26 ก.ค. 2023 เวลา 09:37 • ประวัติศาสตร์

Richard Feynman กับ Manhattan Project ตอนที่ 1: ความรักฝ่ามฤตยู

วันนี้มาเล่าอีกหนึ่งตัวละครสำคัญใน Manhattan Project ที่หนัง Oppenheimer ดูให้ความสำคัญน้อยกว่าที่ผมอยากให้เป็น ผมคิดว่าชีวิตของเขาดีไม่ดีน่าเอามาทำเป็นหนังมากกว่า Oppenheimer เสียอีกครับ เคยมีหนังในปี 1996 ทำเกี่ยวกับเขาแล้ว แต่ไม่ใช่หนังฟอร์มใหญ่
1
คน ๆ นั้นก็คือ Richard Feynman เขาเป็นนักฟิสิกส์ที่ฉลาดมาก ๆ และเป็นหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ที่อายุน้อยที่สุดที่เข้าร่วมโครงการ แต่กลับสร้างผลงานมากมาย
ในช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองนั้น เขากำลังศึกษาในระดับปริญญาเอกอยู่ที่มหาวิทยาลัย Princeton และมีนายพลของกองทัพมารับสมัครนักวิทยาศาสตร์ไปร่วมโครงการวิจัยที่ Frankford Arsenal ในรัฐ Pennsylvania ในช่วงฤดูร้อนปี 1941 ซึ่งเขาก็ได้สมัครไป ตอนนั้นเขายังไม่รู้ว่า การสมัครในครั้งนี้จะทำให้เขาเข้าสู่วงการที่จะเปลี่ยนชีวิตของเขา และโลกไปตลอดกาล
3
สำหรับเขา เขาคิดว่า การเข้าร่วมโครงการนี้เป็นเหมือนการแสดงหน้าที่พลเมืองที่ดี ทั้ง ๆ ที่เขาแทบจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโครงการนี้เลยก็ตามที แต่ก็ดีกว่าที่จะแสดงความรักชาติด้วยการไปสมัครเป็นทหารไปร่วมรบ อย่างน้อยอยู่ตรงนี้ เขาได้ใช้ความรู้ความสามารถของเขา
งานแรกของเขาเป็นงานที่พยายามสร้างระบบคอมพิวเตอร์แบบ analog สำหรับยิงขีปนาวุธสกัดเครื่องบินศัตรู ซึ่งเป็นงานของวิศวกรในการสร้างอุปกรณ์มากกว่างานที่เขาควรจะทำในฐานะที่เป็นนักฟิสิกส์ (ในเวลานั้น คอมพิวเตอร์แบบ analog มันไม่ได้มีอะไรใกล้เคียงกันกับคอมพิวเตอร์ในสมัยนี้ ในสมัยนั้นการคำนวณเป็นการใช้ออกแบบกลไกเฟืองต่าง ๆ มาช่วยในการคำนวณเสียมากกว่า)
1
แต่หลังจากที่เขาเรียนจบปริญญาเอกใหม่ถอดด้าม เขาก็ได้รับเชิญจาก Robert R. Wilson ให้เข้าร่วมโครงการลับสุดยอด Manhattan Project ที่ห้องแล็บ Los Alamos ในรัฐ New Mexico เพื่อสร้างระเบิดปรมาณู แต่การย้ายตัวเองจาก New Jersey ไป New Mexico เป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขา แต่ไม่ใช่เพราะความท้าทาย แต่กลับเป็นเรื่องของความรัก
ก่อนหน้านั้น เขาได้พบกับสาวคนหนึ่งที่ชื่อว่า Arline Greenbaum ตอนที่เขายังเรียนอยู่ชั้นมัธยม เขาสนใจในวิชาวิทยาศาสตร์มาก ๆ ส่วนเธอก็สนใจในวิชาปรัชญา และงานศิลปะ แต่ทั้งสองก็ต่างเติมเต็มซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี เขาเองก็ไปเรียนวิชาศิลปะ เพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ชิดกับเธอ จนในที่สุดการวาดรูปก็กลายมาเป็นสิ่งหนึ่งที่เขาชอบ และยังคงวาดรูปต่อมาเรื่อย ๆ
