13 มิ.ย. 2023 เวลา 16:16 • สุขภาพ

อาหารที่มีพลังชีวิต Lifefood vs Deadfood

บทความนี้จะทำให้คุณเข้าใจเรื่องอาหารที่มีพลังชีวิต และแตกต่างจากอาหารที่ตายแล้วยังไง
สรุปสำหรับคนที่ไม่มีเวลาอ่าน
  • 1.
    อาหารที่มีพลังชีวิตคือ พืช ผัก ผลไม้สุก ที่ไม่ผ่านความร้อนเกิน 50 องศา
  • 2.
    อาหารที่ผ่านความร้อนเกิน 50 องศา โปรตีนจะเปลี่ยนรูปไป ซึ่งจะเป็นพิษต่อร่างกายในระยะยาว
  • 3.
    ไม่ใช่ว่าทุกอาหารที่มีพลังชีวิตจะดีต่อร่างกาย เช่น ตระกูลไนท์เชด ที่มีเลคตินและแคลซิไทรออลสูง
  • 4.
    การหมักดองจะช่วยลดสารต้านสารอาหาร ช่วยให้อาหารปลอดภัยขึ้น
  • 5.
    สิ่งสำคัญในการเปลี่ยนไดเอท คืออย่าให้ร่างกายเครียด
LIFE food vs DEAD food
อาหารส่วนมากที่เราทานกันทุกวันนี้เป็นอาหารที่ตายแล้ว (Deadfood) เป็นอาหารที่ผ่านความร้อนสูง ส่งผลให้โครงสร้างในระดับโมเลกุลของโปรตีนหรือเอนไซม์เปลี่ยนไป ผิดรูปไปจากธรรมชาติ และร่างกายจะไม่สามารถย่อยได้
เมื่อเราทานเข้าไปไม่กี่ครั้งอาจจะยังไม่เป็นไร แต่เมื่อทานเป็นประจำตั้งแต่เกิด ของที่ย่อยไม่ได้จะถูกสะสมไว้เป็นพิษ สร้างสภาพความเป็นกรด เน่าเสียในร่างกาย และก่อเกิดเป็นโรคได้ พลังชีวิตของเราจะค่อยๆถูกดึงออกไป
อาหารที่ตายแล้ว ก็คือ อาหารที่ผ่านการผัด ต้ม ทอดทั้งหลาย เนื้อสัตว์ ของแปรรูป พาสเจอไรซ์ เบเกอรี่ ฯลฯ
อาหารชนิดไหนที่เก็บได้นาน มักจะผ่านกระบวนการยืดอายุบางอย่าง เช่น การพาสเจอไรส์ เป็นการทำลายจุลินทรีย์หรือเอนไซม์ที่จะย่อยสิ่งนั้น ทำให้กลายเป็นอาหารที่ตายแล้ว และจะอยู่ในร่างกายเราได้นานเช่นกัน
ส่วนอาหารที่มีพลังชีวิต (Lifefood) จะต้องไม่ผ่านความร้อนเกิน 50 องศาเซลเซียส เพื่อให้เอนไซม์ไม่ถูกทำลาย อาหารที่มีพลังชีวิตส่วนมากคือ ผัก ผลไม้สด เมล็ดธัญพืชบางชนิด ต้นงอก อาหารหมักดอง เช่น กิมจิ ซาวเคร้าท์ คีเฟอร์ ฯลฯ
สังเกตุง่ายๆว่าอาหารที่มีพลังชีวิตส่วนใหญ่จะเป็นผลไม้ และเมล็ดสามารถนำไปปลูกต่อได้ เติบโตได้เองในธรรมชาติ
พลังชีวิตในแต่ละผลไม้มีหลายระดับ ซึ่งขึ้นอยู่กับวิธีการปลูก การเก็บเกี่ยว อย่างผลไม้ที่เกิดขึ้นได้เองตามป่าตามธรรมชาติ โดยที่ไม่ต้องการคนดูแล มีภูมิคุ้มกันจากเชื้อราและแมลง มักจะมี DNA ที่แข็งแรงและมีพลังชีวิตที่สูงกว่า
พืชที่ต้องการการดูแลสูง ไม่สามารถเติบโตได้หากขาดการดูแล ก็จะมีพลังชีวิตที่ต่ำกว่า พืชที่โตได้เองในป่า
ส่วนพืชที่ปลูกด้วยวิธีออแกนิค ก็จะมีพลังชีวิตที่สูงกว่าพืชที่ถูกพ่นด้วยสารเคมี
และช่วงที่พืชผลมีพลังชีวิตสูงที่สุดจะเป็นช่วงที่อยู่บนต้นหรือเพิ่งเด็ดมา หลังจากนั้นพลังชีวิตจะค่อยๆลดลงตามระยะเวลา จนเน่าเสียในที่สุด
เมื่อเราทานอาหารที่มีชีวิตแล้ว ร่างกายจะสามารถย่อยได้หมด จะไม่เกิดเน่าเสียในร่างกาย จะรู้สึกสดชื่นไม่ง่วง ได้พลังงานมากขึ้น
อาหารที่มีชีวิตจะสื่อสารกับร่างกายได้ ร่างกายจะรับรู้ได้ว่าอาหารที่ทานเพียงพอหรือไม่ โดยที่เราไม่ต้องมานับแคล เพียงแค่ทานให้อิ่ม
ตามธรรมชาติแล้วอาหารอย่าง ผัก ผลไม้จะเน่าเสียได้ง่ายมาก ย่อยสลายเองได้เร็ว ไม่สามารถเก็บได้นานเนื่องจากเอนไซม์ในตัวของมันเอง อายุการเก็บรักษาของอาหารจึงเป็นอีกจุดที่ช่วยแยกแยะได้ว่า อาหารชนิดนี้มีชีวิตอยู่หรือตายแล้ว
ร่างกายจะได้แหล่งโปรตีนจากที่ไหน จะขาดสารอาหารไหม?
