18 ก.ค. 2023 เวลา 05:48 • ความคิดเห็น
ยุคนี้เป็นยุคของการบริโภค ยิ่งบริโภคมากยิ่งดี ความเชื่อนี้มันลามมาถึง การมีเพื่อนมากๆแสดงว่าเราเป็นคนน่าคบหา ใครมีเพื่อนน้อย ดูจะเป็นไอ้ขี้แพ้ ทั้งหมดนี้มันก็เป็นเพียงค่านิยมของสังคมเท่านั้น ไม่มีความสำคัญอะไรเลย ยกเว้นเราให้ความสำคัญกับมัน
1
คนมีเพื่อนเยอะ ก็ไม่ได้หมายถึงว่า จะเป็น "คนชนะ" แต่อย่างไร ผมเคยเข้าสังคมเยอะ รู้จักคนเยอะ ไปไหนก็มีคนทัก แต่คนเหล่านั้นเป็นเพื่อนผมหรือไม่ ผมไม่แน่ใจ
คนไทยเรามักไม่ค่อยแยกแยะว่า ใครเป็นเพื่อน ใครเป็นแค่คนรู้จัก ใครเป็นคนที่เรามีผลประโยชน์ต่อกันเท่านั้น
ไม่ใช่ทุกคนที่เราอยากเป็นเพื่อนด้วย และไม่ใช่ทุกคนอยากเป็นเพื่อนเราด้วย ที่ทำให้เราเจ็บปวดได้คือ คนที่เราอยากได้เป็นเพื่อน เขากลับมองเราเป็นคนอื่น อันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แค่เรายอมรับเรื่องนี้ มันก็จบตรงนั้น
เราเป็นเพียงบุคคลหนึ่ง ที่คนๆนั้นเขามองเราเป็นเพื่อนหรือไม่เป็นเพื่อน เราไม่มีอำนาจในการสั่งให้เขารักหรือไม่รักเรา คนบางคนต่อให้เราไม่ได้ทำอะไรให้เขาเป็นพิเศษ เขาก็อยากที่จะเป็นเพื่อนกับเรา
สิ่งที่เราทำได้คือ การมีไมตรีจิตต่อคนอื่น ในขอบเขตที่เหมาะสม ใครอยากเป็นเพื่อนเรา ใครไม่อยากเป็นเพื่อนเรา มันไม่ใช่สาระสำคัญต่อการมีอยู่ของตัวเราทั้งสิ้น
ไมตรีจิตคือเสน่ห์ ไมตรีจิตที่มีมากเกินไปคือความอ่อนแอ แยกแยะไม่ออกว่า ใครควรที่เรามีไมตรีจิตให้มาก ใครควรที่เรามีแต่ความปรารถนาดีให้ แต่ไม่ควรเป็นเพื่อนด้วยอย่างยิ่ง
ความสุขเป็นอย่างเดียวที่ไม่มีใครเอาไปจากคุณได้ นอกจากตัวคุณเอง ที่จะยกความสุขให้กับจำนวนเพื่อน ที่คุณต้องการเท่านั้นหรือ
โฆษณา