25 ส.ค. 2023 เวลา 23:19 • ปรัชญา
ตำบล ไทรม้า

ความตายที่หมายมั่นและความฝันที่มั่นหมาย

🌧 ในเย็นวันที่ฝนตกพรำ ๆ..มีหลายสิ่ง "เกิด" ขึ้นภายในใจ (ค่อย ๆ อ่านไป นะครับ) 👨‍💻
1
ปกติผมจะเป็นคนขับรถช้า ถ้าไม่มีธุระอะไรรีบเร่ง แต่เย็นวันนี้ ผมกลับขับรถเร็วกว่าที่เคยขับมา
เพราะรีบจะไปให้ทันงานสวดพระอภิธรรมศพแม่ของเพื่อน ซึ่งจะเริ่มพิธีสวดในเวลาหกโมงเย็นที่วัดแห่งหนึ่ง ใกล้ห้าแยก ปากเกร็ด นนทบุรี
แต่ดูเหมือนว่า ยิ่งเร่งรีบเท่าไร รถกลับขับเคลื่อนไม่ได้ดั่งใจ เนื่องจากเส้นทางที่ผมขับ จากแยกสะพานพระนั่งเกล้า ผ่านกระทรวงพาณิชย์มาถึงแยกสนามบินน้ำ เพื่อเข้าเส้นถนนติวานนท์
เจอรถติดมาตลอดทางจากฝนที่ตกพรำ ๆ และเป็นช่วงเวลาเลิกงานพอดี 🚌
เมื่อรถเลี้ยวซ้ายตรงแยกสนามบินน้ำเข้าสู่เส้นถนนติวานนท์ มุ่งหน้าไปยังห้าแยก ปากเกร็ด นาฬิกาบนหน้าปัดรถ บอกเวลาว่า...ใกล้ห้าโมงเย็น...🕔
ผมอุ่นใจขึ้น เพราะมีเวลาเหลือ 1 ชั่วโมง ในระยะทางที่ต้องวิ่งอีกประมาณ 4-5 กม.
ครั้นพอวิ่งไปได้สัก 300-400 เมตร รถก็ยังคงติดเหมือนเดิม ใช้ความเร็วไม่ได้อย่างที่คิด
ผมจึงเริ่มดูนาฬิกาถี่ขึ้น ทั้งจากนาฬิกาบนหน้าปัดรถและบนข้อมือ แม้เวลาจะต่างกันเพียง 3-4 นาที
เพียงแค่จะหาเวลาอ้างอิงที่แน่นอนในยามที่เวลาแต่ละนาทีมีค่ายิ่งนัก (อืม.. ใจคน มันร้อนรนเช่นนี้เอง)😀
จนรถมาถึงบริเวณหน้ากรมชลประทาน ปากเกร็ด ตอนนั้น เวลาห้าโมงครึ่งแล้ว ผมมีเวลาอีกครึ่งชั่วโมงที่จะต้องไปให้ถึงวัดในระยะทางที่เหลือประมาณ 2-3 กม.
ในจังหวะที่ใจผมจดจ่อเรื่องเวลาอยู่นั้น...ช่างบังเอิญจัง..ที่ผมมองผ่านเม็ดฝนที่ตกพรำ ๆ ไปเห็นข้อความบนกระจกบานหลังของรถที่วิ่งอยู่คันหน้า เขียนไว้สะกิดใจดีว่า...🚗 🚙
"สุดท้ายก็ตาย"...
