19 มิ.ย. 2023 เวลา 01:35 • ท่องเที่ยว

เล่าประสบการณ์กระเป๋าสตางค์หาย แล้วได้คืนครั้งแรกในชีวิต

แถมไม่ได้หายใกล้บ้านด้วยครับ เพราะไปหายถึงอเมริกา 🥲
ด้วยความโชคดี + ความขยันตามของตัวเอง วันนี้เลยจะมาแชร์ทริควิธีการตามของหายในอเมริกากันครับ
ผมไปทำหายตอนไปเที่ยวที่ Disney World ที่ Orlando Florida ประเทศสหรัฐอเมริกาครับ
และที่พีคไปกว่านั้นคือ ณ ตอนที่ทำหาย คือไม่รู้ว่าทำหายที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร (Where When How)
รู้อย่างเดียวว่า มารู้ตัวตอนเดินทางออกมานอกรัฐ Florida แล้ว ทำให้วุ่นวายมาก แต่สุดท้ายก็ตามกลับมาจนได้ครับ
วันนี้ก็จะมาเล่าประสบการณ์ในครั้งนี้ให้ฟังตามขั้นตอนนี้เลยครับ
1. Timeline ก่อนกระเป๋าหาย
2. การจัดระเบียบความคิดเพื่อตามหาของ
3. การ Report ของหายในอเมริกา
4. ได้กระเป๋าคืนแล้ว !! 🎉
ยาวหน่อย แต่น่าจะเป็น Case Study ที่ดีได้ครับ
มาเริ่มเลย !!
📅 Timeline ก่อนกระเป๋าหาย
ผมเล่า Timeline คร่าวๆกับกระเป๋าที่หายให้แบบนี้ครับ เราจะได้เข้าใจสถานการณ์ในวันนั้น
Day 1-5 : อยู่ใน Disney Resort เที่ยวอยู่ในนั้นกระเป๋ายังอยู่ตลอดเวลา
Day 6 (วันที่กระเป๋าหาย)
6.00 - ตื่นเช้าเรียก Lyft (เหมือน Grab บ้านเรา) ไปสนามบิน
7.00 - ตรวจ Security check สนามบิน ปลดกระเป๋าทุกใบเข้าเครื่องตรวจ
8.00 - ขึ้นเครื่องภายในประเทศ (United Airline) ไป San Francisco บิน 6 ชม.
12.00 - ลงเครื่อง หยิบเงินสดมาซื้อขนมในสนามบิน แต่เป็นเงินที่ไม่ได้อยู่ในกระเป๋าใบที่หาย (เวลาที่นี่เร็วกว่า 2 ชม.)
14.00 - นั่ง Lyft อีกคันมา Check in เข้า รร เปลี่ยนชุดเพราะที่นี่หนาวขึ้น
15.00 - ออกมาข้างนอก จะซื้อของ เพิ่งรู้ตัวว่า กระเป๋าบัตรหายทั้งใบ ข้างในมีบัตรประชาชน / ใบขับบี่ / บัตร Planet / บัตรเครดิต 2 ใบ
ตอน 15.01 คือทำอะไรไม่ถูก รีบกลับมาหาที่โรงแรม เปิดทุกกระเป๋าก็หาไม่เจอ
สมอง Error ไปชั่วโมงนึง 🥲 ของก็ต้องรีบออกไปซื้อ เพราะพาน้องมา Work & Travel ต้องซื้อของเข้าบ้านเยอะไปหมด
ตอนนั้นเลยช่างแม่ง ! ออกไปทำธุระให้เรียบร้อยก่อน โชคดีที่คุณภรรยามีบัตรเครดิตสำรองให้เราใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นได้
⚡️ ที่สำคัญมาก คือเข้าไประงับบัตรเครดิตทุกใบชั่วคราว จนกว่าจะหาเจอครับ อันนี้ห้ามลืม ⚡️
🥹 การจัดระเบียบความคิด ณ ตอนนั้น
อย่างที่บอกครับ ช็อตไป 1 ชม. เลยไปทำธุระก่อน เพราะหาไปก็ไม่เจอ หลังจากนั้นจึงกลับมานั่งทบทวนว่า กระเป๋า มันจะไปหายที่ไหนได้วะ !?