ผมได้แปะรูปบางรูปที่เขาวาดไว้ ใครสนใจ ลองตามหา
หลังจากเดทกันอยู่หลายปี เขาก็ได้ขอเธอแต่งงานตอนที่เขาเรียนอยู่ปีสาม และเธอก็ได้ตอบรับด้วยความยินดี แต่หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ล้มป่วยจากโรคที่ไม่ทราบสาเหตุในตอนแรก ด้วยอาการที่มีก้อนผลุบๆ โผล่ตามคอของเธอ มีไข้ จนตอนนั้นเธอต้องเข้าโรงพยาบาล และหมอสงสัยว่าเธอป่วยเป็นไข้ไทฟอยด์
ในเวลานั้นเอง เขารู้สึกว่า ทั้ง ๆ ที่เขามีความรู้ทางฟิสิกส์มากมาย แต่ความรู้ทางการแพทย์กลับช่วยอะไรเธอไม่ได้เลย เขาตั้งคำถามมากมายกับหมอโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ แต่ก็เหมือนไม่ได้ช่วยอะไรเลย แต่จู่ ๆ เธอก็หายจนดูเป็นปกติ และดูเป็นเรื่องลึกลับไม่ต่างกับสาเหตุที่เธอป่วย
แต่แล้วในที่สุด อาการของเธอก็กลับมาอีก คราวนี้หมอเริ่มแน่ใจแล้วว่า โรคนี้น่าจะรุนแรงจนถึงกับคร่าชีวิตของเธอในที่สุดแน่ ๆ แต่หมอก็ยังไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไรกันแน่ แต่หมอยังไม่ได้บอกให้เธอรับรู้ว่าโรคนี้เป็นโรคที่ร้ายแรงจนเธอคงจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน และครอบครัวของเธอก็ตัดสินใจที่จะไม่บอกเธอเช่นกัน
แต่วันหนึ่ง เธอแอบได้ยินแม่ของเธอพูดกับเพื่อนบ้าน เธอจึงได้ถามเขา ซึ่งเขาก็ได้บอกความจริงกับเธอ ในตอนแรกเขาได้เขียนจดหมายเตรียมลาจากเธอไว้แล้ว แต่เขาก็กลับตัดสินใจขอเธอแต่งงานแทน
แต่เช่นเดียวกับในประเทศสารขัณฑ์ มหาวิทยาลัยคิดว่า ถ้าเขาแต่งงาน เขาอาจจะไม่ให้ความสำคัญกับการวิจัยเหมือนเดิม จึงขู่เขาว่า เขาอาจจะไม่ได้รับทุนการศึกษาต่อ หากเขาแต่งงาน เขาเตรียมวางแผนลาออกจาก Princeton เอาไว้ ช่วงเวลานั้นเอง
2
หมอก็มีคำตอบให้กับโรคที่ลึกลับของเธอ เธอป่วยด้วยโรควัณโรคจากการดื่มนมที่ไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้อ ติดตามเรื่องแฟชั่นวัณโรคได้จากโพสต์ก่อนหน้า
โรคนี้เป็นโรคเดียวกันกับที่คร่าชีวิตแฟน ของ Christopher Collan Morcom ลูกศิษย์และคนรักของ Alan Turing นักวิทยาศาสตร์อีกท่านที่ได้ถูกทำออกมาเป็นภาพยนตร์เช่นกันในชื่อ The Imitation Game
1
เผลอยาวเกิน 8 บรรทัดไปเยอะเลย เดี๋ยวไว้มาต่อตอนสองครับ ขอไปทำงานก่อน คอยติดตามว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับทั้งสองต่อไปครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา