4 ส.ค. 2023 เวลา 12:00 • ท่องเที่ยว
ญี่ปุ่น

สรุปทริปล่าฝัน เติมเต็มความฝัน 19 ปีมุ่งสู่ประเทศญี่ปุ่น

จุดเริ่มต้นจากความฝันเล็ก ๆ ในวัยเด็ก ที่เติบโตมากับเกมและอนิเมะจากประเทศญี่ปุ่น สู่การเดินทางไปสัมผัสประเทศในฝันครั้งแรกในชีวิตในวัย 19 ปี
ขอเกริ่นแนะนำตัวก่อนเลยว่าเราเป็นคนที่เติบโตมากับการเลี้ยงดูที่ทุกคนไม่ค่อยมีเวลาดูแลเรามาก จนทำให้เพื่อนที่สำคัญที่สุดในวัยเด็กของเราคือจอแก้วคอมพิวเตอร์ และอนิเมะจากประเทศญี่ปุ่นที่เป็นความสุขและความบันเทิงเล็ก ๆ ให้เราไม่รู้สึกเหงาในแต่ละวัน จากการค่อย ๆ ซึมซับวัฒนธรรมที่มาในรูปแบบของอนิเมชั่น ก็เริ่มจุดประกายเล็ก ๆ ว่าสักวันเราก็อยากจะไปที่ประเทศนี้สักครั้งเพื่อที่จะได้สัมผัสวัฒนธรรมนี้ด้วยตัวเองสักครั้ง
ซึ่งความฝันนี้ก็ได้พับไปและเก็บอยู่ในใจของเรามาตลอด จากปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่ไม่พร้อม จนเวลาก็ล่วงเลยมาถึงวันที่สถานการณ์ทุกอย่างเริ่มมีโอกาสเข้ามาและเอื้อให้ความฝันที่จะได้ไปประเทศญี่ปุ่นของเราเป็นความจริงได้ในวัย 19 ปี
ไม่รอช้าทุกอย่างเกิดขึ้นไวมากเรามีเวลาเตรียมตัวภายในระยะเวลา 1 เดือนสำหรับการไปเยือนในครั้งนี้ ซึ่งเป็นระยะเวลาที่เราต้องเตรียมเสื้อผ้าและของจำเป็นสำหรับการเดินทาง และเตรียมพร้อมที่จะไปซึมซับช่วงเวลาที่นั่นให้ได้มากที่สุด จังหวะนี้เราแทบจะนับเวลาถอยหลังทุกวันเลยว่าเมื่อไหร่จะถึงวันบินกันนะ นอนไม่หลับอยู่หลายคืนเพราะความตื่นเต้น คิดว่าจะไปทำนู่นไปทำนี่ ตามที่เราไฝ่ฝันอยากทำมานาน จนวันเดินทางก็มาถึง
รู้สึกตื่นเต้นตั้งแต่ลากกระเป๋าเข้าสนามบิน เดินเข้าเคาน์เตอร์เช็กอิน และไปนั่งรอหน้าเกต ทุกการกระทำตอนนั้นดูช้าไปหมดเพราะใจเราก็อยู่ที่สนามบินฝั่งนั้นไปเรียบร้อยแล้ว ตื่นเต้นจนถึงขนาดต้องโทรหาเพื่อนเพื่อระบายความรู้สึกในตอนนั้นออกมา จนกระทั่งถึงเวลาขึ้นเครื่อง วินาทีที่เราได้ยินคำประกาศภาษาญี่ปุ่นนี่เกือบน้ำตาเกือบไหลเลยค่ะ แค่นึกว่าอีกไม่กี่อึดใจ หลับอีกแค่ตื่นเดียวเท่านั้นเราก็จะไปอยู่ที่ญี่ปุ่นแล้ว ถึงเวลาสิ้นสุดการรอคอยของเราแล้วจริง ๆ
ลืมตามาอีกครั้งก็พบกับเส้นขอบฟ้า และแสงจากดวงอาทิตย์ที่กำลังจะขึ้นมาสวัสดีวันใหม่ เป็นสัญญาณว่าเราใกล้จะมาถึงที่หมายแล้วนั่นเอง
ใช้เวลาสักพักกว่าจะผ่านตม.ออกมาได้ เพราะมีจำนวนคนค่อนข้างเยอะ แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับเรา พอผ่านตม.ออกมาได้ก็อยากจะกรี้ดดัง ๆ สักรอบว่ามาถึงแล้วววววว รอบนี้เราเลือกลงที่สนาบินคันไซเพื่อไปที่โอซาก้าและเกียวโต เป้าหมายของเราในทริปนี้
สาเหตุที่ครั้งนี้ต้องเป็นโอซาก้าและเกียวโตก็เพราะว่าที่ เกียวโตนั้นเป็นจุดหมายยอดฮิตของการมาทัศนศึกษาในอนิเมะญี่ปุ่นและเกียวโตก็ยังเป็นเมืองหลวงเก่าที่ได้มีการอนุรักษ์เอาไว้ให้ยังดูเป็นญี่ปุ่นดั้งเดิมอยู่ อย่างที่เคยบอกเลยว่าความฝันเราคือการสัมผัสวัฒนธรรมและการได้มาที่ที่เดียวกับที่เคยดูในตอนเด็ก ก็ถือเป็นอะไรที่ทำให้เราอิ่มใจเอามาก ๆ ส่วนโอซาก้าก็แน่นอนว่าชื่อห้องครัวของญี่ปุ่นไม่ได้มาเล่น ๆ พูดถึงการสัมผัสวัฒนธรรมการกินก็ต้องมาที่นี่เพื่อที่จะได้กินได้อย่างเต็มที่
เราทั้งได้ไปให้อาหารกวางที่สวนกวางนารา ไปวัดคิโยมิสึที่เกียวโตซึ่งเป็นที่ที่เราเห็นภาพจากในอนิเมะมาตั้งแต่เด็ก ๆ หรือแม้กระทั่งการไปที่ศาลเจ้าจิ้งจอก ได้เห็นมิโกะของจริง และการได้โยนเหรียญขอพร สั่นกระดิ่ง เขย่าเซียมซี ทุกอย่างมันดูใหม่และตื่นเต้นมากสำหรับเรา ถึงเราจะเคยเห็นเคยรู้เรื่องวัฒนธรรมเหล่านี้มาก่อนอยู่แล้ว แต่การที่ทุกสิ่งทุกอย่างนี้มาอยู่ตรงหน้ามันให้ความรู้สึกคนละแบบอย่างสิ้นเชิง มีความสุขมากเรายิ้มตั้งแต่เช้ายันเย็นซะจนเมื่อยปากเลย
เริ่มค่ำก็เปลี่ยนชุดมาเดินเล่นย่านที่คึกคักที่สุดในย่านนี้เสียดายที่วันนี้เรามาช้าไปหน่อยป้ายกูลิโกะแมนก็ปิดไฟไปแล้ว แต่สิ่งที่เราไม่พลาดที่จะไปเลยคือร้านกาชาปองของที่นี่ ราคากาชาปองของที่ญี่ปุ่นถูกกว่าที่ไทยเกือบครึ่งเลย หมุนเพลินมากกก
การมาชงชาเขียวที่ญี่ปุ่นก็ถือเป็นอีกลิสต์สิ่งที่เราอยากทำมานานมาก ๆ แล้ว แม้จะไม่ได้เรียนพิธีชงชาแบบจริงจังทุกขั้นตอนแต่เราก็รู้สึกสนุกมาก ๆ ที่ได้มาอยู่ตรงนี้ อยากขอบคุณตัวเองที่ตั้งใจใช้ชีวิตจนวันนี้ได้มานั่งอยู่ตรงนี้ ได้ไปชมทั้งปราสาทโอซาก้า ขึ้นชุดชมวิวที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น หรือไปหมู่บ้านญี่ปุ่นที่อยู่กลางหุบเขา