ก็เลยมานั่งไล่ตาม Timeline ที่เล่าไปด้านบนเลยครับ วันที่กระเป๋าหายเราเอาตัวเองไปอยู่ใน Location ตามนี้
- Disney Resort ที่พักคืนก่อน
- Lyft นั่งรถไปสนามบิน
- MCO สนามบิน Orlando
- เครื่องบิน United Airline
- SFO สนามบิน San Francisco
- Lyft นั่งรถมาโรงแรม
- โรงแรมใน San Francisco
จาก 7 ที่นี้ มีที่เดียวที่เราสามารถเช็คได้ด้วยตัวเองคือโรงแรมในซายฟรานเท่านั้น อีก 6 สถานที่ (เป็นรถยนต์ไป 2 เครื่องบินไป 1) ต้องหาทางตามของหายเองให้ได้
อย่างแรกที่ทำคือติดต่อกลับหา Call Center ของ SCB ให้ช่วยเชคประวัติการทำรายการบัตรให้หน่อย
เพราะ ถ้าบัตรหายแล้วมีคนเอาไปใช้ ก็น่าจะมีการพยายามใช้บัตรเข้ามาในระบบ (แต่เราระงับไว้แล้ว) ทางพนักงานก็ทำให้เราเบาใจว่าไม่มีรายการพยายามใช้บัตรเข้ามาเลย
+ ถ้ามีการพยายามใช้ขึ้นมา ทาง Call Center จะติดต่อกลับมาหาเราทันทีครับ อันนี้ต้องขอบคุณการบริการของทาง SCB ไว้ด้วย เสียดายผมจำชื่อพนักงานที่ให้บริการไม่ได้ แต่ก็ให้คะแนนเยี่ยมๆไปแล้วครับ
ตอนนี้ก็อุ่นใจได้ว่า น่าจะไม่ได้หายในที่แจ้ง เช่น หล่นในสนามบิน หรือถ้าหายในที่แจ้งจริง คนเก็บไปได้ก็ไม่ได้เอาไปใช้อะไร
หลังจากนั้นขั้นตอนต่อไปจึงเริ่มหาข้อมูลว่า จะสามารถแจ้งของหายได้ที่ไหนบ้าง
📁 การ Report ของหายในอเมริกา
ขั้นตอนต่อไปก็เลยไล่ส่ง Lost & Found report ไปทุกที่เลยครับ ระบบของที่อเมริกาคือจะให้ใส่รายละเอียดของที่หายผ่านระบบของ Charger Back
ระบบนี้จะเก็บรวบรวมข้อมูลของหายเอาไว้ แล้วถ้าเจอของที่ match กับของรายงานของเรา ในสถานที่ที่เราแจ้งไปว่าทำหาย ก็จะมีการยืนยันและส่งกลับมาให้ถึงบ้านเลย เพียงแต่เราจะต้องจ่ายค่าขนส่งให้กับ Charger Back เต็มจำนวน
ณ ตอนนั้นไม่ได้คิดถึงค่าใช้จ่ายอะไร ขอแค่ได้กระเป๋าคืนก็พอแล้ว คืนนั้นก็เลยไล่ส่ง report ให้หมด เพราะไม่รู้ว่าหายที่ไหนจริงๆ มืดมนมากๆ 🥲
เริ่มจาก Disney Resort เข้าไปที่ : https://disneyworld.disney.go.com/guest-services/lost-and-found/
สนามบิน MCO / Orlando International Airport : https://orlandoairports.net/lostandfound/
สายการบิน United Airline : https://www.united.com/en/US/fly/help/report-lost-items.html
นอกจากนั้นคือส่งไปที่ TSA Checkpoint หรือจุดตรวจของก่อนเข้าสนามบิน ตรงนี้จะต้องติดต่อแยกจากของสนามบินอีกที หาเบอร์ และอีเมล์ได้ที่ : https://www.tsa.gov/contact/lost-and-found
สนามบิน SFO / San Francisco International Airport อันนี้ไม่มีให้กรอกฟอร์มใช้วิธีส่งอีเมล์ไปที่ sfolostandfound@flysfo.com
** ถ้าใครทำหายในสถานที่อื่นก็สามารถ Search Google ได้เลยครับว่า Lost and Found + ชื่อสถานที่ จะมีแนวทางการตามของอยู่ครับ
สุดท้าย เหลือ Lyft 2 คัน อันนี้เลือกใช้ระบบ Chat ไปหาคนขับได้เลย ว่าเราทำกระเป๋าหาย ช่วยเช็คให้หน่อยได้มั้ยว่าหล่นอยู่ในรถหรือเปล่า
ขั้นตอนนี้ทำได้โดยเข้าไปในแอพ Lyft -> Ride History -> เลือกคนขับ -> Find a lost item เพื่อติดต่อคนขับได้
หลังจากนั้นสิ่งที่ทำได้ก็คือ รอ ! อย่างเดียวเท่านั้นครับ เฝ้ารออย่างมีความหวัง หลังจากส่งเมล์แบบดาวกระจายไปแล้ว ระหว่างนั้นธนาคารก็ไม่ได้มีอัพเดทว่าบัตรถูกพยายามใช้รึเปล่า ก็ใจชื้นกันต่อไป
🎉 ได้กระเป๋าคืนแล้ว !!!