ขอบคุณเจ้าของรถที่เตือนสติ ครับ
💭 ถึงตอนนี้ ใจผมละความสนใจเรื่องเวลา..ช้าเร็ว..ไปชั่วขณะ เหมือนถอนคันเร่ง มาแตะเบรค แล้วเริ่มคิดปรุงแต่งเรื่องราวเกี่ยวกับ...ความตาย...แทน
ซึ่งเข้ามาทักทายบ่อยขึ้น ในฐานะผู้เห็นความตาย ความเฉียดตาย ผู้เยี่ยมผู้ป่วยระยะสุดท้าย ผู้ร่วมงานในพิธีสวดศพและฌาปนกิจ
"วันหนึ่ง ไม่ช้าก็เร็ว คงมาถึงตัวเราบ้างในฐานะ...ผู้เล่นหรือแสดงบทนำ...นี้เอง"
 
ผมรำพึงขึ้นในใจในระหว่างที่ขับรถไปและปล่อยใจนึกถึงความตายไปอีกครู่หนึ่ง...🤍
ในที่สุด รถก็มาถึงวัด ก่อนเวลาสวดประมาณ 10 นาที พอเหลือเวลาได้ทักทายพูดคุยกับเจ้าของงาน และเพื่อน ๆ ที่มาร่วมงาน
พี่พล คุณพ่อของผู้ติดตามอ่าน ให้สติดีว่า "ถ้าใจเรายังรีบเร่ง ปลายทางอาจจะไปเป็นเพื่อนคนตาย ไม่ได้ไปเจอเพื่อนคนเป็น ๆ ที่มาในงาน ทักทายกัน"
🙏 พอพระเริ่มพิธีสวดพระอภิธรรม เป็นภาษาบาลี ไม่มีคำแปล สิ่งที่ผมพยายามทำ ระหว่างที่ฟังพระสวดไป คือ
การนั่งหลับตา น้อมนำจิตใจที่กระเพื่อมมาตลอดทางให้เข้าสู่ความสงบ และเกิดพลังสมาธิในช่วงสั้น ๆ เท่าที่จะสามารถทำได้ เพื่ออุทิศผลบุญให้กับแม่เพื่อนผู้ล่วงลับ
โดยมีช่วงหนึ่งที่ผมลืมตามองไปยังพระภิกษุที่กำลังสวดอยู่ แล้วสังเกตเห็นที่ตาลปัตรของพระ 4 รูป มีข้อความเรียงกัน จากขวาไปซ้ายว่า ..เกิด..แก่..เจ็บ.. ตาย
จึงใช้โอกาสนี้ นำร่างของผู้ตายมาสอนใจตัวเองและขอบคุณผู้ตายไปพร้อมกัน ที่ช่วยเตือนใจให้ระลึกถึง สภาวะทุกข์ที่เกิดขึ้นจากการ เกิด แก่ เจ็บ ตาย
ซึ่งเป็นความจริงของชีวิตที่ได้พบเจอมาบ้างแล้ว แม้การตายจะยังไม่เกิดขึ้นกับตัวเอง แต่ก็ได้สัมผัสถึงการสูญเสียคนใกล้ชิดว่า เกิดทุกข์เช่นใด 🫂
เสียงพระสวดใกล้จบลง..พอถึงบทสวดกรวดน้ำให้ผู้ล่วงลับ ผมตั้งใจอุทิศผลบุญให้ผู้ตายอีกครั้งหนึ่ง รวมทั้งเจ้าที่ เจ้าทาง และวิญญานดวงอื่น ๆ ที่ยัง "วนเวียน" อยู่ในวัด
ไม่ต่างไปจากใจผมที่ยังคง "เวียนว่าย" และ "วุ่นวาย" ไปกับชีวิตที่ดำเนินไปในแต่ละวัน 💓
✌อีก 2 วัน ถัดมา ช่วงเวลาบ่ายสาม
ผมกลับมาที่วัดเดิมอีกครั้ง เพื่อร่วมพิธีฌาปนกิจศพ ในเวลาสี่โมงเย็น ส่งแม่เพื่อนไปตามเส้นทางที่ท่านหมายมั่น
แต่วันนี้ ต่างจากวันที่มาฟังพระสวดอภิธรรม เพราะเป็นวันเสาร์ วันหยุดราชการ ท้องฟ้าสดใส สภาพการจราจรคล่องตัว
ทำให้ผมเดินทางมาด้วยใจที่รู้สึกผ่อนคลาย สบาย ๆ ไม่รีบเร่ง
และมาถึงวัดก่อนเวลาฌาปนกิจประมาณ 45 นาที มีเวลาทักทายพูดคุยกับเพื่อน ๆ ได้นานกว่าวันก่อน
บางช่วงก็หันไปมองเมรุเผาศพที่นำโลงศพบรรจุร่างผู้ตายให้ผู้ร่วมงานได้ร่วมแสดงความอาลัยเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะทำพิธีฌาปนกิจ
โลงเรียน : เรียนรู้ จากโลง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ทำให้หวนนึกไปถึงข้อความเตือนใจท้ายรถคันนั้นในวันก่อนว่า "สุดท้ายก็ตาย"
แล้วปล่อยให้ความคิดในวันนี้ เชื่อมโยงต่อเนื่องกันไปว่า...
อีกไม่นาน รูปกายจะสลายสิ้น ส่วนใจที่เคยอาศัยอยู่ในกายนั้น ยังไม่ตายตามไปด้วย จะแยกเดินทางต่อไป...
พอเข้าสู่ช่วงพิธีการ หลานสาวผู้ตายอ่านประวัติของยาย หยุด สะดุดเป็นช่วง ๆ ปนเสียงสะอื้น
เป็นบรรยากาศที่ทำให้ผู้ที่มาร่วมงานได้สัมผัสเรียนรู้ร่วมกันถึงการพลัดพรากจากสิ่งที่รักและผูกพัน ซึ่งทุกคนมิอาจหลีกเลี่ยงได้👩‍👧‍👦
✍ หลังงานฌาปนกิจเสร็จสิ้นไป ผมใช้เวลา 3-4 วัน หมดไปกับการหันกลับมามองตัวเอง เพิ่มมากขึ้น เพื่อเตรียมรับมือต่อความตายในวันหน้าไว้บ้าง
และใช้เวลาอีกหลายวันติดต่อกัน เขียนถ่ายทอดเรื่องราวใกล้ตัวเกี่ยวกับความตายที่ "แว็บ" ขึ้นมา ในระหว่างร่วมงานศพ ตามที่นำเสนอในโพสต์นี้
เป็น "ความตายที่หมายมั่น" ซึ่งหลาย ๆ ท่านที่อยู่ในวัยพ้นจากการแสวงหา ผ่านร้อน ผ่านหนาวมาพอสมควรแล้ว หรือแม้กระทั่งคนวัยหนุ่มสาวอาจจะคิดตรงกันไว้ล่วงหน้าว่า...
"สุดท้ายเราทุกคนต้องตาย เพียงแต่จะตายแบบไหน เท่านั้นเอง"
และถ้าออกแบบการตายได้ เมื่อถึงวัยอันควร เรา ๆ ท่าน ๆ ก็อาจจะคิดตรงกันอีกในหลาย ๆ แบบ เช่นว่า 👇
"อยากนอนหลับตายอย่างสงบไปเลย จะได้ไม่ทรมาน"
"ไม่อยากป่วยนาน ๆ เพราะไม่อยากเป็นภาระให้ใคร ๆ ต้องดูแล"
"บอกลูก หลาน สามี/ภรรยา ไว้แล้ว ไม่ต้องให้หมอเจาะคอ ไม่ต้องใส่ท่ออะไร ทั้งสิ้น ขอไปให้สบาย"
และ
พยายามแก่อย่างมีคุณภาพค่ะ ป่วยแล้วตายไปในระยะเวลา
ไม่นาน เพื่อไม่ให้ลูกต้องมาเป็นทุกข์ คอยห่วงเรา เขาจะได้มีโอกาสใช้ชีวิตของเขาอย่างเต็มที่
และอีกอย่างหนึ่ง หนูก็บริจาคร่างกายให้กับโรงพยาบาลไว้แล้ว และบริจาคเลือดทุก 3 เดือน
ตอนนี้กำลังเตรียมจะบริจาคอวัยวะบางส่วนด้วยค่ะ
ความเห็นคุณรัตน์ เจ้าของกิจการร้านทำผม ย่านแคราย นนทบุรี
คุณรัตน์ ตัดผมไป ให้ข้อคิดแทรกไป
แต่รูปแบบความตายที่คิด จะเป็นไปตามใจที่หมายมั่น และออกแบบไว้ หรือไม่ เป็นสิ่งที่เราไม่สามารถคาดการณ์ ได้ รวมทั้งโรคที่จะเกิดขึ้น และการดูแลรักษาโรคนั้น
ทำได้แต่เพียงดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงเท่าที่จะสามารถทำได้ และเตรียมพร้อมทางจิตใจให้พร้อมที่จะตายทุกเมื่อ 🏋‍♂️
เดินออกกำลังกายยามเช้าทักทายกัน ช่วยทั้งสุขภาพกายและจิตใจ
ด้วยการทำภารกิจต่าง ๆ ให้เรียบร้อย ไม่มีอะไรคั่งค้าง ให้ต้องห่วง วิตกกังวล พร้อมกับหัดฝึกใจให้เข้าใจ และยอมรับการตายจากที่จะเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว
ซึ่งเมื่อใกล้ถึงเวลานั้น จะตายตาหลับหรือเป็นความตายอย่างที่หมายมั่นไว้ หรือไม่ ก็ต้องพร้อมที่จะ "ปล่อยวาง"
ผมเลย...ขอถือโอกาส "วางประเด็น" "ความตายที่หมายมั่น" ไว้ก่อนชั่วคราวนะครับ
เพราะดูเหมือนว่า จะพาผู้อ่านจริงจังกับความตายมากเกินไปซะแล้ว(ฮา) (ยิ้ม..ได้บ้างนะครับ หลังวางลง 🤗)
😏 แล้ว...หันมามองถึง "ความฝันที่มั่นหมาย" บ้าง
ซึ่งปกติทุกท่านล้วนมีฝันใดฝันหนึ่ง หรือหลายฝันเป็นของตัวเอง และเพื่อคนที่เรารัก
ด้วยการอยากทำนั่น ทำนี่ อยากจะเป็นแบบนั้น แบบนี้ อยากมีเงิน มีทอง มีบ้านพักแบบที่ใฝ่ฝัน และเดินทางท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่าง ๆ เป็นต้น
โดยที่ความฝันเหล่านั้น ซึ่งไม่จำกัดว่า จะเป็นขนาด เล็ก ใหญ่ จะเกิดขึ้นในระยะเวลาอันสั้น หรือ ยาว ตามที่มุ่งหมายไว้ หรือไม่
ปัจจัยสำคัญอยู่ที่ การลงมือทำทันที และไม่ท้อถอยกับสิ่งที่จะทำให้ฝันนั้นสะดุดหรือหยุดลง
ยังคงเดินตามฝันอย่างมุ่งมั่น พร้อมกับปรับขนาดฝันให้เหมาะสมตามสถานการณ์ และสอดคล้องกับขีดความสามารถของตนเอง
🙌 คราวนี้ ถ้าลองนำ "ความฝันที่มั่นหมาย" มาผูกโยงกับ "ความตายที่หมายมั่น" บ้าง
จะพบความจริงอย่างหนึ่งว่า มีผู้คนไม่น้อยที่ต้องจากโลกนี้ไป โดยค้างคาฝันที่คิดร่าง วางแนวทางไว้ ทั้งเรื่องใกล้ และไกลตัว อาทิ
ยังไม่ได้อ่านหนังสือเล่มโปรด ยังไม่ได้ทำเมนูอาหารหาทานยาก ยังไม่ได้ฝึกร้องเพลงที่ชอบ ยังไม่ได้พายเรือรอบเกาะเกร็ด
บ้างฝันอยากทำร้านอาหารเวียดนาม (ภาพประกอบจากร้านเวียดนามโภชนา ติวานนท์ ซ.6 ใกล้แยกแคราย นนทบุรี)
ยังไม่ได้เดินขึ้นภูกระดึง ยังไม่ได้ดูฟุตบอลพรีเมียร์ลีกที่อังกฤษ และดูพระอาทิตย์เที่ยงคืนที่นอร์เวย์
ฝันคนยุคเบบี้บูมที่อยากมาชมฟุตบอลไทยแข่งกับเกาหลีใต้ สักครั้งหนึ่ง @สนามศุภชลาศัย
รวมทั้งเดินทางไปเนปาลและอินเดีย
เพื่อสักการะสังเวชนียสถาน สถานที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา และปรินิพพาน เพื่อน้อมจิตระลึกถึงพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
👉 จึงเป็นข้อเตือนใจเราว่า หากจะทำอะไร ก็รีบทำในเวลาที่ยังเหลืออยู่ มิให้ตั้งอยู่ในความประมาท
เพราะอาจไม่ได้ทำตามฝันที่คิดไว้ ทั้งเพื่อตัวเราเองและครอบครัว
ทัศนียภาพเกาะเกร็ด
รวมทั้ง ทำตามฝันในเรื่องที่เสียสละและสร้างประโยชน์ต่อผู้อื่นหรือส่วนรวม เพื่อให้สังคมอยู่กันด้วยความรัก ความปรารถนาดีต่อกัน เกื้อกูลกัน
ตามหลักพรหมวิหาร 4 (เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา) และสังคหวัตถุ 4 (ทาน ปิยวาจา อัตถจริยา และสมานัตตตา)
รวมทั้ง การตอบแทนผู้มีพระคุณตามหลักกตเวทิตา
โดยอาศัยความรู้ ความเชี่ยวชาญ ความคิดอ่านที่ยังพอมีเหลืออยู่ ในช่วงที่ร่างกายยังแข็งแรง และใจที่ยังมีพลัง
ดังเช่น สอนกีฬา ดนตรี วาดภาพและทำกิจกรรมอื่น ๆ เพื่อเยาวชน การถ่ายทอดประสบการณ์ เรื่องที่สร้างสรรค์ ผ่านการเขียน การพูด
การทำคลิปวีดีโอ ให้กับสาธารณชน
โดยไม่ละเลยที่จะดูแล "พัฒนาจิตใจตัวเอง" ไปพร้อมกัน ด้วยการปฏิบัติตนตามแนวคำสอนของแต่ละศาสนาที่ตนนับถือ 💒🕌
ซึ่งล้วนมีเป้าหมายเดียวกัน ในการมุ่งทำความดี ละเว้นความชั่ว และการฝึกใจตนเองบ่อย ๆ ให้มีสติกำกับการคิด การพูด การกระทำ มีความมั่นคง ไม่หวั่นไหวง่าย
ทั้งนี้ ความดีทั้งหมด ที่ได้ตั้งใจทำอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ และจิตที่ฝึกมาดีแล้ว
จะช่วยให้ไม่หวั่นวิตกต่อความตายที่จะเกิดขึ้น และพาใจก้าวไปสู่ภพใหม่ในทางที่ดีอีกด้วย 💌
ขอบคุณเจ้าของรถแท็กซี่ ที่มีข้อความเตือนใจไว้ดีว่า "คนเราจะต้องสำนึกในคุณค่าของบุญ รักษาบุญที่ทำไว้ และหมั่นสร้างบุญ"
🧘‍♂️ กล่าวในส่วนของการฝึกสติ แม้จะเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก แต่จะเกิดประโยชน์ในระยะยาว ต่อการระลึกรู้
