ่ายได้ทุกวันโดยไม่รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด และอาจแบ่งส่วนเงินตรงนั้นไว้เก็บออมก็เป็นวิธีที่ดีครับ
ต้องยอมรับว่าผมก็มี Latte Factor ของตัวเองเหมือนกันก็คือค่ากาแฟเหมือนกันนี่แหละครับ5555555
ยอมรับว่าเลิกไม่ได้ แต่ผมก็ใช้วิธีลดระดับมาตรฐานกาแฟลง บางครั้งก็ชงเอง ถูกกว่าเยอะ(ปล. ผมกินกาแฟดำเย็นไม่ใส่น้ำตาล รสชาติเลยอาจคล้ายๆกัน) ซึ่งตรงนี้ก็ช่วย Save Cost ได้เยอะครับ
แต่สำหรับบางคนที่ค่าใช้จ่าย Latte Factor ของตัวเองนั้นไม่ได้เป็นปัญหาแต่ตัวเขาเป็นอย่างไรและยังช่วยให้เขานั้นทำงานได้ดีขึ้น ผมก็มองว่าไม่ต้องไปประหยัดก็ได้ครับ เพราะคนๆนั้นมีความสามารถในการสร้างรายได้ให้กับตัวเองมากพอสมควรแล้ว
ทั้งหมดนี้ก็เป็นความคิดเห็นของผมที่มีเกี่ยวกับเรื่อง Latte Factor นั่นเองครับ ใครมีความคิดเห็นอย่างไรก็สามารถคุยด้วยกันได้ครับ ยินดีรับทุกความคิดเห็นมาปรับปรุงพัฒนาตัวเองและเพื่อสังคมเช่นกันครับ :)
Credit รูป : Gencraft (AI)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา