28 ก.ค. 2023 เวลา 03:10 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

Reflection: suffragette (2015)

เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง suffragette เป็นภาพยนต์ที่สร้างจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง แสดงให้เห็นถึงสังคมที่ชายเป็นใหญ่ได้อย่างชัดเจนเมื่ออดีต ปี ค.ศ 1912 ในประเทศอังกฤษ
ประโยคที่โด่งดังของ ซีโมน เดอ โบวัวร์ และใช้อธิบายภาพยนต์เรื่อง suffragette ได้อย่างดีก็คือ
ผู้ชายถูกกำหนดให้เป็นมนุษย์ และผู้หญิงถูกกำหนดให้เป็นผู้หญิง เมื่อใดก็ตามที่เธอปฏิบัติตนตามมนุษย์ เธอจะถูกกล่าวหาว่าเลียนแบบผู้ชาย
เราไม่ได้เกิดมาเป็นหญิง แต่ถูกทำให้เป็นหญิง
เสรีภาพที่มุ่งแต่ปฏิเสธเสรีภาพนั้นไม่อาจยอมรับได้
สอดคล้องกับภาพยนตร์เรื่อง suffragette ที่แสดงถึงความไม่เท่าเทียมของผู้ชายและผู้หญิงทั้งเรื่องของค่านิยมขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม แม้กระทั้งกฏหมาย ทั้งที่ผู้หญิงก็มีหน้าที่ในสังคมต่างๆมากมาย ทั้งทำงานนอกบ้าน ทำงานในบ้าน ดูแลลูกและสามี
เรียกได้ว่าการที่ครอบครัว 1 ครอบครัวจะดำรงอยู่นั้นจะขาดผู้หญิงที่เป็นกุญแจหลักไปไม่ได้ แต่ผู้หญิงก็ยังคงถูกด้อยค่าด้วยบรรทัดฐานทางสังคมว่าเป็น เพศที่อ่อนแอ ด้อยสติปัญญา เกรี้ยวกราดเอาอารมณ์เป็นที่ตั้งไม่สามารถความคุมตนเองได้จึงต้องมีสามีเพื่อคอยควบคุม
ทำให้สถานะทางสังคมของผู้หญิงถูกกดให้ต่ำ ด้วยเหตุที่คนในสังคมที่เติบโตและถูกปลูกฝังมาด้วยบรรทัดฐานนี้ทำให้คนในสังคมได้วางกรอบในเรื่องต่างๆไว้ตั้งแต่คนๆนั้นเกิดและจะต้องไม่แปลกแยกไปจากเดิมที่เคยมีมาดังที่ภาพยนตร์แสดงให้เห็นถึงความสิ้นหวังว่าจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ของตัวละครหลักช่วงแรก
กล่าวอีกอย่างก็คือความเป็นหญิงไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติแต่ถูกกำหนดให้เกิดเป็นผู้หญิงในบรรทัดฐานทางสังคมที่ชายเป็นใหญ่นั้นเอง ปัญหาคือผู้หญิงถูกมองว่าไม่ใช้ผู้ชายหรือถูกมองว่าเป็นอื่นที่ต่างจากผู้ชาย ทั้งๆที่คนในสังคมก็เห็นว่าผู้หญิงทำงานได้สามารถดูแลตัวเองได้ มีความรู้ในเรื่องต่างๆ แต่ผู้หญิงก็ยังถูกมองอย่างเป็นอคติผ่าน
การให้ค่าจ้างที่น้อยกว่าผู้ชาย กฏหมาย สิทธิต่างๆ รวมไปถึงการแสดงความคิดเห็นที่ผู้ชายมีต่อผู้หญิง ซีโมน เดอ โบวัวร์ อธิบายว่าเพราะผู้ชายสร้างผู้หญิงให้เป็นไปตามแบบแบ่งได้ 3 ประเด็น พึ่งพาตนเองไม่ได้ มีเวลาเดียวคือเวลาปัจจุบัน และเป็นสิ่งที่เจ้าอารมณ์ นั้นทำให้ผู้หญิงยังถูกกดขี่
ทำให้ผู้หญิงไม่มีสิทธิในหลายๆ อาทิเช่น เรื่องสิทธิการเลี้ยงลูก สิทธิในการโหวด เป็นต้น กลับกันถ้าผู้หญิงที่เป็นภรรยาไม่ปฏิบัติตามขนบธรรมเนียม ประเพณี ค่านิยม ที่ได้วางไว้ผู้ชายเป็นสามีก็จะถูกสังคมตำหนิว่าไม่ควบคุมภรรยาตัวเองส่งผลให้ความเป็นชายของตัวเองสั่นคลอน เพราะผู้หญิงที่เป็นภรรยาถือเป็นทรัพสินที่มีค่ามากที่สุดของสามี เนื่องจากภรรยาที่มีนั้นสามารถมีไว้เพื่อที่จะแสดงอัตลักษณ์ความเป็นชายของตัวเองได้นั้นเอง
วิธีหนึ่งที่สามีจะสามารถควบคุมภรรยาได้คือการใช้ความรุนแรงกับภรรยาของตนเองเพื่อที่จะไม่ให้ความเป็นชายของตนเองนั้นถูกสั่นคลอนจึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดความรุนแรงภายในครอบครัว อีกด้านหนึ่งความเป็นชายที่ต้องรักษาไว้ก็คือความเป็นผู้นำในการจัดการกับสิ่งต่างๆ และความมีหน้ามีตาในสังคม
การที่ผู้หญิงเรียกร้องสิทธิในการโหวตก็คือการเรียกร้องสิทธิทางสังคม แล้วในสังคมชายเป็นใหญ่ที่ชนชั้นผู้นำเป็นผู้ชายเปรียบเสมือนการท้าทายอำนาจเก่าของสังคมชายเป็นใหญ่ และยิ่งเป็นชนชั้นผู้นำทำให้แรงปะทะที่กลับมาใส่กลุ่มสตรีที่เรียกร้องการโหวตนั้นก็จะยิ่งรุนแรงเป็นอย่างมาก ทำให้กลุ่ม suffragette ต้องมีวิธีเรียกร้องที่มากกว่าการเดินขบวนหรือการปราศรัย
เมื่อการเรียกร้องรวมกับวัฒนธรรมจึงเกิดเป็นเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นเพื่อที่จะต้องการการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นเพื่อที่ผู้หญิงและผู้ชายจะได้เท่าเทียมกัน ซึ่งในเวลาต่อมาก็มีการเปลี่ยนแปลงผู้หญิงได้รับสิทธิในการโหวตแต่ก็ต้องอยู่ในเงื่อนไขที่กำหนดเช่นเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้วเป็นต้น เพราะอิทธิพลทางความคิดเดิมยังคงส่งผลอยู่
โฆษณา