ถึงสิ่งที่ตัวเรากำลังคิด พูด และทำ ว่า ถูกต้อง เหมาะสม เพียงใด และช่วยวางใจไม่ให้ไหลไปยังอนาคต จมอยู่กับอดีต
ซึ่งพระอาจารย์ที่เคารพท่านหนึ่ง ที่เคยเป็นกัลยาณมิตรร่วมชั้นเรียนปริญญาตรี ด้วยกันมา
จะเมตตาคอยย้ำเตือนเพื่อน ๆ บ่อยครั้ง ให้พวกเราหันกลับมาดูแลจิตใจ และฝึกสติ ในช่วงชีวิตที่เหลือ ซึ่งท่านเปรียบเทียบการฝึกสติไว้ดีมากว่า...🧘‍♀️
"สติเป็นเรื่องที่ต้องฝึก สร้างสะสมเอาเอง เสมือนการแสวงหาสตางค์ ถ้าใครขยันหา ขยันทำ ก็จะมีสติเพิ่มมากขึ้น
และสติจะอาศัยให้ผู้อื่น เช่น พ่อ แม่ ที่มีความรัก ความห่วงใยเรา "โอนสติ" มาให้เราแบบ "โอนสตางค์" ไม่ได้หรอก"
พอได้ฟังท่านพูด แล้วหันกลับมามองตนเอง ที่สติไม่ค่อยจะมี...สตางค์...ก็ยังขาด...นาน ๆ จะมีเกินสักครั้ง (ฮา) 😍
ถึงรู้ว่า การกำหนดสติไว้ที่ลมหายใจ ไม่ให้ล่องลอยไปไหน เพียงระยะเวลาสั้น ๆ 1 นาที แม้ทำได้ไม่ง่าย แต่ก็ต้องฝึกทำไว้บ้าง
อย่างน้อยจะได้นำไปใช้ เวลาที่พิธีกรในวัดบอก...ให้ทุกคนลุกขึ้นยืนสงบนิ่งไว้อาลัย เป็นเวลา 1 นาที และกำหนดจิต แผ่บุญกุศลไปยังผู้ตายเป็นครั้งสุดท้าย... ก่อนพิธีการฌาปนกิจ
รวมทั้ง นำไปใช้กำหนดจิตเราเอง เมื่อวันนั้นมาถึงตัวเราบ้าง
ซึ่งคาดหวังว่าน่าจะมีพลังพออยู่บ้างที่จะเผชิญหน้ากับ
..ความตายที่หมายมั่น..แม้เมื่อถึงเวลานั้น จะยังไม่ได้ทำตาม..ความฝันที่มั่นหมายไว้..
"จะรีบเดินจ้ำอ้าวไปไหน คร้าบ" 🚶
เสียงคุ้น ๆ ของพี่สมศักดิ์ ตะโกนเรียกอยู่ด้านหลัง ในจังหวะที่ผมกำลังเดินออกกำลังกายยามเช้า และคิดถึงเนื้อหาที่จะจบใน "ย่อหน้าสุดท้าย" อย่างไรดี
พอผมหันกลับมาส่งรอยยิ้ม และหยุดรอ เฮียก็ปล่อยประโยคถัดมาเตือนสติผมทันที
"หนัก ๆ ก็วางลงบ้าง...และอย่าลืมวางจิตให้อยู่กับปัจจุบันบ่อย ๆ ...Here and Now...นะครับ"
ผมเลยขอถือโอกาส (อีกครั้ง) ยืมมือพี่สมศักดิ์ มาช่วยปล่อยวางข้อเขียน(ที่ทำอย่างเต็มที่แล้ว) ลง
และขออนุญาตลาผู้อ่าน(ไปชั่วคราว) เพราะยังอยากอยู่(ยาว ๆ) กับตัวหนังสือที่รักอีกสักพักใหญ่ ๆ ครับ (ฮา) 🥰
👋 I have to say goodbye now. 🤟
🙏ขอบคุณมากครับ
มุมชัย นัยสอิ้ง
โฆษณา