หลังจากผ่านไป 3 วัน ก็อีเมล์มาจาก Disney Resort ครับว่าเจอกระเป๋าที่ Match กับของเราแล้ว !!!
(ระหว่างนั้นก็มี Update ตลอดจาก ทุกสถานที่ที่เราแจ้งไป ว่ายังหาไม่เจอครับ ประมาณวันละ 1 ครั้ง)
ตอนนั้นคือดีใจ บอกไม่ถูก บอกคุณภรรยาข้างๆ จะโทรมาบอกคนที่บ้านก็ต้องรอเวลาให้เค้าตื่นก่อน 🤣🤣
รายละเอียดในเมล์ก็จะแจ้งเราว่า เจอของแล้วนะ มีตัวเลือกให้ 3 ข้อ ก็คือ
- Return to me : ส่งคืนมาให้เรา
- Hold for Pick Up : เก็บไว้แล้วเราจะเข้าไปรับเอง
- Do not Return : ไม่ต้องส่งคืน (เอ้า ! แล้วจะตามหาเพื่อ !)
ก็แน่นอนว่าเลือกข้อแรกครับ ระบบของ Charger Back ก็จะให้เราใส่ ชื่อ-ที่อยู่ ในการจัดส่ง เราก็ใส่ที่อยู่ที่ไทยไปได้เลย
ที่พิเศษกว่าที่คิดเอาไว้ก็คือ ค่าใช้จ่ายในการส่งคืนทั้งหมด Disney Resort ออกให้เป็น Complimentary ครับ เลยรีวิวไม่ได้ว่าจะต้องจ่ายเท่าไหร่ (ดีใจปนเสียดาย 5555)
หลังจากนั้นก็จะมีอีเมล์แจ้ง Tracking Number มาให้ รอประมาณ 1 อาทิตย์ของก็ส่งมาถึงบ้านที่ไทยครับ เป็นส่งผ่านบริการของ UPS ต่อด้วยขนส่งในไทยผ่าน Kerry ครับ
กระเป๋าก็มาถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ บัตรอยู่ครบทุกใบ ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆครับ
เป็นอันจบการรีวิวและทริคในการตามของคืนที่อเมริกาเอาไว้เท่านี้ 😆 หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่จะเดินทางไปอเมริกา หรือประเทศอื่นๆนะครับ
ถ้าใครชอบเนื้อหาเน้นๆตามสไตล์เพจ “เล่า” ของผมก็สามารถกด Like เพจเพื่อติดตามเนื้อหาใหม่ๆของทางเพจได้นะครับ จะมีมาเล่าให้ในหลายๆเรื่องเลย ตามเพจเล่าไม่มีเบื่อแน่นอน เพราะแอดมินขี้โม้ หามาเล่าได้ทุกเรื่องครับ 😂😂
อยากให้เล่าเรื่องไหน รีเควสได้ ถ้าไม่นอกเหนือความสามารถก็จะไปหามาให้ครับ 😎😎
ติดตามเรื่อง “เล่า” ผ่านช่องทางต่างๆได้ดังนี้
Clubhouse : @withptns , เล่า’s Bookclub
Blockdit “เล่า” : https://www.blockdit.com/unfold
Instagram “เล่า” @withptns : https://instagram.com/withptns
Twitter “เล่า” @withptns : https://twitter.com/withptns
Youtube “เล่า by ptns” : https://youtube.com/channel/UCwBjQ4MgVCnDJRe-vClQlDQ
1
ติดต่อโฆษณา ฝากลิ้งค์สั่งหนังสือ หรือ ติดต่อร่วมงานกับเพจ “เล่า” ได้ที่อีเมล์ ptns81@gmail.com ครับ
#เล่า #เล่าหนังสือ #เล่าความรู้ #unfold #ส่งเสริมการอ่าน #ส่งเสริมการเรียนรู้
โฆษณา