โปรตีนนั้นสร้างจากกรดอะมิโน (amino acid) หลายๆตัวต่อกัน ที่มีธาตุไนโตรเจน ไฮโรเจน คาร์บอน ออกซิเจนเป็นหลัก ซึ่งธาตุเหล่านี้มีอยู่ทั่วไปทั้งในอากาศ หรือในอาหารที่เป็นของธรรมชาติ อย่าง ผักผลไม้ก็มีโปรตีนเพียงพอ (สำหรับร่างกายที่สะอาด ไม่มีพิษสะสม)
ในร่างกายที่สมบูรณ์ ลำไส้สะอาด ไม่มีพิษสะสม ร่างกายสามารถผลิตสิ่งที่มันต้องการเองได้ รวมถึงโปรตีนและวิตามินต่างๆ
แต่ในร่างกายที่เคยชินกับการทาน Deadfood มาตลอดเกือบทั้งชีวิต การที่เราจะเปลี่ยนมาทานแต่ Lifefood เลยร่างกายจะปรับตัวไม่ทันและอาจขาดสารอาหารได้
การจะเปลี่ยนไดเอทให้ร่างกายจำเป็นต้องใช้เวลา อย่าให้ร่างกายเครียด และทำควบคู่กับการ เอาของเสียสะสมออก อย่างการดีท้อกซ์ (Detox) หรืออดอาหาร (Fasting) ซึ่งจะอธิบายไว้ในบทความหน้าครับ
ผลไม้หวานน้ำตาลเยอะไปไหม?
ปกติแล้วความหวานที่ได้จากผลไม้จะเป็นน้ำตาลธรรมชาติ ซึ่งเมื่อทานเป็นผลไม้ที่มีทั้งไฟเบอร์ และสารอาหารอื่นๆ ร่างกายจะสามารถจัดการนำไปใช้ได้หมด
ต่างจากน้ำตาลที่มาจาการแปรรูป อย่าง น้ำตาลทราย ที่มักถูกเติมเข้ามาในอาหาร ร่างกายไม่สามารถจัดการได้ และจะเป็นพิษตกค้างในร่างกาย เป็นอาหารของยีสและพยาธิ
ไม่ใช่ว่าทุกพืชผักที่มีพลังชีวิตจะดีต่อร่างกาย
อาหารที่มีพลังชีวิตและดีต่อร่างกายส่วนมากจะเป็นผลไม้สุก
ส่วนพืชผักที่มีพลังชีวิตบางชนิดก็ไม่ควรทานมาก เช่น ตระกูลไนท์เชด (Nightshades) ที่มีแคลซิไทรออล (calcitriol)สูง ซึ่งจะไปสร้างหินปูนเกาะตามเนื้อเยื้อและข้อต่อ ส่งผลให้ร่างกายแข็งตึงเจ็บปวด
หรือตระกูลผักเขียวใบเขียวที่มีสารแทนนิน(tannin)สูง ซึ่งจะไปยับยั้งการดูดซึมสารอาหารและแร่ธาตุต่างๆของร่างกาย ทุกอย่างมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ผักใบเขียวก็ยังมีประโยชน์ในการช่วยดึงเอาสารพิษ โลหะหนักออกจากร่างกาย รวมถึงแร่ธาตุด้วย
หรือพืชที่มีเลคติน(Lectin)สูง จะส่งผลต่อระบบย่อย ทำให้เลือดหนืด เกิดอาการแน่นหน้าอก แต่สามารถลดสารต้านสารอาหารตัวนี้ได้ด้วยการนำผืชผักชนิดนี้ไปหมักก่อน
แล้วเราจะกินอะไรได้?
หลักในการเลือกอาหารเพื่อสุขภาพง่ายๆ คือ เน้นอาหารจากพืชเป็นหลัก ธรรมชาติ มีชีวิต ไม่ใช่ของที่แปรรูปให้เก็บได้นาน เลือกออแกนิคเมื่อเป็นไปได้
ค่อยๆลดอาหารที่เป็นพิษ ซึ่งมีเยอะมาก สังเกตุได้จากจำนวนคนป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
การปรับเปลี่ยนได้เอทอาจใช้เวลาเป็นปี ขึ้นอยู่กับจิตใจและร่างกายของแต่ละคน สำคัญคือร่างกายต้องไม่เครียดเกินไป ทำให้สนุก และมีความสุข แล้วจะได้สุขภาพที่ดีครับ
อ้างอิง
โฆษณา