3 ส.ค. 2023 เวลา 10:14 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

Oppenheimer (2023)

หนังชีวประวัตินักวิทยาศาสตร์สายฟิสิกส์ ตัวพ่อแห่งอาวุธนิวเคลียร์
คะแนนยังไม่สามารถให้ได้
🎬➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
นี่เป็นหนังที่ตั้งใจว่าตอนกลับไปเมืองไทยจะต้องแว่บเข้าไปดูให้ได้ เพราะรู้มาว่าเป็นหนังที่เน้นบทสนทนาอันเข้มข้น ถ้ากลับมาดู Soundtrack ที่สวิสต้องแย่แน่ ๆ แต่ในที่สุดก็ไม่สามารถปลีกเวลาไปดูตอนอยู่เมืองไทยได้จริง ๆ เพราะหนังเข้าโรงก่อนกลับแค่สามวัน
เมื่อกลับมาถึงสวิสก็เกริ่นกับฝรั่งที่บ้านว่า มีหนังเรื่องนึงที่เธอควรจะไปดูในโรงตอนนี้ เป็นหนังเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่สอง และเกี่ยวกับฟิสิกส์ ซึ่งเป็นสองเรื่องที่ฝรั่งหลงใหลเสมอมา เราจึงจัดสรรวันที่จะไปดูกัน เพื่อนรักของเขาก็ขอไปดูด้วย เรานัดเจอกันที่โรงหนัง ส่วนมะลิเล่นกับเพื่อนที่บ้าน
ระหว่างที่ขับรถไปโรงหนังฉันก็ได้รับการเลคเชอร์คร่าว ๆ ก่อนจะไปดูว่า Oppenheimer เป็นใคร และทำไมถึงต้องมีโครงการ Manhattan เกิดขึ้น ซึ่งฉันฟังไป 100 จับความได้ 30 แต่แอคเอาว่าจับความได้ 90
1
🎬➖➖➖➖➖➖➖➖➖
และนี่คือ 10 Short Notes หลังดูจบ ในสายตาของคนที่ไม่มีความรู้เรื่องฟิสิกษ์ ประวัติศาสตร์สงคราม และฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่องแค่ 50%
🎬➖➖➖➖➖➖➖➖➖
1. เมื่อคริสโตเฟอร์ โนแลนประกาศว่าจะถ่ายทำหนังเรื่องนี้ด้วยฟิล์ม IMAX ฉันจึงเลือกจะดูหนังจากโรง IMAX เท่านั้นไม่มีตัวเลือกอื่น ถ้าผู้กำกับเลือกมาแล้วว่าอย่างนี้ดี ฉันจะไปฝืนเจตนารมณ์เค้าได้อย่างไร แพงขึ้นมา 7-8 ฟรังนั้นพอรับได้ ถ้าจะทำให้ฉันสามารถเสพอารมณ์ได้ครบตามที่โนแลนต้องการ
🍿🥤➖➖➖➖➖➖➖➖➖
2. ฉันไม่แน่ใจว่าถ้าดูที่โรงธรรมดาจะได้อรรถรสแบบไหน แต่การดูบนจอ IMAX เมื่อวานนี้มันทำให้ความยิ่งใหญ่ของหนังนั้นท่วมท้นมาก ภาพที่ชัดเจนเต็มตา แรงสั่นสะเทือนที่ไม่มีเสียง ความอลังการของฉากต่าง ๆ นั้นมีส่วนอย่างมากที่ทำให้หนังเรื่องนี้สมบูรณ์อย่างที่มันควรจะเป็น บวกกับระบบเสียงในโรงภาพยนต์ที่ปัจจุบันที่ถึงพร้อมรองรับ อารมณ์ต่าง ๆ ที่หนังต้องการถ่ายทอดจึงสะกดคนดูได้ตลอดทั้ง 3 ชั่วโมง
🍿🥤➖➖➖➖➖➖➖➖➖
3. นี่คือหนังที่เลือกผู้ชม ไม่ใช่หนังที่แฟนของโนแลนทุกคนจะชอบ ไม่มีฉากหวือหวาน่าตื่นเต้นแบบเดินทางข้ามเวลา ไม่มีความบันเทิงแบบซับซ้อนวางแผนเหมือนการโจรกรรมความฝันอะไรแบบนั้น และแม้เป็นหนังระเบิดปรมาณู แต่คุณจะได้เห็นภาพระเบิดใหญ่ ๆ เพียงแค่ครั้งเดียว สั้น ๆ ด้วย
🍿🥤➖➖➖➖➖➖➖➖➖
4. มันเป็นหนังที่ดูง่าย เพราะเป็นเรื่องชีวประวัติของคน ๆ หนึ่งที่ถ้าค้นคว้าเพียงไม่กี่นาทีก็รู้ว่าเค้าคือใคร ชีวิตความเป็นมาตั้งแต่เกิดถึงตายเป็นอย่างไร เคยทำอะไรกับใครที่ไหนอย่างไรถูกจารึกไว้หมดแล้ว ดังนั้นไม่มีอะไรซับซ้อนมันจึงเป็นหนังที่ดูง่าย
🍿🥤➖➖➖➖➖➖➖➖➖
5. มันเป็นหนังที่ดูยาก เพราะเป็นเรื่องชีวประวัติของนักวิทยาศาตร์ และหนังถูกนำเสนอในช่วงเวลาที่นักวิทยาศาสตร์มารวมตัวกันแล้วพูดคุยถึงเรื่องที่คนอย่างพวกเราไม่ได้คุยกัน เค้าตื่นเต้นกับการค้นพบบางอย่างที่พวกเราไม่อาจจะตื่นเต้นไปด้วยได้เพราะไม่รู้ว่ามันคืออะไร
เราไม่รู้ว่าสิ่งที่เค้าพูดกันว่าจะสร้างว่าจะทำมันจะทำให้เกิดอะไร แบบไหน อย่างไร เราทำได้แค่พอจะอนุมานว่า อ้อ มันจะเป็นแบบนั้นสินะ อ้อ มันจะทำอันนั้นได้สินะ ซึ่งนั่นมันทำให้หนังดูยากถ้าเราอยากจะเข้าใจไปกับมัน (แต่ฉันข้าม ๆ ตรงนี้ไปนะ มันเลยไม่ได้ยากสำหรับฉัน)
🍿🥤➖➖➖➖➖➖➖➖➖
6. ความสนุกของหนังเรื่องนี้อยู่ที่บทสนทนา สนทนา สนทนา และเหตุการณ์บีบคั้นต่าง ๆ ในใจในแต่ละสถานการณ์ ซึ่งนี่คือหัวใจของเรื่อง และก็เป็นเหตุที่ทำให้ฉันไม่สามารถให้คะแนนได้ เพราะฉันไม่สามารถเข้าใจมันได้ทั้งหมดด้วยความอ่อนด้อยทางด้านภาษาของฉันเอง คงต้องให้ได้ชมบรรยายไทยอีกสักครั้งค่อยว่ากันอีกที แต่ที่แน่ ๆ ไม่ต่ำกว่า 8 เต็ม 10 แน่นอน
🍿🥤➖➖➖➖➖➖➖➖➖
7. Special effect ในส่วนของภาพในหัวเกี่ยวกับปฏิกริยาทางวิทยาศาสตร์ต่าง ๆ รวมไปถึงภาพหลอนในหัวของ Oppenheimer นั้นทำได้ดีมาก และการเลือกนำมาใส่เป็นระยะทำให้หนังไม่น่าเบื่อ และเพิ่มความตื่นเต้น ความน่าสนใจในเนื้อเรื่องอันเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และการทดลองเข้าไปอีก
🍿🥤➖➖➖➖➖➖➖➖➖
8. การทดลอง Trinity อันเป็นจุดพีคของเรื่อง ที่เรารับรู้กันมาตั้งแต่ตอนถ่ายทำว่าโนแลนจะไม่ใช้ CG แต่จะสร้างระเบิดเอง ทำให้ฉันรอดูว่าเหตุผลที่เค้าบอกว่า CG จะทำให้คนไม่เชื่อว่ามันจริงนั้นสมเหตุสมผลหรือไม่ อาจจะเป็นเพราะฉันจิตอ่อน เมื่อผู้กำกับบอกว่านี่ไม่ใช่ CG นะ นี่คือระเบิดจริงนะ ฉันทำเพื่อให้เธอรับรู้ได้ว่าระเบิดจริงมันแบบนี้นะ
เออ!! ฉันก็ตกหลุมที่ผู้กำกับขุดไว้ทันที ภาพในหนังมันดูจริง จริง ๆ ด้วยว่ะ แต่ทั้งนี้ฉันว่าเป็นการกำกับภาพ การตัดต่อ ร่วมช่วยด้วยเยอะมากนะที่ทำให้มันรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของระเบิด โดยเฉพาะการตัดเสียงให้เงียบ และเล่นกับแสงจ้าจนฉันเองก็อยากกลั้นหายใจตาม พร้อมคิดในใจ มึงไม่ต้องใช้ระเบิดจริงก็ได้มั้งวะ หรือไง??
