2 ก.ค. 2023 เวลา 13:05 • สุขภาพ

ข้อควรระวังสำหรับผู้ป่วยที่ต้องให้อาหารทางสายยาง

.
การทำงานในโรงพยาบาล ทำให้ minny เจอ ความเจ็บปวดหลายรูปแบบ ทั้งผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้และผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตัวเองได้
กลุ่มผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และต้องให้อาหารทางสายยาง เป็นกลุ่มที่ต้องให้ความระมัดระวังมาก เพราะมีโอกาสติดเชื้อสูง
.
วันนี้ มินนี่ จะมาเล่าเรื่องของผู้ป่วยที่ต้องให้อาหารทางสายยาง แบ่งเป็น 2 ตอน ไม่ให้ยาวเกินไป และเรียบเรียง ให้เนื้อหาเข้าใจง่ายที่สุดแล้วคะ
.
.
**เหตุผลที่ต้องให้อาหารทางสายยาง
.
ผู้ป่วยกลืนอาหารไม่ได้ หรือกลืนลำบาก ผู้ป่วยหมดสติ หรือผู้ป่วยปฏิเสธการรับประทานอาหาร
แต่ ต้องอยู่ในเงื่อนไข คือ ทางเดินอาหารยังทำงานได้ตามปกติ ยังสามารถย่อยและดูดซึมอาหารได้
.
**รูปแบบของอาหาร
.
เป็นอาหารเหลว เช่นนม หรืออาหารปั่น ที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ครบถ้วนหรือ อาหารทางการแพทย์สำเร็จรูป
ซึ่งผู้เตรียมต้องได้รับการฝึกอย่างถูกต้อง ตามสูตรตำรับ และถูกวิธี และ ที่สำคัญ ความสะอาดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
**ประเภทของสายให้อาหาร
.
1 ระยะสั้น น้อยกว่า 3 สัปดาห์ ผู้ป่วยจะได้รับการสอดสายให้อาหารเข้าทางรูจมูก ผ่านไปตามหลอดอาหารโดยปลายสายจะอยู่ที่ตำแหน่ง 3 ตำแหน่งก็คือ
1.อยู่ในกระเพาะอาหาร
2.อยู่ในลำไส้เล็กส่วนต้น-ดูโอดีนั่ม( dudenum)
3.อยู่ในลำไส้เล็กส่วนกลาง-เจจูนั่ม
(jejunum)
.
2 ระยะยาว ใช้ใน กรณีที่ต้องการคาสายให้อาหารเป็นระยะเวลานานกว่า 4-8 สัปดาห์ หรือ ในกรณีที่ผู้ป่วยต้องได้รับอาหารเข้าทางระบบทางเดินอาหารตลอดชีวิต ผู้ป่วยจะได้รับการสอดสายให้อาหารเข้าทางหน้าท้องผ่านผิวหนังหน้าท้อง โดยปลายสายจะอยู่ที่ตำแหน่งต่างๆ ได้ 2 ตำแหน่งก็คือ
.
1.ปลายสายอยู่ในกระเพาะอาหาร ส่วนปลายอีกด้านหนึ่ง จะอยู่ที่หน้าท้องบริเวณกระเพาะอาหาร
2. ปลายสายอยู่ในลำไส้เล็ก ส่วนเจจูนั่ม โดยปลายอีกด้านหนึ่ง จะอยู่บริเวณหน้าท้องบริเวณลำไส้เล็กส่วนเจจูนั่ม และบริเวณกระเพาะอาหารตามลำดับ
.
**น้ำที่ใช้ในกับสายให้อาหาร
.
1.ในการเตรียมอาหาร ถ้าเป็นอาหารทางการแพทย์ ควรใช้ น้ำต้มสุกที่เย็นแล้ว ผสมก่อนที่จะนำไปให้ผู้ป่วย ถ้าเป็นกรณีอาหารปั่น อาจใช้น้ำที่ไม่ผ่านการต้มก็ได้ แต่ควรนำไปนึ่งหรือต้มให้สุก ก่อนที่จะนำไปให้ผู้ป่วย
ไม่ควรใช้น้ำประปา เพราะ น้ำที่ค้างอยู่ในท่อ อาจกลายเป็นแหล่งของเชื้อจุลินทรีย์ได้
.
2.น้ำที่ใช้ละลายหรือผสมยา เหมือนในข้อ 1 หรือ น้ำกลั่นสำหรับละลายยาโดยเฉพาะ จะยิ่งดีมาก
สามารถใช้น้ำดื่มชนิดบรรจุขวด ที่มีจำหน่ายแล้ว แต่ควรผ่านการต้มก่อน และเลือกน้ำธรรมดาแทนน้ำแร่นะคะ
>เหตุผลไม่ควรใช้น้ำแร่ เนื่องจาก น้ำแร่อาจจะมีเกลือแร่ ที่จับกับยาบางชนิด แล้วทำให้ยาไม่ถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด
.
3.น้ำที่ใช้ล้างสาย ควรใช้น้ำต้มสุกที่เย็นแล้ว อาจต้องใช้น้ำกลั่นสำหรับสวนล้าง ในกรณีที่เป็นผู้ป่วยวิกฤตและผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำมากๆ
>การล้างสาย ควรทำก่อนและหลังการให้อาหารแต่ละรอบ หรือทุก 4-6 ชั่วโมงในกรณีที่ต้องให้อาหารแบบต่อเนื่อง
.
4.น้ำที่ใช้ก่อนและหลังให้ยา เหมือนในข้อ 2
.
เนื่องจากผู้ป่วยที่ให้อาหารทางสายยางเป็นผู้ป่วยกลุ่มเปราะบางที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย จึงมีข้อควรระวัง และข้อควรพิจารณาเป็นพิเศษ ครั้งต่อไปจะมา เล่าเรื่องของการให้ยาทางสายให้อาหารว่า มีข้อควรระวังอะไรบ้างคะ มา ติดตามได้ในบทความต่อไปค่ะ😍😍
.
.
ขอขอบคุณองค์ความรู้ จาก หนังสือตำราเภสัชกรครอบครัว ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 1 พฤษภาคม 2557
โดยสมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาลประเทศไทย
# ผู้ป่วยที่ต้องให้อาหารทางสายยาง
# เรื่องเล่าจากห้องยา

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา