1 ส.ค. 2023 เวลา 01:00 • ความคิดเห็น
เรื่องของการปล่อยวาง …เราก็ลองดู เรื่องราวขององค์พระสิทธัตถะ ทำไมท่านจึงหนีออกจากเวียงวัง หนีข้าทาสบริวาร หนีพ่อ หนีลูกหนีเมีย ไปอยู่ป่า ..
ครั้งหนึ่ง เพื่อนชวนไปหาที่ปฏิบัติธรรมกัน ..เราก็ไปนั่งในปฏิบัติในถ้ำ ก็นั่งไป ..ก็ได้ยินเสียง ผู้หญิง สวดมนต์ ..เสียงใสก้องกังวาน เห็นเป็นผู้หญิงใส่ชุดสีกรัก นั่งหันหลัง เราก็นั่งฟัง ..จนเสียงนั้นเงียบ .แล้วก็มีเสียง บอกว่า รู้จักอารมณ์มั้ย ตัดอารมณ์ได้มั้ย จากนั้น ก็มีเรื่องที่เราเคยโกรธโมโห..ผุดขึ้นมา ..เราก็ทำใจนิ่งเฉย .ไม่วุ่นวาย อยู่เฉย อารมณ์ก็สงบไป ..แล้วก็มีอารมณ์..อื่่นทยอยออกมา ..เราก็อยู่นิ่งเฉย ..ไม่ตามอารมณ์ นิ่งๆเฉย
..ต่อจากนั่นก็มีเสียง พูดขึ้นมา..บอกว่า ทำได้อย่างนี้ ก็บวชซิ..เราก็กำลังคิดเรื่องบวช…ก็มีเสียง ถามว่า แล้วเมียตัดได้มั้ย ..อารมณ์เรื่องตัดเมีย มันก็ไหลขึ้นมา อึดอัดแน่นหน้าออก มึนหัว .ปวดหัว ..เราก็พยายามนิ่งๆ อยู่กับลมหายใจและคำภาวนา ก็นั่งสงบนิ่งไปนาน .ระยะหนึ่ง แล้วก็มีเสียงถามว่า แล้วลูกละ ..ตัดได้มั้ย ..พอคิดจะตัดเรื่องลูก ..มันมีลมดันขึ้นมา เอาจิต น้อมจิตเข้าข้างในไม่ได้เลย มันสะอึกสะอื้น จะขาดใจตาย
..เราก็เลยถอยจิตออกมา ..จากนั่น ก็มีเสียง ..ลอยมาว่า ตอนที่องค์พระสิทธัตถะ ระหว่างที่หนีออกจากวังไป อารมณ์ห่วงยึดในลูก ก็ตามมา ..จนท่านบอกว่า ขอให้อารมณ์ห่วงลูก กลับเวียงวังไปก่อน ..เรื่องนี้ ก็ทำให้เราไม่คิดเรื่องบวชอีกเลย เพราะยังมีเรื่องที่ต้องดูแล ยังตัดละปล่อยวางไม่ได้
เรื่องของการปลดปล่อย ปล่อยวาง มันมีสิ่งที่เราไม่รู้มากมาย ที่เราปลดปล่อย ปลดเปลื้องออกไปไม่ได้ นั่นก็คิดกรรม ที่เราสะสมอยู่กับธาตุทั้งสี่ มันเป็นสีดำเหนี่ยวแน่น ยากที่จะเอาออกมาได้ การสร้างบุญกุศล ปฏิบัติธรรม ก็เพื่อชำระสะสาง ชำระสิ่งต่างๆ ที่อยู่ติดอยู่ในธาตุทั้งสี่ ต้องอาศัยจิตที่มีแสงรัตนะเกิดขึ้น ไปส่องชำระสะสาง ให้ธาตุนั้นสะอาดสะอ้าน ที่เป็นเม็ดเล็กๆเหมือนเม็ดทราย ทรายเม็ดหนึ่ง ก็เหมือนสิ่งที่เราสะสมกรรมมาชาติหนึ่ง ต้องลาลายออก ..แล้วเม็ดทรายมันมากมาย กว่าจะละลายออกได้ ต้องใช้เวลาเป็นชาติๆ
โฆษณา