15 มิ.ย. 2023 เวลา 06:17 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

Suzume (2022) คำสารภาพรักต่อวงการอนิเมชั่นญี่ปุ่นของ Makoto Shinkai

Suzume เป็นอีกหนึ่งเรื่องของ Makoto Shinkai ที่ทำให้เห็นสำนึกเกี่ยวกับปรากฏการณ์ธรรมชาติของญี่ปุ่น ฑูตผีปิศาจและเทพเจ้าในเรื่องเล่าของญี่ปุ่นเป็นจักรกลขับเคลื่อนปรากฏการณ์ต่างๆ เสมอมา ถ้าเอาแค่ในวัฒนธรรมป็อป (ที่หนังสือของ Matt Alt เสนอว่าเป็นสิ่งที่ญี่ปุ่นสร้างขึ้น) เราจะเห็นมาอย่างน้อยๆ ก็ภาพวาดของ Hiroshige, Hokusai ไล่มาจนถึงการ์ตูนไคจู และศิลปะร่วมสมัย
ดังนั้น เนื้อเรื่องของ Suzume จึงไม่มีอะไรให้รู้สึกแปลกใหม่ขนาดนั้น เพราะอย่างน้อยเนื้อหาประมาณนี้ (ไม่แน่ใจว่าเรียก isekai ได้ไหม อันนี้ต้องขอความรู้) ก็เคยถูกเล่ามาแล้วในผลงานก่อนๆ เช่น Your Name
แต่เอาเข้าจริงการประเมินว่าผลงานไม่มีอะไรแปลกใหม่อาจเป็นข้อบกพร่องของผู้ชมเองก็ได้ เพราะหากต้องมนต์ 'งานภาพ' ของ Shinkai เข้าไป สมาธิที่ควรมีต่อเนื้อเรื่องก็มลายได้โดยง่าย
ภาพ (และเสียง) สามารถทำงานกับอารมณ์ของผู้ชมได้มากแค่ไหน จำเป็นต้องได้รับการพิสูจน์ด้วยตนเอง เราจำเป็นต้องตีตั๋วเข้าไปดูว่า ฝุ่นผงวันที่กำลังเกิดภัยพิบัติในจินตนาการและในประสบการณ์ของเราเป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับภาพที่ Shinkai ถ่ายทอดออกมา ท้องฟ้าวันธรรมดาที่สวยที่สุดในจินตนาการของเรา สวยเท่าท้องฟ้าที่ Shinkai ถ่ายทอดออกมาหรือไม่ ในวันที่ต้องเดินทางออกจากตัวเมืองไปเรื่อยๆ เราสามารถเปิดเพลงได้เพราะกว่าตัวเลือกของ Shinkai หรือเปล่า อะไรต่างๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องเอารสนิยมส่วนตัวเข้าเทียบ
สำหรับเรา งานภาพใน Suzume ของ Shinkai ยังคงสวยตะโกนเช่นเดิม แต่สิ่งที่ตะโกนดังพอๆ กับงานภาพคือการโค้งคำนับศิลปินรุ่นเดอะอย่าง Studio Ghibli
มันโค้งคำนับให้ Whisper of the Heart ของ Yoshifumi Kondo และผลงานอีกจำนวนมากของ Hayao Miyazaki อาทิ Spirited Away (เมืองร้างที่เชื่อมกับมิติอื่น/ มังกรขาว), Ponyo (สิ่งมีชีวิตจอมป่วนที่มีผลต่อภัยธรรมชาติ) หรือ Howl's Moving Castle (พระเอกหนุ่มหล่อสายมูผมยาว/ นางเอกหลุดไปในมิติอื่นเพื่อช่วยพระเอก/ ตัวเอกต้องด้วยคำสาป) ในกรณีของ Miyazaki ยังถูกนำไปตั้งเป็นชื่อเครื่องบินในเรื่องด้วย (เป็นที่รู้กันว่า Miyaziki บ้าเครื่องบินมาแต่ไหนแต่ไร ความคลั่งไคล้นี้ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านชื่อสตูดิโอและ Porco Rosso)
ผลงานของ Shinkai จึงไม่ใช่ความสำเร็จส่วนบุคคล แต่เป็นผลรวมของตัวแปรที่มีอยู่ในวงการอนิเมชันของญี่ปุ่นจำนวนมาก การชมผลงานของ Shinkai จึงเป็นการเข้าไปสัมผัสกับความทะเยอทะยานที่ถูกสานต่อเรื่อยมาในวงการอนิเมชั่นญี่ปุ่นไปในตัว
ถ้าต้นปีที่ผ่านมาเราตั้งสมญานามให้หนังอย่าง Babylon ของ Damien Chazelle หรือ The Febelman ของ Steven Spielberg เป็นหนังที่บอกรักวงการภาพยนตร์ (ฮอลลีวูด) การบอกว่า Suzume ของ Shinkai เป็นการบอกรักวงการอนิเมชั่นญี่ปุ่นก็คงไม่เกินจริงไปนัก
โฆษณา