3 ก.ค. 2023 เวลา 00:30 • ข่าวรอบโลก

สถานการณ์ "จลาจล" ในฝรั่งเศส ลุกลามทั่วประเทศ เกินการควบคุม

การประท้วงปะทุขึ้นในฝรั่งเศส หลังตำรวจยิงสังหารเยาวชนเชื้อสายฝรั่งเศส-อัลจีเรีย อายุ 17 ปี ชื่อนายนาเฮล เอ็ม. (Nahel M.) เมื่อวันอังคารที่ 27 มิถุนายน ในเมืองน็องแตร์ ซึ่งเป็นเมืองชนชั้นแรงงานในเขตชานเมืองทางตะวันตกของกรุงปารีส มีการเผยแพร่ภาพถ่ายและคลิปวิดีโอโดยผู้เห็นเหตุการณ์ เผยให้เห็นเจ้าหน้าที่ 2 นาย ซึ่งอยู่ใกล้กับด้านคนขับของรถ โดยเจ้าหน้าที่รายหนึ่งยิงปืนใส่คนขับในระยะใกล้ขณะที่เขาถูกเรียกให้จอดเพราะทำผิดกฎจราจรขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต และพยายามขับรถหนีออกไป ส่งผลให้วัยรุ่นซึ่งเป็นคนขับรถเสียชีวิต
เจ้าหน้าที่ตำรวจรายดังกล่าวถูกจับกุมในข้อหาฆาตกรรมโดยเจตนา และถูกควบคุมตัวทันทีเนื่องจากใช้อาวุธอย่างผิดกฎหมาย โดยอัยการกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ไม่ปฏิบัติตามแนวทางในการสั่งหยุดรถ มารดาของนาเฮล กล่าวว่าเธอคิดว่าการตายดังกล่าวมีแรงจูงใจทางเชื้อชาติ เนื่องจากตำรวจเห็นใบหน้าคล้ายชาวอาหรับของบุตรชายเธอ และนี่เป็นเหตุผลให้เธอลุกขึ้นมาเป็นแกนนำประท้วงครั้งนี้
สถานการณ์ทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อผู้ประท้วงจุดไฟเผารถยนต์ สร้างเครื่องกีดขวางบนถนน ยิงพลุและโยนระเบิดขวดใส่ตำรวจ วิดีโอที่เผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์แสดงให้เห็นเหตุไฟไหม้หลายแห่งทั่วประเทศ รวมถึงที่อู่รถเมล์ในเขตชานเมืองทางเหนือของกรุงปารีส และรถรางในเมืองลียง ต่อมากลุ่มผู้ประท้วงได้บุกปล้นร้านค้าหลายสิบแห่ง และจุดไฟเผารถยนต์กว่า 2,000 คัน รัฐบาลได้วางกำลังตำรวจและเจ้าหน้าที่ทหารรวม 45,000 นาย ทั่วประเทศ เพื่อเข้าควบคุมสถานการณ์ และมีคำสั่งเคอร์ฟิวในบางพื้นที่ ซึ่งขณะนี้มีผู้ถูกจับกุมมากกว่า 1,100 คน แล้ว
โดยความตึงเครียดยังคงอยู่ในเมืองหลวง และมีการปะทะกันประปรายในเมืองมาร์กเซย เมืองนีซ และเมืองทางตะวันออกของสตราสบูร์ก อาคารพาณิชย์ในกรุงปารีส โดยเฉพาะบนถนนช็องเซลิเซ่ตอนกลาง ถูกปิดล้อม และแบรนด์ระดับพรีเมียมต่างๆ เช่น Apple, Dior, Louis Vuitton, Lacoste, Nike ก็ได้เรียกร้องให้บริษัทผู้ประกันของตนเร่งจ่ายเงินคุ้มครองทันที นอกจากนี้ ร้านค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหาร และสาขาธนาคารมากกว่า 700 แห่งถูก รื้อค้น ปล้นสะดม และบางแห่งก็ถูกไฟไหม้ด้วย อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ครั้งนี้นับเป็นกรณีการยิงจนถึงแก่ความตายระหว่างการเรียกให้หยุดรถเป็นครั้งที่ 3 ในฝรั่งเศสของปีนี้ โดยเมื่อปีที่แล้วเกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวถึง 13 ครั้งด้วยกัน
ที่มา :
โฆษณา