1
🍿🥤➖➖➖➖➖➖➖➖➖
9. ในขณะที่ฝรั่งสองคนที่มากับฉันคุยกันอย่างออกรสถึงนักวิทยาศาสตร์ที่ดาหน้ากันเข้ามาในหนังไม่รู้กี่คนต่อกี่คน
ส่วนฉันกลับตื่นตาตื่นใจตลอด 3 ชั่วโมงที่ได้เห็นนักแสดงตัวท็อปดาหน้าเข้ามาให้ได้เซอร์ไพรส์ตลอด
เริ่มต้นก็ RDJ ที่สลัดคราบของไอออนแมนทิ้งไปแบบไม่เหลือร่องรอยเลย จะบอกว่าตอนที่ตัวละครตัวนี้ออกมาทีแรก ฉันก็คิดอยู่นานว่าใครนะ คลับคล้ายคลับคลามาก แต่ผ่านไปสองสามนาทีถึงได้ร้องอ๋อ ไม่ใช่แค่การแสดงที่เปลี่ยนไปถาวร แต่เป็นลุคที่แก่ขึ้นแก้มตอบและผอมกว่าเดิมมาก ยิ่งเมื่อมาอยู่บนจอ IMAX มันเป็นริ้วบนหน้าร่องบนแก้มชัดมาก
นักแสดงที่ออกมาแต่ละคนนี่เรียกเสียงว้าวววในใจตลอด ต่อให้ไม่รู้จักว่านักวิทยาศาสตร์พวกนี้เป็นใครกันวะ แต่การเห็นหน้านักแสดงที่คุ้นเคยก็ทำให้ฉันไม่สับสนกับตัวละครที่มากล้น
ที่ประหลาดใจที่สุดก็คือมารู้ทีหลังว่า Garry Oldman เล่นเป็นปธน Trueman โอ๊ยยย แต่งหน้าเก่งมาก แต่ถึงจะไม่รู้ว่าเป็น Garry Oldman แต่การออกมาเพียงไม่ถึงสองนาทีก็สร้าง Impact ต่อฉันมาก ๆ ในตอนที่ดูนะ การที่ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้แล้วบอกว่า คนเค้าไม่สนหรอกว่าใครสร้าง เค้าสนแค่ว่าใครเป็นคนสั่งให้ทำ - เป็นประโยคที่ทำให้ฉันคิดต่อมาอีกหลายชั่วโมง
แม้จะเป็นหนังผู้ชายทั้งเรื่อง แต่จะไม่พูดถึงนักแสดงหญิง 2 คนอันเป็นตัวเด่นของเรื่องไม่ได้เลย คนนึงคือชู้รักของ Oppenheimer อีกคนคือเมียรัก จะบอกว่าทุกฉากที่ออกมาของทั้งคู่นั้นคืองดงามและตราตรึงใจมากที่สุด ขโมยทุกซีนที่ออกมาแสดงออกทางแววตาท่าทางครบทุกอารมณ์ แม้แต่ตอนจบ Kitty ที่เป็นเมียก็ขโมยซีนทุกคนไปได้ 100% เพียงแค่ขยับปากแสยะเพียงไม่กี่วินาที
สรุปจากคอหนังอย่างฉันที่ไม่รู้เรื่องทางวิทยาศาสตร์ว่า แค่ได้ไปนั่งดูนักแสดงแต่ละคนวาดลวดลายก็คุ้มชิบหายแล้วค่ะ โดยยังไม่ต้องพูดถึงคิลเลียน พระเอกที่แสดงเป็น Oppenheimer เลยด้วยซ้ำ
ในหนังหรือในทางประวัติศาสตร์ระบุไว้ว่าผู้พันโกรฟ์ตัดสินใจถูกที่สุดในชีวิตที่เลือก Oppenheimer เข้ามาคุมโปรเจคระเบิดยักษ์ครั้งนั้น ก็ไม่ผิดที่จะบอกว่าโนแลนตัดสินใจถูกที่สุดในชีวิตที่เลือกคิลเลียนให้มารับบท Oppenheimer