แอบมีเรื่องตลกคือเราไปกดน้ำที่ตู้กดน้ำตู้นึงแล้วเรามองไม่ดี เผลอไปกดตู้ที่เขากำลังเปิดตู้เติมของอยู่ โดยที่เราไม่ทันสังเกต จังหวะที่กดน้ำออกมาแล้วเปิดฝาตู้ไปเห็นพื้นถนนยังตราตรึงในใจอยู่เลย อายพนักงานที่กำลังเติมของในตู้ แล้วเขาต้องเดินอ้อมเอาของมาให้เรามาก ทำอะไรไม่ถูกก็รับน้ำมา ขอบคุณเขาแล้วก็รีบเดินออกมาแก้เขิน
เวลาผ่านไปไวอย่างกับโกหก แป๊บเดียวก็ผ่านมาถึงวันสุดท้าย ถึงแม้จะเหนื่อยมากเพราะช่วงที่เราอยู่ญี่ปุ่นเราเที่ยวมาราธอนตั้งแต่เช้ายันดึกตลอด และมาถึงวันสุดท้ายนี้เราก็ต้องจัดเต็มที่สุดเพื่อให้เวลาที่เหลือนี้คุ้มค่ามากที่สุดด้วยการออกจากที่พักตั้งแต่ตี5ไปสวนสนุกตั้งแต่เช้า
ที่USJนี้ก็มีเครื่องเล่นที่ได้ใจเรามาก ๆ หลายเครื่อง โดยเฉพาะเครื่องเล่น Hollywood Dream-The Ride เป็นรถไฟความเร็วสูงที่สามารถเลือกเพลงฟังได้ระหว่างเล่น ซึ่งสนุกม้ากกกก เปิดประสบการณ์ใหม่ให้เราสุด ๆ และที่สำคัญก็ยังมีเพลงอนิเมะที่เราชอบให้ฟังด้วย ได้ใจไปเต็ม ๆ สำหรับเครื่องเล่นนี้ ธีมปาร์คทั้งหมดก็จะดูเหมือนหลุดไปอีกเมืองนึง ที่ตัดขาดจากโลกภายนอก เป็นตัวเองได้เต็มที่แบบลืมความโหดร้ายจากโลกภายนอกเลยทีเดียว
วันนี้เราออกเดินทางตั้งแต่ตี5ยันตี3ของอีกวันนึงแบบไม่พัก กลับจากสวนสนุกเราก็ไปร้านขายของอนิเมะที่ใหญ่ที่สุดในย่านนัมบะ เดินซื้อเสื้อผ้าที่โดทงโบริ ชอปปิ้งสินค้าจากเกมมาริโอ้ และของอื่น ๆ อีกมากมาย จนเราจำไม่ได้เลยว่าวันนั้นเราเสียเงินไปทั้งหมดเท่าไหร่ แต่เงินที่เสียไปทั้งหมดก็เทียบกับความสุขที่เราได้กลับมาไม่ได้ ทั้งประสบการณ์และความทรงจำที่ได้กลับมามันมีค่ามาก ๆ สำหรับเรา สิ่งที่เราตั้งตาและรอคอยมาอยู่ตรงหน้าแบบที่ไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป
มันก็ทำให้เราคิดได้ว่ากลับไทยไปรอบนี้ เราคงมีพลังในการใช้ชีวิตเพิ่มขึ้นอีกเยอะเลยล่ะ
พอถึงวันกลับ ฝนก็ตกเหมือนน้ำตาของเราที่ยังไม่อยากกลับไปตอนนี้ แม้ว่าเวลาที่ผ่านมาเราจะเต็มที่กับมันมาก ๆ แล้วก็ตามแต่ความฝันที่เราสะสมมา19ปีไม่สามารถระบายออกมาได้ทั้งหมดในทริปเดียว ไม่ช้าก็เร็วเราสัญญากับตัวเองเอาไว้ว่าถ้ามีโอกาสเราจะกลับมาที่นี่อีกครั้งแน่นอน ประเทศในฝันของเรา “ญี่ปุ่น”
#เดินมางกับตัวแม่
โฆษณา