ไม่มีข้อจะติใด ๆ นอกจากจะบอกว่า perfect การจะทำให้คนรักในตัวละครที่เป็นสีเทานั้นทำได้ไม่ยากก็แค่เขียนบทให้คนดูเห็นด้านดีมากกว่าด้านร้าย แต่ที่ยากก็คือจะหาตัวละครที่เล่นมันออกมาแบบที่ไม่ได้เล่นละครอยู่ได้อย่างไร จะทำอย่างไรให้คนเชื่อว่านี่ไม่ได้กำลังเล่นละครให้ดู แต่กำลังเห็นคน ๆ นั้นจริง ๆ ซึ่งคิลเลียน เมอร์ฟี่ ทำได้แบบคะแนนเต็มร้อย และน่าจะได้รางวัลติดมือไปแน่นอน
🍿🥤➖➖➖➖➖➖➖➖➖
10. โดยสรุปนี่คือหนังชีวิประวัติของนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่ง ที่ผู้กำกับพาเราให้เข้าไปอยู่ในวังวนของคำถามที่เต็มไปด้วยมโนธรรมค้ำคอ เราแทบจะอยู่ในอารมณ์ความรู้สึกเดียวกับเขาที่ว่า แม่ง!! ที่กูทำไปมันถูกรึเปล่าวะ เพราะหากเรากระโดดไปสวมรองเท้าคู่เดียวกับเขา ก็ไม่แน่ว่าเราจะตัดสินใจต่างออกไป
ฉากที่ฉันชอบมากที่สุด ไม่ใช่ฉากของการทดลองครั้งใหญ่ของระเบิดก่อนนำไปใช้จริงที่เรียกว่า Trinity ซึ่งมันเป็นฉากที่สะกดลมหายใจนั้นไม่ผิด แต่ฉันกลับชอบฉากที่หลังจาก Oppenheimer ทราบข่าวความสำเร็จของระเบิดที่เมืองฮิโรชิมาแล้วต่างหาก
ตอนที่เขาต้องไปพูดต่อหน้าคนในห้อง แล้วผู้กำกับเลือกใช้ภาพของการกระทืบเท้าตัดสลับกับความเงียบ ใช้เสียงของการโห่ร้องตัดสลับกับความเงียบและซูมเข้าไปที่แววตาของ Oppenheimer ใช้ภาพของหญิงสาวที่ผิวค่อย ๆ หลุดรุ่ย ภาพอ้วกของชายขี้เมาตัดสลับกับความเงียบ นี่คือฉากที่บอกทุกอย่างได้ดีที่สุดสำหรับฉัน
🍿🥤➖➖➖➖➖➖➖➖➖
โดยรวมนี่คือหนังชีวประวัติที่ดีมากเรื่องหนึ่ง ฉันมักจะวัดจากตัวเองโดยดูว่าหลังจากดูหนังจบแล้วฉันทิ้งทุกเรื่องราวไว้ที่โรงหนัง หรือว่าหนังพามันขบคิดต่อเนื่องได้อีกยาวเป็นวัน Oppenheimer สร้างคำถามให้ฉันมากมายต่อจากนั้นหลังดูจบ นี่คือหนังที่ให้ความบันเทิงครบถ้วนไม่มีอะไรสงสัย แต่มากไปกว่านั้นหนังทำให้ฉันไปต่อยอดถามหาข้อมูลเพิ่มเติมอีกหลายแขนง นั่นแหละสำหรับฉันคือหนังที่ดีที่ทำหน้าที่มากกว่าความบันเทิงดาษดื่น
❤️

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา